‘The girl, so confusing’ คืออีกเวอร์ชันของ ‘Girl, so confusing’ โดยชาร์ลี เอ็กซ์ซีเอ็กซ์ (Charli xcx) ในอัลบั้ม brat ปกสีเขียวได้ใจที่ดูจะกลายเป็นไอคอนของช่วงนี้ไปแล้ว และในเพลง The girl, so confusing ชาร์ลีก็ได้ชวนให้ลอร์ด (Lorde) มาร่วมด้วย

The girl, so confusing : Charli xcx - Lorde คำสารภาพที่โคตรซื่อสัตย์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสาว ที่อดจะรู้สึกเปรียบเทียบกันไม่ได้ หรืออดเกลียดกันไม่ได้ แต่เราเข้าใจกันได้!

ใครที่ได้ฟังแล้วน่าจะรับรู้ได้ว่าบทเพลงนี้ไม่ได้เป็นเพียงการสารภาพความรู้สึกแสนสับสนของการเป็นผู้หญิงต่อคนฟังทั้งโลก แต่ดีไม่ดี นี่คือหนึ่งในคำสารภาพความรู้สึกที่ซื่อสัตย์ที่สุดระหว่างกัน ของศิลปินหญิงที่มักถูกคนจับมาเปรียบเทียบกันเสมอ และมันคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากพวกเธอเองก็รู้สึกเปรียบเทียบกันเองจนพานเกลียดกันโดยไม่รู้ตัวในบางครั้งบางทีThe girl, so confusing คืออีกเวอร์ชันของ Girl, so confusing โดย ชาร์ลี เอ็กซ์ซีเอ็กซ์ (Charli xcx) ในอัลบั้ม brat ปกสีเขียวได้ใจที่ดูจะกลายเป็นไอคอนของช่วงนี้ไปแล้ว และในเพลง The girl, so confusing ชาร์ลีก็ได้ชวนให้ ลอร์ด (Lorde) มาร่วมด้วย และเรื่องราวที่พวกเธอบอกเล่านั้นก็เรียกได้ว่าเป็นอีกน้ำเสียงของ girls power ที่เกินความคาดหมาย และน่าดีใจที่หลายๆ คนจะได้ฟังมันไปด้วยกัน พร้อมกับนึกถึงผู้หญิงบางคนในชีวิต หรือไม่ก็ตัวเอง“ฉันไม่รู้ว่าจริงๆ แกชอบฉันไหม บางทีฉันก็คิดว่าแกน่าจะเกลียดฉัน หรือบางทีแกก็อาจจะอยากเป็นแบบฉัน” ชาร์ลีเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาตั้งแต่เวอร์สแรก พร้อมบอกเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสาวที่อาจจะนัดกันไปกินข้าวด้วยกัน แต่บางครั้งก็กลับรู้สึกอึดอัดหน่อยๆ เพราะต่างคนต่างมีความคิดความสนใจไปคนละทาง&nbsp;ไม่เพียงเท่านั้น “คนชอบบอกว่าเราคล้ายกัน ทรงผมเราเหมือนๆ กัน” และ “เราคุยกันเรื่องทำเพลง แต่ฉันไม่รู้ว่ามันจริงใจแค่ไหน ไม่รู้เลยว่าเธออยากมาเจอฉันจริงไหม แล้วนัดของเราก็พังไป เธอบอกไม่ได้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง แต่ฉันคิดว่าฉันรู้ว่าเธอรู้สึกยังไง”ท่อนเหล่านี้ของชาร์ลีน่าจะตรงกับความรู้สึกของใครหลายคน ที่บางทีก็รู้สึกแปลกๆ กับเพื่อนที่อาจจะทำงานเหมือนกัน มีรูปลักษณ์คล้ายๆ กัน ที่มักจะรู้สึกเปรียบเทียบกันและคิดลบกับอีกฝ่ายไปโดยปริยาย หรือถึงขั้นคิดว่าอีกฝ่ายกำลังอิจฉาเราอยู่ และท่อนที่ลอร์ดใส่เข้ามาเพิ่มก็ย้ำอีกว่า ไม่แน่เราเองก็เป็นฝ่ายอิจฉาเขาโดยไม่รู้ตัว หรือรู้สึก insecure ไปเองเมื่อต้องเจอกัน ลอร์ดชวนให้นึกถึงหลายความรู้สึกที่ผู้หญิงเผชิญ และไม่ทันได้รู้ตัวว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่เราอาจจะมีเพื่อนสักคนที่นัดกันไว้แล้วก็แคนเซิลนัดในนาทีสุดท้าย (หรือไม่คนนั้นก็อาจจะเป็นเรา) และนั่นอาจไม่ได้หมายถึงว่าเธอไม่ได้ใส่ใจความสัมพันธ์เสมอไป เพราะเวลานั้นเธออาจแค่กำลังรู้สึกแย่กับตัวเองหรือขาดความมั่นใจสุดขีด และการพาตัวเองออกจากบ้านก็อาจจะยากเกินไป เพราะความรู้สึกที่ว่านั้นมันแค่ปะทุขึ้นมาและเธอเองก็ควบคุมอะไรไม่ได้เลย&nbsp;เราอาจจะมีเพื่อนที่เราไม่ได้อยากร่วมเฟรมถ่ายรูปด้วย ไม่ได้เพราะเกลียดนางขนาดนั้น แต่แค่เพราะเรารู้สึกอ้วนเวลาต้องยืนข้างกัน ทั้งที่ผ่านมาเราพยายามลดอาหารแทบตายเพื่อให้ผอม ซึ่งเพื่อนคนนั้นก็ไม่ได้ผิดอะไร มันก็แค่อย่างที่ลอร์ดว่าเอาไว้ “ฉันติดกับดักของความเกลียดชัง และชีวิตเธอมันก็ดูดีเหลือเกิน” และความเกลียดชังนี้ก็เป็นผลมาจากระบบการป้องกันตัวอัตโนมัติที่ทำให้เราไม่รู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าจนเกินไปนั่นเองสิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับชาร์ลีและลอร์ด เรายังเห็นป๊อปสตาร์หญิงอีกหลายคนที่กลายเป็นคู่กรณีกันเพราะทับทางกัน หรือไม่ก็เพราะแฟนคลับมักจะดึงพวกเธอมาเทียบกัน (รวมถึงชาร์ลีเองที่ล่าสุดนี้แฟนคลับเธอตะโกนว่า “เทย์เลอร์ สวิฟต์ ตายแล้ว” ในคอนเสิร์ตของเธอ จนเธอต้องขอให้พวกเขาหยุด) ซึ่งหากเพลงนี้มาจากเรื่องจริง 100% ก็เป็นไปได้ว่าสิ่งที่สามารถคลี่คลายหรือทำให้คนเราประนีประนอมกับความรู้สึกเกลียดชังลึกๆ นี้ได้ ก็เริ่มจากที่ชาร์ลีตัดสินใจชวนลอร์ดมาทำเพลงนี้ด้วยกัน หรือก็คือยังคงไม่ยอมแพ้ต่อความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างกัน เพราะต่างคนต่างก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ผิดอะไร&nbsp;เพราะแน่นอนว่าการเป็นผู้หญิงมันก็สับสนมากพออยู่แล้ว ในสังคมที่กล่อมให้เรารู้สึกว่าต้องสวย ต้องเริด ต้องมีสติ ต้องไม่ฟูมฟาย ฯลฯ ตลอดเวลา การมีผู้หญิงอีกคนหรือหลายๆ คนที่ต้องเผชิญสิ่งเดียวกันนี้ภายใต้เงื่อนไขชีวิตของตัวเอง จึงไม่ควรกลายมาเป็นสิ่งที่ทำให้อีกคนรู้สึกด้อยค่าและพานเปลี่ยนความรู้สึกนั้นเป็นการเกลียดชังกันและกัน&nbsp;เพลงนี้จึงเป็นเพลงป๊อปที่ชวนให้เราได้ลองทำความเข้าใจเงื่อนไข หรือสภาวะทางจิตใจของคนอื่นๆ ซึ่งน่าจะช่วยให้เราเองประนีประนอมกับความรู้สึกเกลียดชังในตัวเองได้มากขึ้น เข้าใจความรู้สึกของตัวเองและเพื่อนสาวที่เราแอบเกลียดได้มากขึ้น แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว และที่สุดแล้วเราจะอยู่ด้วยกันได้ด้วยความเข้าใจนั้น จริงๆ นะ<img src="https://media.thairath.co.th/image/Qs1a2hYkF26limGUu2j8Bl0jz4GLdQZ18KdmMdeZXNJLn70e9vA1.jpg" data-id="101658" data-url="https://media.thairath.co.th/image/Qs1a2hYkF26limGUu2j8Bl0jz4GLdQZ18KdmMdeZXNJLn70e9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">

เวลานี้หนังที่กำลังถูกพูดถึงมากที่สุด คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก ‘The Substance’ จากฝีมือการเขียนบทและกำกับของ คอราลี ฟาร์กีต์ (Coralie Fargeat) หนึ่งในผู้กำกับหญิงที่ทำงานกับประเด็นความรุนแรงของผู้หญิงได้ไม่เหมือนใคร จนไม่เพียงคว้ารางวัล Best Screenplay จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีนี้มาครอง มันยังได้รับเสียงชื่นชมว่าเล่นกับประเด็นความรุนแรงของผู้หญิงได้อย่างเลือดสาด เกรี้ยวกราด และบ้าคลั่งที่สุดด้วย

The Substance โลกจำลองแสนบ้าคลั่ง
ของผู้หญิงที่ต้องดิ้นรนหนีความร่วงโรยภายใต้กับดักของคำว่า ‘เป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด’

4 สาว 'aespa' แสดงเพลงโซโล่ของตัวเอง บนเวทีคอนเสิร์ตปิดท้ายเอเชียทัวร์กับ 2024 aespa LIVE TOUR – SYNK : PARALLEL LINE – in BANGKOK ซึ่งเป็นเรื่องราวที่พวกเธออยากสื่อสารมุมหนึ่งในตัวเอง

ตัวตนด้านหนึ่งและความรู้สึกลึกๆ ข้างใน
ที่ 4 สาว ‘aespa’ ใช้สื่อสารผ่านเพลงโซโล่บนเวทีคอนเสิร์ตอย่างทรงพลัง

คงไม่เกินจริงเลยหากจะบอกว่าตอนที่หนังเรื่อง Joker ถูกจับมาอาบน้ำแต่งตัว ตีความใหม่ผ่านการเล่าด้วยมุมมองของผู้กำกับ Todd Phillips เมื่อปี 2019 เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่แฟนหนังทั่วโลกจะหลงรักตัวละครสักตัวที่เป็น Antihero หรือพระเอกที่ขาดความเป็นพระเอกได้มากมายขนาดนี้ อาจเพราะ Joker ในเวอร์ชั่นของ Todd Phillips นั้นมีความเป็น ‘มนุษย์’ มากกว่า Joker ในเวอร์ชั่นไหนๆ ที่เราเคยรู้จัก 

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

PR-NEWS

Music

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS