แต่ไม่ว่าเธอจะเผชิญมรสุมชีวิตแบบไหน Katy ก็ยังเลือกใช้เสียงเพลงเป็นพื้นที่ถ่ายทอดความเปราะบางและแผลในใจ ผ่านซิงเกิลใหม่ล่าสุด ‘Bandaids’ ที่เหมือนการแปะพลาสเตอร์ไว้บนรอยแตกของหัวใจของเธอเอง

ชีวิตบ้งแค่ไหน ชาวเน็ตสาปเท่าไร ก็ต้องสู้กันต่อไป และถ้าย้อนกลับไปได้.. ก็จะทำเหมือนเดิมอีกครั้ง Bandaids เพลงที่เป็นเหมือนพาสเตอร์ติดแผลหัวใจในชีวิตของ Katy Perry

กราฟชีวิตของแม่แข Katy Perry ในช่วงนี้อาจไม่ได้พุ่งทะยานเหมือนวันวาน ทั้งการยุติความสัมพันธ์กับสามี Orlando Bloom เมื่อต้นปี จนถึงกระแสดราม่าจากการถือดอกไม้ไปอวกาศ 11 นาทีที่ชาวเน็ตบอกว่าดูปลอม ไปจนถึงเสียงวิจารณ์ผลงานเพลงที่ดูจะไม่เปรี้ยงเท่ายุคทองเหมือนช่วงที่เคยออกเพลง California Gurls เมื่อ 15 ปีที่แล้ว แต่ไม่ว่าเธอจะเผชิญมรสุมชีวิตแบบไหน Katy ก็ยังเลือกใช้เสียงเพลงเป็นพื้นที่ถ่ายทอดความเปราะบางและแผลในใจ ผ่านซิงเกิลใหม่ล่าสุด ‘Bandaids’ ที่เหมือนการแปะพลาสเตอร์ไว้บนรอยแตกของหัวใจของเธอเอง<img src="https://media.thairath.co.th/image/TmzTxgTKEv0s1a2ha5WBE41uo4wKCmrcHionrtts1a2hfODEb4Ae9vA1.jpg" data-id="102748" data-url="https://media.thairath.co.th/image/TmzTxgTKEv0s1a2ha5WBE41uo4wKCmrcHionrtts1a2hfODEb4Ae9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">ใจความของเพลงนี้อาจอยู่ตรงท่อนฮุคที่สะท้อนถึงความพยายามของ Katy Perry ซึ่งต่อสู้เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันยาวนานกับ Orlando Bloom อดีตสามีนักแสดงหนุ่มของเธอ ผู้ที่ร่วมทางกันมาถึง 6 ปี ก่อนจะจบลงด้วยการเลิกรา Katy ได้เผยความในใจผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวถึงเพลง Bandaids นี้ว่า :&nbsp;“ฉันลังเลอยู่นานหลายเดือนว่าจะปล่อยเพลงนี้ดีไหม… แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี การเปิดเผยความรู้สึกเปราะบางก็ยังเป็นเรื่องน่ากลัวอยู่ดี แต่ฉันหวังว่าเนื้อเพลงนี้จะส่งต่อความรู้สึกให้ใครสักคนที่กำลังเผชิญสิ่งเดียวกันกับฉัน และอาจทำให้พวกเขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยวฃ พร้อมมีแรงสู้ต่อไปเหมือนที่ฉันทำ ❤️‍🩹” <h3>‘Bandaids’ เพลงใหม่ของ Katy Perry กับบาดแผลที่เธอเยียวยาด้วยความจริงใจ</h3>“Tried all the medications, lowered my expectations. Made every justification. Bleeding out, bleeding out, bleeding out slow. Band-Aids over a broken heart.”(พลาสเตอร์แปะทั่วหัวใจที่แตกสลาย ลองเยียวยาทุกวิธี ลดความคาดหวัง ปรับตัวทุกวิถีทาง)<img src="https://media.thairath.co.th/image/TmzTxgTKEv0s1a2ha5WBE41uoyqof8vAYCr34I3IxLFiGeAe9vA1.JPG" data-id="102748" data-url="https://media.thairath.co.th/image/TmzTxgTKEv0s1a2ha5WBE41uoyqof8vAYCr34I3IxLFiGeAe9vA1.JPG" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">ในมิวสิกวิดีโอ ‘Bandaids’ เราจะได้เห็น Katy ถ่ายทอดความซวยปนขันในหนึ่งวันของชีวิต ตั้งแต่เครื่องปั่นเศษอาหารบาดมือขณะพยายามหยิบแหวนหมั้นที่หล่นลงไป ซึ่งอาจเปรียบเหมือนการพยายามกอบกู้ความสัมพันธ์ของเธอกับอดีตสามี ไปจนถึงการตัดกิ่งไม้ที่ตัวเองนั่งอยู่ หรือบันไดเลื่อนดูดเชือกรองเท้า สัญลักษณ์ของความเปราะบางและความผิดพลาดที่คนรอบข้างมักใช้ตัดสินคนอื่นโดยไม่เข้าใจ และหนึ่งในฉากสะเทือนใจของเอ็มวีเพลงนี้ก็คือตอนที่ Katy นั่งอยู่ในคาเฟ่ แล้วเห็นชายคนหนึ่งจับมือหญิงสาวผมบลอนด์ ก่อนรถจะพุ่งเข้ามาชนจนเศษกระจกกระจายเต็มพื้น ซึ่งตีความได้ว่ามันอาจเหมือนข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ของอดีตสามีของเธอ Orlando Bloom กับนักแสดง Sydney Sweeney ที่เคยเป็นประเด็นในอดีต นอกจากนั้นแล้วก็ยังเต็มไปด้วยสารพัดความซวย เช่น เธอขับรถผิดเลน ถูกโคลนดูด ถูกท่อนซุงถล่มที่เหมือนปล่อยให้ความเจ็บปวดเข้ามาทำร้ายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า และในอีกช่วงหนึ่งของเพลง เธอก็ยังเผยความเหนื่อยล้าเชิงน้อยใจด้วยว่า :“It’s not that complicated / To ask me how my day is.”&nbsp;(มันไม่ยากเลย แค่ถามว่าฉันเป็นยังไงบ้าง) แต่ถึงแม้จะมีพลาสเตอร์ยาแปะหัวใจอยู่เต็มไปหมด แต่ Katy ก็ยังเลือกมองเห็นด้านสว่างของความรัก ผ่านท่อนหนึ่งในเพลงที่ร้องว่า :&nbsp;“On the bright side, we had good times / Never faked our pictures.”&nbsp;(หากมองในแง่ดี เราก็เคยมีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน ความอบอุ่นเหล่านั้นไม่เคยเป็นเรื่องหลอกลวงเลย) นำมาสู่ฉากจบของเอ็มวีซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตราตรึงที่สุด เมื่อ Katy เท้าติดอยู่บนรางรถไฟ และรถไฟก็กำลังพุ่งเข้ามา แต่แทนที่เธอจะยอมแพ้ต่อโชคชะตา ทันใดนั้นกลับเห็น ‘ดอกเดซี่’ สัญลักษณ์แทน Daisy Dove Bloom ลูกสาวของเธอ ที่ทำให้เธอฮึดสู้ แกะเท้าออกจากรางได้ทัน&nbsp;<img src="https://media.thairath.co.th/image/TmzTxgTKEv0s1a2ha5WBE41uo171AkrnK4B3Vqs1a2hMppjCHFge9vA1.jpg" data-id="102748" data-url="https://media.thairath.co.th/image/TmzTxgTKEv0s1a2ha5WBE41uo171AkrnK4B3Vqs1a2hMppjCHFge9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">ก่อนเอ่ยประโยคที่บอกทุกอย่างของหัวใจว่า :“If I had to do it all over again, I would still do it all over again. The love that we made was worth it in the end.”&nbsp;(ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันก็จะทำแบบเดิมอีกครั้ง เพราะความรักครั้งนี้คุ้มค่าที่สุดในชีวิต) ‘Bandaids’ จึงไม่ใช่แค่ซิงเกิลใหม่ของ Katy Perry แต่เป็นบทบันทึกแห่งการเยียวยา เป็นการยอมรับความจริงอย่างสง่างาม และคือจุดเริ่มต้นของชีวิตบทใหม่ที่แข็งแรงกว่าเดิม ทั้งในฐานะศิลปิน แม่ และผู้หญิงที่รักตัวเองได้มากขึ้น <iframe width="1184" height="519" src="https://www.youtube.com/embed/2kelRnwRA4w?list=RD2kelRnwRA4w" title="Katy Perry - bandaids (Official Video)" frameborder="0" allowfullscreen=""></iframe>

อะไรบางอย่างในแผ่นอะคริลิกใสชิ้นเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนที่วางกองนิ่งๆ อยู่พื้นห้อง แต่กลับเคลื่อนไหวคล้ายกับประกายของเเสงโบเกต์ในเวลาค่ำคืน สะท้อนอยู่บนผนังห้องสีขาวเมื่อถูกแสงจากไฟฉายตกกระทบ ที่ทำให้เราซึ่งยืนอยู่ในห้องนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของมันเป็นเวลาเนิ่นนานโดยไม่รู้ตัว

Only I Am You, Then I Became You นิทรรศการที่ศิลปิน ‘จาจา ฉี’ พาเราสำรวจบริบทของ ‘พื้นที่’ ผ่านความเงียบงันและการสั่นไหวภายในตัวเอง 

นอกจากแฟชั่นแล้ว สิ่งที่ทำให้ Vivienne Westwood และ NANA เชื่อมโยงกันอย่างลงตัวคือปรัชญาและทัศนคติในการใช้ชีวิตของเธอ 

การคอลแล็บที่หลายคนรอคอย! NANA การ์ตูนมังงะเพื่อผู้หญิง เฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปี กับปกพิเศษสุดเริ่ดที่ประโคม Vivienne Westwood ทั้งตัว

บุคคลที่เราสนทนาด้วยนี้คือศิลปินชื่อ เตว - จารุวัฒน์ น้อมรับพร ผู้ที่เรารู้จักเมื่อหลายปีก่อน เขาคือคนทำงานศิลปะผู้ไม่เคยถูกบรรจุอยู่ในระบบของการเรียนการสอนวิชาศิลปะจริงจัง หากแต่เรียนจบด้านวิทยาศาสตร์ ฝึกวาดรูปด้วยตัวเอง และหัดขายงานเองตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ในราคาชิ้นงานละ 80 บาท โดยมีทำเลแห่งแรกเป็นหน้าร้านสะดวกซื้อแถวบ้านย่านนนทบุรี จนมันกลายมาเป็นอาชีพหลักของชีวิตที่วันนี้ภาพวาดของเขามีราคาหลักเเสนไปแล้ว  

I Bloom Wherever The Bird Drops Seed ณ ที่ใดที่ได้เบ่งบาน นิทรรศการครั้งล่าสุดของ ‘เตว - จารุวัฒน์ น้อมรับพร’ 
ที่ว่าด้วยการเติบโตและเบ่งบานในที่ทางของตัวเอง

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Music

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

Plair Bunlangkarn

RELATED

HOT TOPICS