"เคยมีคำพูดที่ว่า คนทั้งโลกอาจทึกทักเอาได้ว่าชีวิตของศิลปินสักคนที่พวกเขารักนั้นเป็นของพวกเขาทั้งชีวิต เพราะพวกเขานี่แหละที่เฝ้าดูฟูมฟักศิลปินเหล่านั้นให้มีตัวมีตนขึ้นมา” การเติบโตของ Justin Bieber ก็ทำให้เรารู้สึกถึงคำพูดนี้อยู่ไม่น้อย ด้วยพรสวรรค์ของเด็กคนหนึ่งที่นำพาชื่อเสียงมาถึงเขาในวันที่อายุยังน้อย มันยังเหมือนเป็นคำสาป ตามติดตัวเขาเป็นเงาอยู่แทบจะตลอดหลายปีที่ผ่านมา 

SWAG อัลบั้มที่จริงใจ กับการกลับไปยอมรับตัวเองในฐานะ ‘ศิลปิน’ และ ‘มนุษย์ธรรมดา’ ที่ไม่ใช่เซเลบฯ หรือป๊อปสตาร์ของ Justin Bieber

เคยมีคำพูดที่ว่า "คนทั้งโลกอาจทึกทักเอาได้ ว่าชีวิตของศิลปินสักคนที่พวกเขารักนั้นเป็นของพวกเขาทั้งชีวิต เพราะคนเหล่านี้นี่แหละที่เฝ้าดูฟูมฟักศิลปินให้มีตัวมีตนขึ้นมา” &nbsp;การเติบโตของ Justin Bieber ก็ทำให้เรารู้สึกถึงคำพูดนี้อยู่ไม่น้อย ด้วยพรสวรรค์ของเด็กคนหนึ่งที่นำพาชื่อเสียงมาถึงเขาในวันที่อายุยังน้อย ซึ่งไม่ได้ได้มาฟรีๆ แต่มันยังเหมือนเป็นคำสาป เพราะนอกเหนือจากความสามารถและพรสวรรค์ ทุกซอกทุกหลืบในชีวิตส่วนตัวของเขายังมักจะมากับการถูกขุดคุ้ย และนำมาสู่ข้อถกเถียงในแง่ลบไม่รู้จักจบสิ้น ตามติดตัวเขาเป็นเงาอยู่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนอาจทำให้ใครหลายคนจดจำเขาจากภาพนักร้องป๊อปสตาร์ หรือเซเลบริตี้คนหนึ่งที่เราแทบจะเห็นชื่อเขาจากในสื่อเเทบลอยด์มากกว่าสื่อสายดนตรี เห็นข่าวคราวและข่าวฉาวมากกว่ารับรู้ว่าผลงานของเขาพูดถึงเรื่องอะไรบ้าง หรือเขามีแนวคิดทางดนตรีอย่างไรในฐานะศิลปิน&nbsp;พร้อมๆ กับช่วงที่ผ่านมา โลกก็ตั้งคำถามถึงชีวิตส่วนตัวของเขาต่างๆ นานาอย่างไม่ย่อท้อ ตั้งแต่ ‘เขากลับไปเล่นยาไหม’ ‘สภาพจิตโอเคหรือเปล่า’ ‘ตอนนี้ชีวิตแต่งงานเป็นอย่างไร ยังรักกันดีกับเมียไหม’ หรือแม้แต่ ‘วันนี้เขาจะทำตัวเกรียนอะไรอีก’ ฯลฯ&nbsp;แล้วอยู่ๆ Bieber ก็ทำลายเสียงอื้ออึงของคำถามพวกนั้นด้วย SWAG ผลงานชิ้นล่าสุด เซอร์ไพรส์อัลบั้มที่ไม่ได้ปูทางโดยทำการตลาดมาก่อนหน้า ไม่ได้โยนหินถามทางด้วยการปล่อยทีละซิงเกิล ทำเอ็มวี หรือให้สัมภาษณ์กับที่ไหน เพราะตัวเขาไม่ได้ต้องการมุ่งหวังให้มันเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างที่กลายเป็นคัลเจอร์ของวงการเพลงป๊อปทุกวันนี้ไปแล้ว&nbsp;SWAG คือผลผลิตจากการเดินทางเกือบครบ 20 ปี ในวงการดนตรี และในวัย 31 ของ Bieber กับอัลบั้มที่ประกอบไปด้วย 21 แทร็ก ซึ่งนับว่าไม่ใช่สเกลของอัลบั้มที่เล็กเลย ยิ่งไปกว่านั้น มันยังไม่ใช่การกลับเนื้อกลับตัว ชดใช้ไถ่บาป ไม่ได้เป็นข้ออ้างเพื่อขอความเห็นใจจากแฟนเพลงของเขาหรือใคร หากแต่มันคือ ‘บทสนทนา’ ระหว่างตัวเขาเองกับใครสักคน สะท้อนสิ่งที่อยู่ภายในใจอันวุ่นวายสับสนโกลาหลในชีวิตช่วงที่ผ่านมา เป็นการกลับไปยอมรับตัวเองอย่างจริงใจอีกครั้ง&nbsp;และนั่นน่าจะเป็นเหตุผลของการที่ Bieber เลือกคนมาคอลเเลบฯ ด้วย ทั้งทีมโปรดิวเซอร์และศิลปินในอัลบั้มนี้ที่ไม่ได้เลือกจากโปรไฟล์ว่าต้องเป็น Big Name หรือว่าต้องเป็นคนเคยที่มีประสบการณ์การทำงานด้วยกันมาก่อน แต่เขาเลือกจากเเบ็กกราวด์ ‘ความเชื่อ’ บางอย่าง อาจจะเป็นเทสต์ที่ตรงกัน หรือแนวทางดนตรีที่น่าจะเล่าเรื่องของ Bieber ออกมาได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น Dijon, Mk.gee หรือ Druski รายชื่อเหล่านี้เข้ามามีส่วนร่วมในการเขียนเพลงและร้องประสาน เป็นเหมือนพ่อมดทางดนตรีที่ทั้งมีลีลาและความอิสระนอกกรอบไม่เหมือนใคร ผู้จับดนตรีป๊อป อาร์แอนด์บี มาเล่าเรื่องราวที่ค่อยๆ ‘Slow burn’ ไปอย่างช้าๆ&nbsp;ทว่าในจำนวน 21 แทร็ก ก็อาจไม่ได้ถึงกับเรียกว่าเป็นเพลงที่มีดนตรี มีเนื้อร้อง ทำนอง หรืออะไรแบบนั้นทั้งหมด แต่มันยังเป็นเหมือน 'เศษเสี้ยว' ของตะกอนความคิดที่ไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันมากนัก คล้ายกับบทสนทนาที่ถกเถียงกันกับเพื่อนในวงเหล้าคืนหนึ่งถึงเรื่องต่างๆ แบบแรนดอมสัพเพเหระ โดยใช้ซาวด์ดนตรีที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายพอกัน เหมือนเป็น Studio Version แบบทำกันเองที่บ้าน กับ Lo-fi ขรึมๆ ฟังสบาย ไม่มีอะไรหวือหวาซับซ้อนซึ่งจะว่าไปแล้วความเป็นธรรมชาติแบบไม่ฝืนของการเลือกคนและดนตรีนี้เอง ก็ลงตัวกับเรื่องที่เขาจะเล่าในอัลบั้มนี้ด้วย มันมีตั้งแต่การเปิดเปลือยเนื้อเเท้ แบบไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร เขาพูดเรื่องเซ็กซ์ เรื่องความปรารถนา เรื่องสภาพจิตใจ ไปจนถึงสิ่งที่คิดกับตัวเอง อย่างเช่นในแทร็ก THERAPY SESSION บทสนทนาระหว่างเขากับ Druski ที่คล้ายกับหยิบยกสถานการณ์ของ Bieber ผู้ไม่ว่าจะขยับตัวไปไหน ทำอะไร ก็มักจะเป็นจุดสนใจของคนทั้งโลก และถูกมองว่าทำตัวราวกับคนเสียสติ ติดเกรียน ไม่แคร์โลก โดยเฉพาะช่วงที่เขาจิตหลุด เกรี้ยวกราดทั้งต่อหน้าสาธารณชนและโซเชียลมีเดีย :&nbsp;“As all of us do really publicly - ไอ้สิ่งที่พวกเราทำต่อหน้าสาธารณะนั่นน่ะAnd so people are always askin' if I'm okay (yeah) - คนชอบถามว่าเราโอเคไหมวะ&nbsp;And that starts to really weigh on me (yeah) &nbsp;- ตอนนั้นแหละที่มันเริ่มจะหนักBecause it's like when somebody keeps sayin', "Why you cryin'? Why you cryin'?" It's like, "Bitch, I'm not, but now I am, fuck" - เพราะเวลาที่มีใครเอาแต่ถามว่า ‘เห้ย มึงร้องไห้เหรอ ร้องทำไมวะ' มันรู้สึกมือนแบบ ‘สัส กูเปล่าโว้ย แต่กูจะร้องแล้วตอนนี้เพราะมึงไง ค*ย”&nbsp;It starts to make me feel like I'm the one with issues and everyone else is perfect - มันเริ่มทำให้รู้สึกเหมือนกับว่า ตัวกูเองที่มีปัญหา ขณะที่คนอื่นๆ มันเพอเฟ็กต์กันหมดอะ"และการที่ Bieber เลือกศิลปิน-นักแสดงตลกอย่าง Druski มาฟีเจอริ่งด้วยกันในเเทร็กนี้ ก็อาจตีความได้ 2 แง่ คือการที่เขากำลังล้อเลียนตัวเองอยู่ ในสิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับตัวเขา และในอีกแง่ Druski ก็ยังอาจเป็นเหมือนตัวละครลับแบบ ‘Nowhere boy’ ในหนัง ที่โผล่มาจากไหนไม่มีใครรู้ แต่กลับเป็นตัวช่วย ‘สะท้อน’ อะไรบางอย่างในตัวเขา ที่เขาพูดออกมาไม่ได้เช่นกัน และนั่นทำให้ชื่อเเทร็ก THERAPY SESSION ไม่ใช่เซสชั่นจิตบำบัดธรรมดาๆ เพราะสำหรับ Bieber มันอาจยังเป็นการที่เขากำลังคุยกับร่างอวตาร์ของตัวเองนอกจากนั้นแล้ว Bieber อัลบั้มนี้ยังเต็มไปด้วยความสงสัยในแนวทางดนตรี ระหว่างตัวเขา-นักร้องป๊อปผิวขาว กับ Black culture ที่เขาหลงใหล ว่ามันจะไปกันได้อย่างไร ที่เขาจะสามารถทำเพลงของคนดำโดยไม่ถูกครหาว่าดัดจริตทางคัลเจอร์ อย่างที่ปรากฏในเเทร็กชื่อ SOULFUL ซึ่ง Druski คนเดิมบอกเขาว่า :&nbsp;“You got some soul on this album too, bro I can hear the soul - Your skin white, but your soul black, Justin, - มึงแ*ง มี ‘โซล’ ในอัลบั้มนี้ว่ะน้องชาย กูได้ยินมันนะ ผิวมึงขาวก็จริง แต่จิตวิญญาณมึงเป็นคนดำ จัสติน… ”และอาจจะเป็นเพราะความสงสัยนี้ ที่ทำให้หลายๆ เพลงในอัลบั้ม SWAG เดินทางกลับไป 'เคารพ' รากของวัฒนธรรมดนตรีคนผิวดำ ทั้งโซล อาร์แอนด์บี ที่มีกลิ่นอาย 80s -90s หลายๆ เพลงทำให้เรานึกถึงวงอย่าง New Edition หรือแม้แต่ Michael Jackson ในยุคแรกๆ อย่างที่เขาใส่ไว้ในแทร็ก WALKING AWAY, SWEET SPOT และ TOO LONG พร้อมกับแทร็กอย่าง DEVOTION, FORGIVENESS และ GLORY VOICE MEMO ที่เขาท้าทายการร้องแบบโซล และกอสเปลของตัวเองไปอีกขั้นด้วยครั้งหนึ่งเคยมีนักวิจารณ์บอกว่า Justin Bieber คือศิลปินที่มีพรสวรรค์และความสามารถล้นเหลือ แต่กลับประสบปัญหาในการทำให้สิ่งเหล่านั้นที่ตัวเองมี ออกมาเป็นงานศิลปะที่มีคุณค่าได้ &nbsp;แต่ในมุมมองของเรา หากจะโทษว่าอุปสรรคของ Bieber คือตัวเขาเองทั้งหมดก็คงไม่แฟร์เท่าไร เพราะสำหรับศิลปินคนหนึ่งที่ต้องรักษาตัวและยังต้องรักษางานให้ยังมีคุณค่าได้ตลอดการยืนระยะในอุตสาหกรรมนี้ ไม่น่าจะใช่เรื่องง่ายนัก ในอุตสาหกรรมที่แสวงหาประโยชน์ ขูดรีด และไม่เคยปราณีกับเขาหรือใครหน้าไหนเหมือนๆ กัน ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นพระเจ้า หรือเป็น Justin Bieberและไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ อัลบั้ม SWAG จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่พิสูจน์ตัวตนของเขาว่า ถึงแม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาจะล้มลุกคลุกคลานก็จริง แต่เขาก็ไม่เคยหยุดทำงาน และทุกเเทร็กในนั้น ก็ช่วยยืนยันได้ว่าเขาขบคิดกับมันอย่างมากมายแค่ไหน&nbsp;ก่อนที่เราหรือเด็กรุ่นหลังๆ จะจำ Justin Bieber ในฐานะเซเลบฯ หรือป๊อปสตาร์ที่ชอบทำตัวบ้งๆ กับเพลงฮิตที่ไม่มีใครจดจำ SWAG คือสิ่งที่เราหวังและเชื่อว่า มันน่าจะทำให้เขากลับมายืนหยัดในฐานะ ‘ศิลปิน’ หรืออย่างน้อยๆ ก็เป็น ‘มนุษย์ธรรมดาๆ’ คนหนึ่งที่ยอมรับตัวเองได้อย่างโคตรจริงใจได้บ้าง

 Pride Month ที่ผ่านมา กิจกรรมที่ถูกนำเสนออาจเป็นภาพของการเฉลิมฉลองที่พูดถึง LGBTQ+ ในมิติเชิงสังคม อย่างการส่งเสียงถึงภาครัฐฯ เรื่องของกฎหมาย นโยบาย ความเคลื่อนไหวด้านความหลากหลายที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมต่างๆ แต่น้อยนักที่กิจกรรม Pride จะพูดถึง ‘ภายใน’ ที่ลึกลงไปกว่านั้นอย่างเรื่องของ ‘จิตวิญญาณ’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งมิติที่อาจยังไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนักในสังคม 

Paradiso นิทรรศการศิลปะที่เล่าถึงภาวะศักดิ์สิทธิ์และแปลกปลอมในจิตวิญญาณของ LGBTQ+ 

เลดี้ กาก้า (Lady Gaga) ประกาศว่าเธอขออุทิศรางวัลจากผลงานเพลงให้กับ “พระเจ้าและชาวเกย์” บนเวทีเมื่อปี 2009 และจนถึงปี 2025 นี้ เธอก็ยังคงยืนอยู่ฝั่งเดิม ร่วมกับชาว LGBTQ เสมอ

17 ปีของ Lady Gaga กับการยืนหยัดเคียงข้างชาวเกย์และชุมชนคนหลากหลายทางเพศอย่างเข้มข้น

ภาพยนตร์แฟชั่นแห่งยุค 2000s อย่าง The Devil Wears Prada กำลังเปิดกล้องถ่ายทำภาคต่อแล้ว โดยยังคงได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือขายดีของ Lauren Weisberger ผู้ซึ่งเธอเคยเป็นอดีตผู้ช่วยในชีวิตจริงของ Anna Wintour 

อัปเดตภาคต่อหนังแฟชั่นแห่งยุค! The Devil Wears Prada 2 กับการเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัลและวิกฤติของสื่อแฟชั่น ที่แฟนๆ หวังว่ามันจะโอบรับความแตกต่าง และใจดีกับทุกคนมากขึ้น

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Music

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS