ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ในหลายๆ สังคมจะค่อนข้างเปิดกว้างเรื่องความหลากหลายของอัตลักษณ์ทางเพศ ไปจนถึงการสมรสอย่างเท่าเทียมกันของคนทุกเพศมากขึ้น แต่กระแสหนึ่งจากโลกโซเชียลฯ เมื่อไม่นานมานี้เองที่หลายคนพูดถึงการแต่งงานแบบที่เรียกว่า Lavender Marriage จนกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของความสัมพันธ์ในยุคนี้ ซึ่งเราว่าทั้งน่าสนใจและน่าตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดคนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งถึงกลับไปให้คุณค่าและโอบรับกับสิ่งนี้กันนะ 

Lavender Marriage เมื่อคนเพศหลากหลายเลือกแต่งงานตามเพศกำเนิด
ไม่ใช่แค่เพื่อปิดบังความเควียร์ 
แต่ยังเป็น ‘ทางเลือก’ ใหม่ๆ ที่อาจตอบโจทย์รูปแบบความสัมพันธ์ในโลกยากๆ ใบนี้

ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ในหลายๆ สังคมจะค่อนข้างเปิดกว้างเรื่องความหลากหลายของอัตลักษณ์ทางเพศ ไปจนถึงการสมรสอย่างเท่าเทียมกันของคนทุกเพศมากขึ้น แต่กระแสหนึ่งจากโลกโซเชียลฯ เมื่อไม่นานมานี้เองที่หลายคนพูดถึงการแต่งงานแบบที่เรียกว่า Lavender Marriage จนกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของความสัมพันธ์ในยุคนี้ ซึ่งเราว่าทั้งน่าสนใจและน่าตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดคนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งถึงกลับไปให้คุณค่าและโอบรับกับสิ่งนี้กันนะ&nbsp;Lavender Marriage หมายถึง Mixed-sex Marriage หรือการที่คนเพศหลากหลายตัดสินใจมาแต่งงานกัน ให้อยู่ภายใต้กรอบของการใช้ชีวิตคู่แบบ Heterosexual (เพศกำเนิดชาย-หญิง) เพื่อปกปิดอัตลักษณ์ รสนิยม หรือเพศวิถีที่แท้จริงทั้งของตัวเองและพาร์ทเนอร์ ด้วยเหตุผลต่างๆ โดยเฉพาะเหตุผลทางสังคม เพราะว่าตั้งแต่ไหนแต่ไร การที่ใครสักคนจะเปิดเผยความเป็นเควียร์ของตัวเอง หรือแม้กระทั่งใช้ชีวิตอยู่กินกันฉันท์คู่รักก็อาจไม่ได้ง่ายนัก ยิ่งในสมัยก่อนที่ขนบประเพณีของสังคมยังไม่ได้เปิดกว้างและยอมรับความหลากหลายทางเพศเช่นทุกวันนี้&nbsp;ทว่ายุคสมัยที่เปลี่ยนไป ความหมายคำว่า Lavender Marriage ซึ่งอาจเคยถูกใช้ในบริบทของการปิดบัง ซ่อนเร้น เพื่อปกป้องสิทธิ์และเพื่อ ‘ความอยู่รอด’ ของกลุ่มคนที่มีเพศหลากหลายก็กลับแปรเปลี่ยนไป เมื่อมันเป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่เริ่มหันมาโอบรับและคุณค่าว่าเป็นอีกหนึ่ง ‘ทางเลือก’ ใหม่ๆ อื่นๆ ของรูปแบบความสัมพันธ์อันหลากหลายที่น่าจะตอบโจทย์กับวิถีชีวิตของพวกเขาในโลกยุคปัจจุบันได้ด้วยและนี่อาจเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งในปัจจัยหลายๆ ข้อของการที่คนรุ่นใหม่ตัดสินใจเลือกใช้ชีวิตร่วมกันภายใต้เงื่อนไขของการแต่งงานแบบ Lavender Marriage&nbsp;สนองความคาดหวังทางสังคม&nbsp;อย่างที่บอกว่าในหลายสังคมทุกวันนี้เปิดกว้างและยอมรับความหลากหลายทางเพศมากขึ้นก็จริง แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความคาดหวังให้แต่ละเพศเป็นไปตามกรอบของเพศกำเนิดตัวเองนั้นยังคงมีอยู่ในหย่อมหญ้า และสำหรับในสังคมที่ยังไม่เปิดรับการสมรสเท่าเทียม การแต่งงานแบบ Lavender Marriage นี้จึงอาจจำเป็นและยังต้องทำหน้าที่คล้ายกันกับบริบทของมันในสมัยก่อน ไม่ว่าจะเพื่อรักษาตำแหน่งหน้าที่การงาน หรือการทำอาชีพบางอย่างที่=เพศสภาพกับเพศกำเนิดต้องเป็นไปด้วยกัน หรือเพื่อรักษาหน้าตาภาพลักษณ์ทางสังคม อีกทั้งอาจเป็นเรื่องของการตอบสนองความต้องการของครอบครัว เช่น ความคาดหวังจากครอบครัวว่าคนเพศกำเนิดชาย-หญิงจะต้องแต่งงานกันเพื่อมีลูกหลาน มีทายาทไว้สืบต่อกิจการ สืบทอดเชื้อสายวงศ์ตระกูลต่อไป หรือแม้แต่เหตุผลพื่อความมั่นคงของฐานะทางครอบครัว สิ่งเหล่านี้เป็นความกดดันและความคาดหวังของสังคมที่ยังคงมีอยู่ ไม่หายไปไหน และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คนรุ่นใหม่จำเป็นต้องเลือกเเต่งงานแบบ Lavender Marriage เพื่อตอบสนองความคาดหวังเหล่านั้นนั่นเองแบ่งเบาภาระค่าครองชีพEdward Reese ผู้เชี่ยวชาญด้านเพศและอัตลักษณ์ทางเพศจาก Dating App ของคอมมิวนิตี้ LGBTQ+ ชื่อ Taimi ซึ่งมียอดยูสเซอร์มากถึง 29 ล้านคน มองว่าการแต่งงานแบบ Lavender Marriage อาจเป็นตัวช่วยให้คนรุ่นใหม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างไม่ลำบากนัก ภายใต้อัตราค่าครองชีพที่สูงลิบอย่างทุกวันนี้&nbsp;“เคยมีคนบอกว่าเหตุผลที่คนรุ่นใหม่ทั้งมิลเลนเนียลและ Gen Z เลือกมีความสัมพันธ์แบบหลายคน (Polyamory) มากกว่าผัวเดียวเมียเดียว ก็เพราะเพื่อตอบโจทย์กับวิกฤติค่าครองชีพในโลกทุกวันนี้นี่แหละ” เขาบอกว่านั่นเป็นความตลกร้ายอย่างมาก เพราะต้องยอมรับว่าการแต่งงานและอยู่เป็นคู่ สามารถช่วยจัดการกับภาระทางการเงินได้จริงๆ ไหนจะใช้ลดหย่อนภาษีได้ แชร์ค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าที่อยู่อาศัย ค่าปัจจัยต่างๆ โดยที่ไม่ต้องแบกคนเดียว การแต่งงานแบบ Lavender Marriage ในรูปแบบของ Heterosexual จึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางออกทางเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “เรียกว่ามันมีการคุ้มครองคน (ชาย-หญิง) ที่แต่งงานในระดับกฎหมายเลยละ” Edward Reese กล่าว &nbsp;&nbsp;มองหาซัพพอร์ตทางใจที่ยั่งยืนแง่งามอีกอย่างหนึ่งของ Lavender Marriage คือการที่มันอนุญาตให้เราสามารถเป็น ‘พาร์ทเนอร์’ กันได้โดยที่อาจจะมี หรือไม่จำเป็นต้องมีเรื่องเซ็กชวลเข้ามาเกี่ยวข้องก็ได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละฝ่าย เหตุผลข้อนี้เองซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกให้คนรุ่นใหม่ที่อาจกำลังรู้สึกเหนื่อยล้า ท้อแท้กับการมองหาความสัมพันธ์ที่จริงใจ มั่นคง หรือยั่งยืนในทุกวันนี้ได้มีความหวังในการแชร์ชีวิตร่วมกับใครสักคน เช่นเดียวกับคนที่มองหา หรือให้คุณค่ากับ Emotional Connection มากกว่าความสัมพันธ์แบบรักโรแมนติกหรือเซ็กชวลเพียงอย่างเดียว โดยที่มองข้ามเรื่องของเพศกำเนิด เพศสภาพ เพียงแค่ต้องการมีใครสักคนอยู่บนโลกนี้ด้วยกันในฐานะมนุษย์ที่สามารถเป็นที่พักพิงทางใจให้แก่กันได้ ซึ่งคล้ายกับความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์ เกื้อกูล หรือ Platonic Relationship ที่แต่ละคนมาใช้ชีวิตร่วมกันภายในเงื่อนไขและข้อตกลงต่างๆ Lavender Marriage ซึ่งนั่นก็อาจตอบโจทย์คนที่เป็น Aromantic ไม่มีแรงดึงดูด ไม่ต้องการมีความสัมพันธ์แบบโรแมนติก และ Asexual คนที่ไม่ต้องการความสัมพันธ์ในเชิงเซ็กชวลกับใครด้วย &nbsp;อ้างอิงhttps://www.them.us/story/lavender-marriage-old-hollywood-history-explainedhttps://www.vice.com/en/article/lavender-marriages-are-rising-in-popularity-again-heres-why/

‘การจัดบ้านที่ตั้งใจคุมโทนมาอย่างดี หากมีเคทเทิลเบลล์สีชมพูตั้งตระหง่านไว้ก็ทำให้ขัดอารมณ์ได้ไม่น้อย แต่หากเก็บไว้มิดชิด ก็ทำให้เราลืมหยิบ และละเลยการออกกำลังกายไปเลย’ 

Subtle Impacts ออกแบบอุปกรณ์ยกเวท
ให้เป็นของแต่งบ้านสุดมินิมัล ดูน้อยแต่มาก วางตรงไหนก็ไม่ขัดมู้ด 

สถานการณ์ ‘หวั่นไหวกับคนอื่น ทั้งที่มีแฟนอยู่แล้ว’ ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงในซีรีส์เท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นในชีวิตจริงด้วยเช่นกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ ตอนจบของเรื่องราวนี้อาจไม่ได้สวยงามเหมือนในซีรีส์ เพราะมันขึ้นอยู่กับว่า แต่ละคนจะเลือกเส้นทางไหน และจัดการความรู้สึกหวั่นไหวนั้นอย่างไร? ชวนกลับมาทบทวนความสัมพันธ์และความรู้สึกของตนเอง ผ่านทฤษฎีสามเหลี่ยมแห่งความรัก

‘มีแฟนอยู่แล้ว แต่กลับหวั่นไหวกับคนอื่น’ ชวนทบทวนความรู้สึก เพื่อขีดเส้นความสัมพันธ์ ผ่านบทเรียนจากซีรีส์ ‘สงครามส่งด่วน Mad Unicorn’ ด้วยทฤษฎีสามเหลี่ยมแห่งความรัก (Triangular Theory of Love)​​

เป็นเรื่องธรรมดาที่การเลิกราใดๆ ย่อมทิ้งร่องรอยบางอย่างให้กับคนในความสัมพันธ์นั้นๆ ไว้เสมอ และความรู้สึกที่ท่วมท้นมากมายหลังจากนั้นก็ยังอาจสร้างความเสียศูนย์ให้กับชีวิตที่เหลือของเราไปอีกนานเท่าไรก็ไม่รู้  

Don’t look back in anger? ‘เพราะฉันเจ็บ ฉันจึงต้องด่า’ ชวนทำความเข้าใจจิตวิทยาของความเกรี้ยวกราด และการก่นด่าที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ‘ความโกรธ’ ของผู้หญิง

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Relationship

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS