หลายครั้งแล้ว ที่ปิตาธิปไตยหล่อหลอมให้ผู้หญิงต้องกีดกันผู้หญิงด้วยกันเอง

ครูสาวในจีนถูกแม่นักเรียนขอให้ลาออก เพราะ ‘สวยเกินไป’ จนดึงดูดพ่อนักเรียน แล้วที่จริง ปัญหาอยู่ที่ใครกันแน่? 

หลายครั้งแล้ว ที่ปิตาธิปไตยหล่อหลอมให้ผู้หญิงต้องกีดกันผู้หญิงด้วยกันเอง เหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้นในจีนก็เช่นกัน เมื่อครูสาวคนหนึ่ง ถูกบรรดาแม่ๆ ของนักเรียนเรียกร้องให้เธอลาออก เนื่องจากความสวยของเธอ ทำให้พ่อนักเรียนแห่กันมารับลูกเพื่อมาดูความสวยของครูคนนี้กันเป็นขบวน ไม่มีข้อมูลออกมาว่าเธอสอนไม่ดี เลือกปฏิบัติกับนักเรียน หรือทำร้ายนักเรียนแต่อย่างใด กลับกัน เธอเป็นครูที่จริงจังกับงาน และดูแลเด็กๆ เป็นอย่างดี แต่เหตุผลที่เหล่าแม่ๆ ไม่พอใจ ก็เพราะหน้าตาของเธอดันไปคล้ายกับแองเจลา เบบี้ นักแสดงสาวชื่อดังในประเทศ จนคุณพ่อของเด็ก แห่กันมารับลูกๆ ที่โรงเรียน จากที่ไม่เคยมารับมาก่อน เพราะอยากจะเจอหน้าเธอ และแน่นอน มันได้สร้างความไม่พอใจให้กับภรรยา เหตุการณ์นี้สะท้อนอะไรได้หลายอย่าง เรื่องแรกเลย คือการที่พ่อของนักเรียน รวมตัวกันมาจับตาดูคุณครูสาว โดยอ้างว่ามารับลูก ก็เข้าข่าย ‘คุกคามทางเพศ’ อย่างหนึ่ง เพราะจริงๆ แล้วการคุกคามทางเพศด้วยสายตา หรือแม้แต่การถ้ำมองมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่นำไปสู่อาชญากรรมทางเพศได้ แล้วยิ่งน่ากลัวมากขึ้นไปอีก หากเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น ภรรยาหรือผู้หญิงในสังคมก็จะกล่าวโทษผู้หญิงที่เป็นเหยื่อ ว่าไปอ่อยเอง ทั้งๆ ที่มันใช่ที่ไหน ถ้าไม่มีคอนเซนต์ เรื่องถัดมา คือการที่ผู้หญิงที่เป็นภรรยาของผู้ชาย เลือกจะ ‘แบน’ หรือขับไล่ผู้หญิงที่สวย เพราะคิดเองเออเองว่าจะเป็น ‘ภัย’ ต่อชีวิตรัก นั่นก็แสดงให้เห็นว่า อำนาจของค่านิยมความงาม หรือ beauty standard มันเข้มข้นเหลือเกินในสังคม และหลายคนก็เลือกตั้งค่าความคิดไว้ว่าการมีสิ่งนี้แหละ สามารถเอาชนะทุกอย่างได้ ไม่เว้นแต่การแย่งสามี ทำให้ผู้หญิงหลายคนต้องต่อสู้กับค่านิยมตรงนี้ทุกวิถีทาง ไม่เว้นแม้แต่ทำลายผู้หญิงที่สวย ทั้งที่เธอไม่ได้ผิดอะไร ผู้ชายต่างหากที่ไปยุ่งวุ่นวายเอง แล้วพอมีผู้ชายมายุ่งเยอะๆ ผู้หญิงหลายคนที่ติดกับค่านิยมผู้หญิงไม่ควรจะประสีประสาเรื่องผู้ชายมาก ก็จะถูกมองว่าร่านไปอีก ที่สุดแล้ว มันก็คงเป็นเรื่องของความรักที่บังตา ขนาดผู้ชายส่งสัญญาณนอกใจ ผู้หญิงบางคนยังเลือกจะให้อภัย และไม่ได้รู้สึกอยากจะจบความสัมพันธ์ ยิ่งกับคนที่มีครอบครัวแล้ว ก็เห็นได้เลยว่า หลายคนไม่กล้าเดินออกจากความสัมพันธ์ครั้งนี้ด้วยปัจจัยหลายอย่าง แต่รวมๆ มันก็คือ toxic relationship นั่นแหละ สุดท้าย เป็นเรื่องที่ถูกที่ควรแล้ว ที่โรงเรียนอนุบาลแห่งนั้น เลือกจะไม่ได้ให้ค่ากับข้อเรียกร้องที่ให้ครูสาวต้องออกจากโรงเรียนไป เพราะนั่นไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาชีพครูที่เธอก็ทำหน้าที่ได้ดีอยู่ในปัจจุบัน แต่จากข่าวนี้ก็ชัดเจนว่า ผู้หญิงเกลียดผู้หญิงนั้นมีเยอะ และต้นตอส่วนใหญ่ก็มักมีตัวแปรเป็นผู้ชายอยู่ในนั้น ดังนั้น ที่อันตรายที่สุดก็ยังคงเป็นระบบชายเป็นใหญ่ ที่ผู้ชายมีอำนาจในการเป็นศูนย์กลางให้ผู้หญิงหรือเพศไหนๆ ตกอยู่ในสถานะเป็นรอง ตั้งแต่ร่างกาย สถานะทางสังคม หรือสิทธิเสรีภาพต่างๆ นี่เป็นปัญหาโดยตรงที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยก่อนและยังมีอยู่ในสมัยนี้ และหลายครั้งเมื่อผู้หญิงเองถูกครอบให้เลือกฝ่ายผู้มีอำนาจ มันก็ส่งเสริมให้ผู้หญิงเกลียดผู้หญิงด้วยกันเองในมิติต่างๆ ไปโดยปริยาย อ้างอิง: <a href="https://hype.my/2022/281108/angelababy-teacher-fired-beauty/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://hype.my/2022/281108/angelababy-teacher-fired-beauty/</a>

นอกจากชัยชนะของทรัมป์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง การเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ เกิดปรากฏการณ์ ‘ครั้งแรก’ ในประวัติศาสตร์มากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือ Sarah McBride สส. ทรานส์เจนเดอร์คนแรกในประวัติศาสตร์ของสภาคองเกรส จากพรรคเดโมแครต ที่สามารถเอาชนะ John Whalen III อดีตนายตำรวจประจำรัฐเดลาแวร์มาได้

Sarah McBride 
‘สส. ทรานส์เจนเดอร์’ คนแรกในสภาคองเกรส ผู้ผลักดันทั้งประเด็น LGBTQ และบริการสุขภาพ จนได้ใจประชาชนคนทำงานและชนะการเลือกตั้ง!

ด้วยสังคมชายเป็นใหญ่ที่ชัดเจนและพลังแรงในเกาหลีใต้ ทำให้ผู้หญิงสาวหลายคนในประเทศพากันใช้ชีวิตตามวิถี 4 No หรือ 4B Movement ที่เป็นการหันหลังให้กับบทบาทของเพศหญิงตามแบบที่สังคมกำหนด ซึ่งก็ได้แก่ ‘biyeonae’ (ไม่ออกเดต) ‘bisekseu’ (ไม่มีเซ็กซ์) ‘bihon’ (ไม่แต่งงาน) และ ‘bichulsan’ (ไม่มีลูก) แต่ล่าสุดนี้ ดูเหมือนสาวอเมริกันก็เริ่มจะหันเข้าสู่วิถี 4B กันบ้างแล้ว หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณของการก้าวถอยหลังเรื่องสิทธิสตรีไปโดยปริยาย


ผู้หญิงอเมริกันเริ่มคิดเรื่อง 4 No ตามแบบสาวเกาหลีใต้ หลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง  ไม่ออกเดต / ไม่มีเซ็กซ์ / ไม่แต่งงาน / ไม่มีลูก


ย้อนไปเมื่อต้นปี 2023 ม้าตัวหนึ่งหัวใจวายตายขณะถ่ายทำซีรีส์ The Ring of Power ขณะที่เมื่อปี 2011 เสือชื่อคิงก็เกือบจมน้ำตายระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่อง Life of Pi ในฉากที่จำเป็นต้องใช้เสือจริงๆ แทนซีจี  ฯลฯ และเช่นเดียวกับเคสแมวดำในซีรีส์ ‘แม่หยัว’ มีสัตว์หลายชีวิตต้องสูญเสียสวัสดิภาพของตัวเอง เพื่อตอบสนอง ‘ความสมจริง’ ในการถ่ายทำ โดยที่มันไม่สามารถให้ความยินยอมหรือเรียกร้องอะไรได้

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS