Emily Ratajkowski พูดถึงฉากเปลือยของเธอในเอ็มวี Blurred Lines

“แม่สอนไว้ว่า ฉันไม่จำเป็นต้องขอโทษใคร สำหรับความเซ็กซี่ของฉัน”

เอมิลี่ ราทาจโควสกี้ (Emily Ratajkowski) ซูเปอร์โมเดลชาวอเมริกัน เพิ่งเปิดเผยว่าเธอเคยถูกนักร้องดังโรบิน ธิก จับหน้าอก ตอนที่เธอเปลือยกายถ่ายทำมิวสิกวิดีโอเพลง Blurred Lines เมื่อปี 2013 โดยผู้กำกับเอ็มวี ไดแอน มาร์เทล ยืนยันว่าเธอเห็นเหตุการณ์นั้น และสั่งหยุดการถ่ายทำทันทีเอมิลี่ เล่าเรื่องนี้ผ่าน ‘My Body’ หนังสือเล่มใหม่ของเธอ กล่าวว่าตอนถ่ายทำฉากที่มีเธอและโรบินแค่สองคน เธอรู้สึกถึงความเย็นจากมือของใครบางคนที่หน้าอก เธอรีบขยับหนีและเมื่อหันไปก็พบว่าเป็นโรบิน ธิก ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ซึ่งขณะนั้นเขาเมาเล็กน้อย เธอเสริมอีกว่าเขายิ้มกรุ้มกริ่มให้ตอนเธอหันไปเห็น จากนั้นผู้กำกับก็ตะโกนใส่เขา และถามเอมิลี่ว่า “คุณโอเคไหม?” ก่อนจะสั่งให้ยกเลิกการถ่ายฉากนั้นไป&nbsp;หลังจากที่ข่าวแพร่ออกไป หลายคนก็ได้กลับไปดูเอ็มวีเพลง Blurred Lines กันอีกครั้ง และมีการถกเถียงตามคาด โดยประเด็นหนึ่งที่ผู้คนสนใจยังคงเป็นการ ‘โทษเหยื่อ’ อย่างเช่นคอมเมนต์หนึ่งที่ระบุว่า “เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไม่ควรถอดเสื้อแต่แรก” ซึ่งมีคนโต้กลับทันทีว่า “เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไม่มีใครมีสิทธิไปแตะต้องร่างกายคนอื่น ไม่ว่าเธอจะเปลือยอยู่หรือไม่” จากนั้นก็ลามไปเป็นดราม่าย่อมๆ ที่เลยไปถึงการเหยียดเชื้อชาติของคนในคอมเมนต์ (ซึ่งเราจะไม่พูดถึง ณ จุดนี้ แต่ใครที่สนใจลองไปตามอ่านกันได้)นอกจากเนื้อเพลงซึ่งเป็นที่ถกเถียงว่าส่งเสริมวัฒนธรรมการข่มขืน เรื่องของการเปลือยกายก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ทำให้เอ็มวีเพลง Blurred Lines เป็นที่พูดถึงใหญ่โตในปี 2013 โดยเอ็มวีนี้มีสองเวอร์ชัน คือเวอร์ชันที่นางแบบสวมเสื้อผ้าและไม่สวมเสื้อผ้า และสำหรับเอมิลี่เอง นี่ก็เป็นการเปลือยกายครั้งแรกในการถ่ายงานของเธอ ซึ่งปี 2015 เธอก็เคยให้สัมภาษณ์ว่านี่เป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตแต่เหตุที่เธอรู้สึกไม่ดีกับงานชิ้นนี้ เป็นเพราะเธอไม่ได้เห็นด้วยกับไอเดียของทั้งเนื้อเพลงและมิวสิกวิดีโอ ไม่ได้เป็นเพราะการที่เธอต้องเปลือยกายแต่อย่างใด “ฉันไม่เห็นจะเข้าใจว่าทำไมร่างเปลือยของผู้หญิงต้องกลายเป็นเรื่องถกเถียงในสังคมด้วย” เธอกล่าวเธอยังบอกอีกว่าครอบครัวของเธอสนับสนุนการตัดสินใจเกี่ยวกับร่างกายของเธออย่างเต็มที่ “แม่สอนไว้ว่า ฉันไม่จำเป็นต้องขอโทษสำหรับความเซ็กซี่ของฉัน” พ่อของเธอก็เช่นกัน เขาไม่เคยทำให้เธอลำบากใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ “ฉันไม่เคยมองว่าร่างกายของฉันยั่วเพศอะไรขนาดนั้น มันก็แค่ร่างกายน่ะ” เธอทิ้งท้ายอย่างไรก็ตาม การเปิดเผยเรื่องถูกจับหน้าอกระหว่างการถ่ายทำเอ็มวีก็ทำให้คนพูดถึง ‘ร่างกาย’ ของเธออีกครั้ง และยิ่งช่วยสร้างความตระหนักเรื่องการเปลือยกาย ที่แม้จะเป็นความยินยอมพร้อมใจที่จะเปลือยผ่านการจ้างงาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามาพร้อมกับความยินยอมพร้อมใจจะถูกแตะต้องตามใจชอบ ซึ่งนับว่าร่างกายของเอมิลี่สื่อสารเรื่องนี้ได้ทรงพลังทีเดียวอ้างอิง:<a href="https://www.bbc.com/news/world-us-canada-58780355" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.bbc.com/news/world-us-canada-58780355</a>&nbsp;<a href="https://www.theguardian.com/music/2015/sep/04/emily-ratajkowski-blurred-lines-video" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.theguardian.com/music/2015/sep/04/emily-ratajkowski-blurred-lines-video</a>&nbsp;

นับว่าเดือนมิถุนายน 2568 นี้ มีข่าวดีให้แฟนนางงามไทยได้ดีใจกันยกใหญ่ กับ ‘โอปอล-สุชาตา ช่วงศรี’ ผู้คว้ามงกุฎมิสเวิลด์ 2025 (Miss World 2025) เป็นคนไทยคนแรก หลังจากงานที่จัดขึ้นมานานกว่า 72 ปี ซึ่งนับว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการนางงามไทย ไปรษณีย์ไทยจึงเฉลิมความสำเร็จครั้งนี้ ด้วยการเปิดตัวแสตมป์ที่ระลึกสุดพิเศษ 4 ลาย พร้อมให้สะสมเป็นของขวัญแห่งความภาคภูมิใจในหน้าประวัติศาสตร์ของคนไทย

สวยสมมงโลก! ไปรษณีย์ไทยเปิดตัวแสตมป์ที่ระลึก ‘โอปอล-สุชาตา ช่วงศรี’ 
เจ้าของมงกุฎ Miss World คนแรกของประเทศไทย

เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้งสำหรับวงเกิร์ลกรุ๊ปตัวแม่เจน 5 อย่าง ‘KISS OF LIFE’ (aka จูบชีวิต) หลังจากคัมแบ็คครั้งล่าสุดด้วยเพลงไตเติ้ล ‘Lips Hips Kiss’ โดยในท่อนฮุคของเพลงนี้ สาวๆ จูบชีวิตแสดงท่าเต้นที่คล้ายกับ ‘การดึงสายชุดชั้นในของผู้หญิง’ ซึ่งชาวเน็ตเกาหลีบางส่วนมองว่าเป็นท่าเต้นที่ไม่เหมาะสม ล่อแหลม ยั่วยุ และส่อถึงเรื่องเพศมากจนเกินไป

ดึงสายเสื้อ(ใน) = ล่อแหลมเกินไป? ‘Kiss of Life’ โดนชาวเน็ตเกาหลีโจมตีว่า ท่าเต้นส่อถึงเรื่องเพศ และแต่งตัวโป๊เปลือย ทั้งที่ไม่มีใครสมควรถูกลดทอนคุณค่า
เพียงเพราะเป็นคนเซ็กซี่

“Big boy, don’t cry” คือประโยคสั้นๆ แต่กลับมีมวลพลังงานหนักอึ้ง เพราะการ ‘เป็นผู้ชายต้องไม่ร้อง’ ที่ผู้ชายหลายคนถูกปลูกฝังกันมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้นี้เองที่มาพร้อมอุดมคติและความคาดหวังของสังคมเอาไว้ว่าการเป็นชาย(แท้) จะอ่อนแอไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องเป็นสามี เป็นเจ้านาย เป็นผู้นำครอบครัว และไหนจะยังต้องเป็นพ่อของลูกที่สมบูรณ์แบบอีก กล่าวคือ ในสังคมปิตาธิปไตย ผู้ชายเองก็ต้องเผชิญแรงกดดันมากมาย จาก ‘ความเป็นชายเป็นพิษ’ ที่ไม่เพียงกัดกินผู้ชายด้วยกันเอง ยังส่งผลต่อคนอื่นๆ รอบข้างพวกเขาด้วย  

Big boy, can cry! ใครว่าชายแท้อ่อนแอไม่ได้ หนังที่ว่าด้วยความแตกสลายของเหล่าตัวละครชาย ที่แม้อยากร้องไห้แต่ทำไม่ได้ เพราะความคาดหวังว่าผู้ชายต้องแข็งแกร่งตลอดเวลา

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Music

“แม่สอนไว้ว่า ฉันไม่จำเป็นต้องขอโทษใคร สำหรับความเซ็กซี่ของฉัน”

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS