สารในเพลงใหม่ของ BLACKPINK ที่เล่าถึงปัญหาเลือกปฏิบัติทางเพศ

“ฉันจะพูดคำว่า ช่างแม่ง ถ้าฉันรู้สึกแบบนั้น” Tally หนึ่งในเพลงใหม่จาก BLACKPINK ที่เชียร์ให้ผู้หญิงเป็นตัวเอง แม้ถูกสังคมกดดัน

สิ้นสุดการรอคอยสำหรับ BORN PINK อัลบั้มใหม่จาก BLACKPINK ที่เพิ่งปล่อยออกมาสดๆ ร้อนๆ พร้อมกับมิวสิกวิดีโอ Shut Down ที่แต่ละคนก็รู้สึกต่างกันออกไป แต่อีกเพลงที่เพราะ และถูกจริตเราจนอยากเอามาพูดถึงคือ ‘Tally’ หนึ่งในซิงเกิลใหม่ในอัลบั้มเดียวกันที่นอกจากจะมีเสน่ห์ด้วยดนตรีช้าๆ แต่แฝงบีทอันหนักแน่น ยังเต็มไปด้วยเนื้อหาสุดเดือด บอกเล่าถึงปัญหาที่ผู้หญิงหลายคนเผชิญในสังคมอย่างการเลือกปฏิบัติทางเพศ ที่เชื่อว่าใครที่ได้ฟังเพลงนี้คงได้รับพลังจาก 4 สาว เพื่อยืนหยัดในความเป็นตัวเอง แม้โลกใบนี้จะเต็มไปด้วยความไม่เท่าเทียมI say “fuck it” when I feel it ‘Cause no one’s keeping tally I do what I want with who I like I ain’t gon’ conceal it While you talkin’ all that shit I’ll be gettin’ mine, gettin’ mineท่อนร้องจาก ‘โรเซ่’ ที่สื่อสารออกมา คือ การให้ผู้หญิงไม่ต้องทนทานต่อคนที่มาทำไม่ดีด้วย พูดว่า “ช่างแม่ง” เมื่อรู้สึก และไม่จำเป็นต้องเก็บซ่อนให้อึดอัด ทว่าในเนื้อร้องก็ยังสะท้อนอีกว่า แม้บางคนจะพูดออกมาแล้วแหละว่าไม่โอเคตรงไหน แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครมาคอยนับความรู้สึกไม่ดีที่ผู้หญิงเจออยู่ดีจากท่อน ‘Cause no one’s keeping tally เหมือนกับที่หลายครั้งมีข่าวผู้หญิงถูกรังแก หรือเกิดอาชญากรรมต่อผู้หญิงอีกเป็นร้อยเป็นพันครั้ง บางคนก็ไม่ได้มาสนใจ หรือมองว่ามันเป็นปัญหาEverybody tells me to play nice Everybody judge, but looking twice But my body don't belong to nah-uh-uh none of them though And I'm not gonna change 'cause you say so“ทุกคนบอกให้ฉันทำมันให้ดี ทุกคนตัดสิน แต่มองซ้ำสองครั้ง” ‘จีซู’ ร้องท่อนดังกล่าวอย่างทรงพลัง และคงไม่ต้องบอกว่าผู้หญิงในสังคมเราถูกคาดหวังให้ทำทุกอย่างให้ดี ถูกจ้องมอง และตัดสินซ้ำๆ อย่างละเอียดมากกว่าผู้ชาย จริงๆ ถ้าเปรียบเทียบในบริบทของผู้หญิงอย่างอุตสาหกรรมเคป๊อปเองที่เวลาไอดอลผู้หญิงทำไม่ถูกใจชาวเน็ตหนึ่งครั้งจะโดนสาปส่ง และเกิด hate speech มากมาย เช่น หากใครน้ำหนักขึ้นก็โดนบูลลี่ ตอนไหนเต้นไม่ถูกใจคนดู ก็โดนด่ากราด หรือกระทั่งข่าวเดตที่ผู้หญิงมักตกเป็นสนามอารมณ์ และแน่นอน ทั้งหมดที่ว่าผู้หญิงโดนหนักมากกว่าผู้ชาย ซึ่งท่อนร้องของจีซูก็ย้ำให้ผู้หญิงทุกคนช่างแม่ง ไม่ต้องไปเปลี่ยนอะไรเพื่อคนอื่นกันเถอะDon't apologize for my behavior If you're offended, I don't care Staring at me instead of staring in the mirror Little weird howท่อนร้องของ ‘ลิซ่า’ เป็นอีกท่อนที่เราชอบ เธอพยายามบอกว่าไม่ต้องให้ผู้หญิงมาขอโทษกับพฤติกรรม (ที่สังคมไม่ชอบ) หากคุณรู้สึกแย่ ฉันก็ไม่แคร์ และยังแอบแซะว่าเวลาจะพูดด้วยก็ให้มองมาที่ฉันสิ ไม่ใช่มองไปที่กระจก! อันนี้เราจะพบบ่อยมากเวลาผู้หญิงไม่ได้เป็นไปตามขนมสังคม เช่น แต่งตัวเซ็กซี่ หรือไม่เรียบร้อย ก็มักจะถูกคนออกมาโจมตี แต่หลายครั้งที่ถ้าหากพวกเธอเอาจริง จะเอาเรื่อง คนเหล่านั้นที่ด่า กลับหัวหด เพราะกลัวหมายศาล ซึ่งก็สะท้อนถึง cyber bullying ในสังคมได้ดีเลยSometimes I like to go play dirty Just like all of the fuckboys do That's my choice and there's no one I'm hurtingถ้าถามว่ารู้ได้ว่าทั้งหมดที่ว่าพูดถึงการเลือกปฏิบัติทางเพศที่ผู้หญิงเจอ ท่อนร้องของ ‘เจนนี่’ ได้เฉลยแล้วในท่อนดังกล่าวอย่างแสบสัน เพราะบางครั้งผู้หญิงก็อยากจะลองทำตัวสกปรกแบบที่ผู้ชายเลวๆ ทำบ้าง นั่นเป็นสิ่งที่เลือกเองก็จริง แต่สุดท้ายถ้าทำไปก็คงไม่มีใครรู้ว่าเราเจ็บปวดแค่ไหนอีกอยู่ดี ประมาณว่าแม้เราจะเจ็บปวดกับความผิดพลาดครั้งไหน ก็อาจจะไม่มีใครให้อภัยเรา หรือเข้าใจเราได้ นอกจากนี้ยังมีท่อนที่โรเซ่ร้องว่า I'll just do it like the boys say ฉันก็แค่จะทำมันตามที่ผู้ชายพร่ำพูดเสมอนั่นแหละ ซึ่งยืนยันว่าเนื้อเพลงโดยรวมทั้งหมด กำลังเล่าถึงความสองมาตรฐานระหว่างผู้ชายและผู้หญิง Tally จึงเป็นเพลงที่เราเชื่อว่าหลายคนจะชอบมัน และเก็บเข้าเพลย์ลิสต์ไปฟังกันได้บ่อยๆ เพราะสุดท้ายมันจะทำงานกับผู้หญิงทุกคนเพื่อเชียร์อัปว่า แม้โลกจะเฮงซวย แต่เราอย่าลืมความเป็นตัวเอง และไม่จำเป็นต้องหมุนไปตามสังคมชายเป็นใหญ่ก็ได้นะ

คริสเตน ดันสต์ (Kirsten Dunst) คือนักแสดงหญิงอีกหนึ่งคนที่อาจพูดได้เต็มปากว่าเกิดและโตมาในอ้อมแขนของฮอลลีวูด ทว่าตั้งแต่เธอเริ่มแสดงหนังเรื่องแรกในวัย 6 ขวบ หนึ่งปัญหาที่เธอยืนยันว่ามีมาตลอดก็คือความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ระหว่างนักแสดงหญิงกับนักแสดงชาย

คริสเตน ดันสต์ (Kirsten Dunst) อีกหนึ่งนักแสดงที่ยืนยันถึงรายได้ที่ไม่เคยมีคำว่า ‘เท่าเทียม’ ระหว่างนักแสดงหญิงกับนักแสดงชายในฮอลลีวูด

การที่บียอนเซ่ถูกวงการคันทรีปฏิเสธไม่ใช่เพียงเพราะเธอคือป๊อปสตาร์ แต่ยังเป็นเพราะว่าเธอเป็นคนดำ และเหตุที่วงการเพลงคันทรีในอเมริกาซีเรียสเรื่องสีผิวกันนัก จนเกิดแฮชแท็กที่ว่า #CountryMusicIsSoWhite ก็มีที่มาตั้งแต่ยุค 20s กันเลยทีเดียว

Beyonce กับการกลับมาทำเพลงคันทรีอีกครั้ง ในอัลบั้ม Cowboy Carter ที่แม้จะมีดราม่าแต่ก็ตอกย้ำว่าเธอจริงจังกับมัน

เอ็มมา สโตน เพิ่งคว้าออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมเป็นครั้งที่สองจาก Poor Things (2023) และนี่คือผลงานที่เธอตั้งใจกับมันและขุดค้นลงไปในตัวละครอย่างลึกที่สุด

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Music

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS