ศาลตัดสินว่าการกระทำของชายเกาหลีที่ลงมือทำร้ายพนักงานหญิงในร้านสะดวกซื้อโดยให้เหตุผลว่า ก็เพราะเธอ ‘ผมสั้น’ เลยคาดเดาว่าเธอน่าจะเป็น ‘เฟมินิสต์’  เป็นคดีอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังผู้หญิง (misogyny-based crime) เป็น ‘ครั้งแรก’

ครั้งแรกของเกาหลีใต้ ที่ศาลตัดสินให้คดีผู้ชายทำร้ายผู้หญิงเพียงเพราะเธอผมสั้นเหมือนเฟมินิสต์ เป็น ‘อาชญากรรมจากความเกลียดชังผู้หญิง’ 

จากกรณีความรุนแรงในเกาหลีใต้ที่เกิดขึ้นในปี 2023 เมื่อชายชาวเกาหลีวัย 24 ปี ลงมือทำร้ายพนักงานหญิงในร้านสะดวกซื้อ ณ เมืองจินจู โดยให้เหตุผลว่า ก็เพราะเธอ ‘ผมสั้น’ เลยคาดเดาว่าเธอน่าจะเป็น ‘เฟมินิสต์’ และเขาก็มองว่าคนที่เป็นเฟมินิสต์ควรถูกทุบตี ซึ่งได้สะท้อนภาพความเกลียดชังเฟมินิสต์ และการต่อต้านความเท่าเทียมทางเพศที่ยังเป็นปัญหาอย่างหนักในประเทศเกาหลีใต้ ที่แม้ผู้หญิงในประเทศจะใช่หรือไม่ใช่เฟมินิสต์ ก็อาจถูกทำร้ายได้ง่ายๆ แต่ล่าสุดในปี 2024 นี้ คดีดังกล่าวมีความคืบหน้าไปในทิศทางที่เป็นธรรมต่อเหยื่อและนับเป็นมูฟเมนต์ใหญ่ของเกาหลีใต้เลยก็ว่าได้ เมื่อศาลตัดสินว่าการกระทำของชายคนนี้ เป็นคดีอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังผู้หญิง (misogyny-based crime) เป็น ‘ครั้งแรก’ ซึ่งทำให้เหยื่อผู้สูญเสียการได้ยินจากการถูกโจมตีครั้งนั้น รู้สึกโล่งใจ และมองว่าการตัดสินครั้งนี้มีความหมายต่อเธอศาลแขวงชางวอน ตัดสินโทษให้ผู้ก่อเหตุจำคุก 3 ปี และระบุว่าแรงจูงใจในการก่อเหตุของเขา “เป็นความเกลียดชังผู้หญิงอย่างไร้เหตุผล” ซึ่งในการก่อความรุนแรงครั้งนั้นทำให้เหยื่อสูญเสียการได้ยินของหูข้างหนึ่ง และเจ็บปวดจนเป็นมีภาวะเครียดหลังเผชิญเหตุการณ์สะเทือนใจ หรือ PTSD ขณะที่ตอนนั้น ลูกค้าผู้ชายในร้านสะดวกซื้ออีกคนที่พยายามเข้าไปช่วยเธอผู้นี้ ก็ถูกทำร้ายจนกระดูกหัก และผู้ก่อเหตุก็ได้กล่าวโทษชายที่เข้ามาช่วยเหยื่อเนื่องจากไม่ยอมเข้าข้างผู้ชายด้วยกันหรือเห็นด้วยกับเขาว่า “ทำไมคุณไม่เข้าข้างผม เธอเป็นเฟมินิสต์นะ!”ย้อนกลับไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ผู้ก่อเหตุคนนี้ถูกจับกุม และเขาก็ให้การว่า “ถ้าคุณไว้ผมสั้น คุณก็เป็นเฟมินิสต์แล้วครับ ผมเป็นคนที่เชื่อเรื่องชายเป็นใหญ่น่ะ (male chauvinist) และคิดว่าเฟมินิสต์ทั้งหลายควรจะถูกลงโทษ!” ซึ่งแสดงให้เห็นทัศนคติที่อันตรายที่ผู้หญิงในประเทศต้องเผชิญไม่ว่าเธอจะเป็นเฟมินิสต์หรือไม่ก็ตาม&nbsp;ก่อนหน้านี้ศาลตัดสินไว้ว่าเขามีสภาพจิตไม่ปกติ เนื่องจากเป็นไบโพลาร์ จึงตัดสินให้จำคุก 3 ปี แต่ไม่ได้ถือว่าเป็นอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังต่อผู้หญิง ทว่าหลังจากนั้น ศาลได้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาไม่มีความสำนึกผิดใดๆ จากการกระทำ จึงตัดสินอีกครั้งให้เป็นอาชญากรรมที่มาจากความเกลียดชังผู้หญิงโดยตรง โดยศาลระบุว่า “จำเลยได้กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ‘เฟมินิสต์สมควรแล้วที่จะถูกทุบตี’ และในขณะที่โจมตีพนักงานหญิงคนนั้น เขาก็ยังตั้งคำถามต่อเหยื่อผู้ชายอีกคนอีกว่า ‘ทำไมนายไม่เข้าข้างผู้ชายด้วยกัน?’ มันบ่งบอกถึงแรงจูงใจที่มาจากความเกลียดชังผู้หญิง”&nbsp;เรื่องนี้สะท้อนถึงชุดความคิดของผู้ชายจำนวนมากในประเทศที่เชื่อว่าคนที่เป็นเฟมินิสต์ หรือเห็นด้วยกับความเท่าเทียมทางเพศ เป็นสิ่งที่ผิด เพราะเชื่อและยึดมั่นว่าผู้ชายควรเหนือคนทุกเพศ แต่หลายคนก็เริ่มเห็นความหวังจากเหตุการณ์นี้ เพราะนอกจากคำตัดสินของศาลแล้ว การที่มีผู้ชายไม่เห็นด้วยกับการกระทำต่อต้านเฟมินิสต์ในครั้งนี้ ก็นับว่ามีความสำคัญเช่นเดียวกันด้าน อีคยองฮา ผู้เป็นทนายความของเหยื่อ กล่าวว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของศาล เป็นส่วนหนึ่งในการปูทางให้ประเทศเกาหลีใต้มีความปลอดภัยต่อผู้หญิงมากขึ้น เธอระบุว่า “ที่ผ่านมา ฉันไม่เคยได้เห็นกรณีที่ศาลระบุอย่างชัดเจนถึงความเกลียดชังต่อผู้หญิงว่ามันเป็นแรงจูงใจในการก่ออาชญากรรม…ผู้กระทำผิดหลายคนก็ต่างอ้างว่า ‘ฉันไม่ได้เกลียดผู้หญิง ก็แค่เกลียดเฟมินิสต์’”“คำตัดสินของศาลครั้งนี้จึงมีความสำคัญ เพราะมันอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าคำพูดอย่างเช่น ‘เฟมินิสต์สมควรที่จะถูกทุบตี’ มันมีรากฐานมาจากความเกลียดชังต่อผู้หญิง” เธอกล่าวเช่นเดียวกับ อีคยองออร์ก จาก Gyeongnam Women’s Association ก็มองว่าที่ผ่านมา “พออาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับความเกลียดชังผู้หญิงไม่ได้ถูกตัดสินในศาลมากพอศาล มันยิ่งเสริมสร้างทัศนคติเหมารวมทางเพศ ที่เป็นอุปสรรคต่อเรื่องความเท่าเทียมทางเพศเข้าไปอีก” ฉะนั้นแล้วการตัดสินครั้งนี้ “ได้กำหนดกรอบสำหรับการลงโทษอาชญากรที่เกลียดชังผู้หญิงอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว”แม้ว่า นี่จะเป็นคำตัดสินแบบเป็นกรณีกันไป ไม่ได้ถูกระบุเป็นกฎหมายชัดเจนว่าจะมีโทษแบบไหน หากก่ออาชญากรรมที่เกิดขึ้นจากความเกลียดชัง แต่ก็นับว่าเป็นมูฟเมนต์ใหม่ๆ ที่ทำให้เห็นเลยว่าศาลในเกาหลีใต้ มีมุมมองต่อเรื่องความเท่าเทียมทางเพศที่ชัดเจนขึ้นจากในอดีตที่ผ่านมาอ้างอิง:<a href="https://www.koreatimes.co.kr/www/nation/2024/10/113_384472.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.koreatimes.co.kr/www/nation/2024/10/113_384472.html&nbsp;</a><a href="https://www.scmp.com/lifestyle/article/3282840/south-korean-court-hailed-recognising-misogyny-anti-feminist-hate-crime-motive" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.scmp.com/lifestyle/article/3282840/south-korean-court-hailed-recognising-misogyny-anti-feminist-hate-crime-motive&nbsp;</a><a href="https://www.independent.co.uk/asia/east-asia/south-korea-hate-crime-misogyny-b2630184.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.independent.co.uk/asia/east-asia/south-korea-hate-crime-misogyny-b2630184.html </a>

การปรับแก้กฎหมายใหม่ล่าสุดของอิตาลี ถึงกับถูกวิจารณ์ว่าเป็นการถอยกลับไปสู่ยุคกลางอีกครั้ง เมื่อรัฐสภาเพิ่งผ่านกฎหมายที่ทำให้การรับเด็กอุ้มบุญจากต่างประเทศเป็นสิ่งผิดกฎหมาย โดยรัฐบาลฝั่งอนุรักษ์นิยมที่นำโดยนายกหญิงอย่างจอร์จา เมโลนี (Giorgia Meloni) ระบุว่า นี่เป็นการปกป้องครอบครัวตามขนบอันดีงามให้คงอยู่ต่อไป

อิตาลีแบนการรับเด็กอุ้มบุญ
จากต่างประเทศซึ่งส่งผลโดยตรง
ต่อคู่รัก LGBTQ 


มีหลายกรณีที่ชวนให้คนได้ตระหนักถึงกรณีที่ ‘ผู้ชาย’ หรือ ‘เด็กชาย’ ตกเป็นเหยื่อการคุกคามทางเพศจนถึงการล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ว่าจะข่าวลือเรื่อง Justin Bieber ที่ถูก Diddy ล่วงละเมิด ทั้งยังมีการเปิดเผยอีกว่ามีเด็กชายวัย 9 ขวบเคยตกเป็นเหยื่อของ Diddy ด้วยเหมือนกัน ในจังหวะใกล้ๆ กัน ดาราชายฝั่งไทยก็ออกมาเปิดเผยเรื่องที่เคยถูกคุกคามทางเพศ

เมื่อ ‘ผู้ชาย’ ตกเป็นเหยื่อการล่วงละเมิดทางเพศ แต่กำแพงเรื่อง 
‘ความเป็นชาย’ อาจทำให้พวกเขาเข้าไม่ถึงความช่วยเหลือ และอาจ 
‘โทษตัวเอง’ ทั้งที่ไม่ได้ผิด

จินนี แลม (Ginny Lam) คือหญิงสาวเชื้อสายจีนในแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา เธอตัดสินใจฟ้องศาลเมื่อแม่ของเธอมอบมรดกให้น้องชายของเธอ 2.9 ล้านเหรียญฯ ขณะที่ตัวเธอได้เพียง 170,000 เหรียญฯ ทั้งที่เธอเป็นคนดูแลกิจการของที่บ้าน และเป็นคนดูแลแม่จนถึงวาระสุดท้าย 

ลูกสาวชาวจีนในแคนาดา ฟ้องศาลเรื่องการ
ถูกเลือกปฏิบัติในฐานะ ‘ลูกสาว’ หลังแม่ให้มรดก 
‘ลูกชาย’ มากกว่าหลายเท่า ทั้งที่เธอเป็นคนดูแล
กิจการของที่บ้านและดูแลแม่ที่ป่วย

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS