ท่ามกลางสินค้าแฟชั่นมือสองและของวินเทจทั้งหลาย สิ่งหนึ่งที่น่าจับตามองคือความต้องการหาซื้อ ‘เฟอร์วินเทจ’ จากเหล่าคนรักแฟชั่นที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 20s จนถึงวัยประมาณ 30s ที่หันมาเข้าวงการตามเก็บเฟอร์หายากกัน ซึ่งน่าจับตามองว่าทิศทางของมันจะเป็นอย่างไรต่อไป

ความขลังที่มาพร้อมการอัปไซเคิล สำรวจความฮิตของ ‘เฟอร์วินเทจ’ แง่มุมอันหลากหลายที่มีทั้งคนรักและคนชัง ท่ามกลางการแบนเฟอร์แท้ของนักอนุรักษ์และแบรนด์ใหญ่ๆ

ในมหกรรมคนรักของวินเทจ Manhattan Vintage Show ที่จัดขึ้นในนิวยอร์กเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ท่ามกลางสินค้าแฟชั่นมือสองและของวินเทจทั้งหลาย สิ่งหนึ่งที่น่าจับตามองมากไม่น้อยไปกว่าก็คือความต้องการหาซื้อ ‘เฟอร์วินเทจ’ จากเหล่าคนรักแฟชั่นที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 20s จนถึงวัยประมาณ 30s ที่หันมาเข้าวงการตามเก็บเฟอร์หายากกัน โดยเฉพาะที่ทำจากขนมิงค์ (Mink) ขนเเกะมองโกเลียน (Mongolian fur) และเฟอร์เซเบิล (Sable fur) ซึ่งมีราคาซื้อหากันในตลาดถึงตัวละ 2,495 เหรียญฯ หรือประมาณ 80,000 บาทไทยเลยทีเดียว<img src="https://media.thairath.co.th/image/s1a2hNh4KKBgLSwVZlW5p1V24AlmJZs1a2hjSOkGtMEuSDKcLZas1a2hQse9vA1.jpg" data-id="102230" data-url="https://media.thairath.co.th/image/s1a2hNh4KKBgLSwVZlW5p1V24AlmJZs1a2hjSOkGtMEuSDKcLZas1a2hQse9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">เทรนด์การกลับมาฮิตของเฟอร์วินเทจในกลุ่มคนรุ่นใหม่นี้เองที่ The New York Times มองว่าน่าสนใจ และน่าจับตามองว่าทิศทางของมันจะเป็นอย่างไรต่อไป คนที่ใส่เฟอร์จะยังถูกมองว่าไม่เป็นมิตรต่อโลกอยู่อีกไหม และจะยังสวนทางกับกระแสการแบนเฟอร์จริงในโลกแฟชั่นอยู่หรือเปล่า ในเมื่อถ้าหากเฟอร์วินเทจไม่ได้เป็นการทารุณกรรม ไม่ได้เป็นการฆ่า หรือรุกรานสวัสดิภาพสัตว์ แต่เป็นการนำของเก่าที่มีอยู่เดิมมา ‘เล่าใหม่’ แบบนี้ &nbsp;กลุ่มองค์กรพิทักษ์สัตว์หลายกลุ่มมองว่า เทรนด์วินเทจเฟอร์ที่กลับมานั้น อาจเป็นเรื่องอันตรายมากกว่า เพราะไม่ว่าจะเฟอร์จริง เฟอร์วินเทจ หรือเฟอร์เทียม คนทั่วไปไม่มีทางรู้ได้เลย และเมื่อไรก็ตามที่อะไรเป็นเทรนด์ คนก็จะสรรหามาจนได้โดยไม่สนใจว่ามันจะเป็นเฟอร์เทียม แท้ หรือวินเทจ&nbsp;หากย้อนกลับไปดูกระแสการแบนเฟอร์ของแบรนด์แฟชั่นใหญ่ๆ ก่อนหน้านี้ Calvin Klein เริ่มออกมาเคลื่อนไหวไม่ใช้เฟอร์ในสินค้าแฟชั่นของตัวเองมาตั้งแต่ก่อนกาลในปี 1994 ตามมาด้วย Ralph Lauren ในปี 2006 การขยับตัวของ Gucci ในปี 2017 ที่ประกาศว่าจะยกเลิกการใช้เฟอร์จริงในทุกคอลเล็กชั่น และอีกหลายแบรนด์ที่เคลื่อนไหวตามมา ไม่ว่าจะเป็น Michael Kors, Burberry, Prada, Versace, Tom Ford หรือ Marc Jacobs เองก็ตาม จนถึงการขยับเมื่อไม่กี่ปีมานี้ในปี 2021 ที่ Kering บริษัทแม่ของ Gucci ผู้ดูแลแบรนด์ในเครือทั้ง Balenciaga, Saint Laurent และ McQueen พยายามแสดงจุดยืนว่าเเบนการใช้เฟอร์อย่างจริงจังด้วย นั่นยังไม่นับแบรนด์ที่ปวารณาตัวเองมาตั้งแต่แรกว่าเป็น Cruelty-free 100% ที่จะไม่คุกคามสัตว์และสิ่งแวดล้อมเลยแบบเด็ดขาดอย่าง Stella McCartney อีก<img src="https://media.thairath.co.th/image/s1a2hNh4KKBgLSwVZlW5p1V24AlmN1oPnrgjTmHvJPANgW8xHYe9vA1.jpg" data-id="102230" data-url="https://media.thairath.co.th/image/s1a2hNh4KKBgLSwVZlW5p1V24AlmN1oPnrgjTmHvJPANgW8xHYe9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">นอกจากนั้น ฝั่งรีเทลเช่น Hudson’s Bay เจ้าของ Saks Fifth Avenue ห้างรายใหญ่สัญชาติแคนาเดียนที่เทรดเฟอร์มาตั้งแต่ปี 1670 หรือห้าง Macy's จนถึงธุรกิจแฟชั่นฝั่งแคลิฟอร์เนียเองก็มีกฎหมายแบนจริงจังเรื่องการใช้เฟอร์ในผลิตสินค้าแฟชั่นใหม่ๆ ไม่แพ้กัน &nbsp;&nbsp;แล้วก็เหมือนว่าการแบนเฟอร์จะไปได้สวยทีเดียว หากดูจากรายงานของ Fur Free Alliance หน่วยงานที่เคลื่อนไหวต่อต้านการใข้ขนสัตว์ในอุตสาหกรรมแฟชั่นที่พบว่า ในรอบทศวรรษที่ผ่านมา อัตราการผลิตเฟอร์นั้นร่วงลงไปถึงกว่า 85% ขณะเดียวกันสัตว์ที่ถูกฆ่าเพื่อนำขนสัตว์มาทำสินค้าเเฟชั่นก็อยู่ที่ 20 ล้านตัวในปี 2023 ซึ่งถือว่าลดลงไปไม่น้อยเลยเมื่อเทียบกับปี 2014 ที่มีสัตว์ถูกฆ่าเพื่อนำขนมาทำเฟอร์มากถึง 140 ล้านตัวเช่นเดียวกับที่จำนวนฟาร์มที่เลี้ยงสัตว์เพื่อใช้ทำเฟอร์ในสหภาพยุโรปเองก็ดูจะมีจำนวนลดลงอยู่ที่ 1,088 ฟาร์ม จาก 4,350 ในปี 2018 ด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากอิทธิพลขององค์กรด้านสวัสดิภาพสัตว์ที่ทั้งเก่าแก่และเข้มข้นที่สุดในโลกอย่าง The Royal Society for the Prevention of Cruelty to Animals (RSPCA) ซึ่งทำให้อังกฤษและเวลส์เป็นประเทศแรกๆ ในโลกที่เเบนการใช้เฟอร์มาตั้งแต่ปี 2000 ด้วย (แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเฟอร์ที่ทำจากขนแกะ (Shearling) ก็ยังคงถูกใช้ผลิตเป็นสินค้าแฟชั่นอยู่ดี เพราะถือว่าเป็น ‘ผลพลอยได้’ จากอุตสาหกรรมอาหารที่ถึงอย่างไรคนทั่วโลกก็ยังต้องการบริโภคเนื้อแกะกันอยู่แล้ว นั่นทำให้น่าตั้งข้อสังเกตเหมือนกันว่า ทำไมเวลาพูดถึงการใช้ขนแกะมาทำสินค้าแฟชั่นถึงมักจะฟังดูคุ้นชิน ไม่ค่อยได้เห็นฟีดแบ็กจากบรรดานักอนุรักษ์มากเท่ากับการใช้เฟอร์จากสัตว์อื่นๆ สักเท่าไร)&nbsp;<img src="https://media.thairath.co.th/image/s1a2hNh4KKBgLSwVZlW5p1V24AlmIKczRHXp5p1V2BABShnG5xpOce9vA1.jpg" data-id="102230" data-url="https://media.thairath.co.th/image/s1a2hNh4KKBgLSwVZlW5p1V24AlmIKczRHXp5p1V2BABShnG5xpOce9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">อิทธิพลจากกระแสการแบนเฟอร์ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อความคิดของสังคมที่ทำให้การใส่เสื้อผ้าขนเฟอร์จริงไปไหนมาไหนอาจสร้างความรู้สึก ‘ไม่ค่อยโอเค’ สักเท่าไร เฟอร์กลายเป็น Taboo ที่มักจะถูกมองว่าน่า ‘อี๋’ อยู่ช่วงหนึ่ง จนกระทั่งอยู่ๆ ก็… ปิ๊ง! เทรนด์วินเทจ เทรนด์แฟชั่นมือสอง ย้อนยุค จนถึงเทรนด์ ‘Old Money’ ต่างๆ กลับมาบูมไปทั่วโลก Taboo ของการอี๋เวลาเห็นคนใส่เฟอร์นั้นก็เลยดูเหมือนจะค่อยๆ จางไป อาจเพราะคน (ส่วนหนึ่ง) เข้าใจมากขึ้นว่าเฟอร์วินเทจไม่ใช่ และไม่เหมือนเฟอร์ที่ผลิตใหม่ นั่นแปลว่า ‘No animals were killed (or harmed)’ แถมยังน่าจะเป็นเรื่องดีที่น่าชื่นชมซะด้วยซ้ำ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนวงจรอัพไซเคิล นำของเก่ามาหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ ใช้เฟอร์ที่มีอยู่แล้วให้คุ้มค่า (กับที่มันถูกฆ่า) ไปในตัวอีกด้วย &nbsp;และเเน่นอนว่าเมื่อเป็นของวินเทจ ก็ใช่ว่ามีเงินแล้วอยากได้ อยากใส่เมื่อไหร่ก็จะหามาได้เลย แพลตฟอร์มวินเทจเจ้าใหญ่อย่าง 1stDibs รายงานว่า ยอดการซื้อหาเฟอร์วินเทจในปี 2024 นั้นเพิ่มสูงขั้นกว่าปี 2023 ถึง กว่า 14 % และถ้าอยากได้ละก็อย่างน้อยๆต้องรอคิวนานอยู่สักหน่อย เพราะยอดสั่งซื้อที่มีอยู่ 10 ตัวต่อปีนั้นก็เดือดไม่เบา โดยเฉพาะตัว ‘แรร์’ จริงๆ ที่ในวงการคนเล่นเฟอร์เขาตามเก็บกัน เช่น เสื้อโค้ทขนจิ้งจอก ของ Gucci F/W 1997 ซึ่งในตลาดเวลานี้ขายกันอยู่ที่ตัวละ 30,257 เหรียญฯ หรือประมาณ แสนกว่าบาทไทยเข้าไปแล้ว (!!!)&nbsp;“มันขึ้นอยู่กับว่าคุณใส่มันที่ไหน ท่ี St. Moritz (สวิสเซอร์เเลนด์) ที่นั่นคนใส่เฟอร์กันแทบทุกคน หรือที่ Aspen (รัฐโคโลราโด) ทุกคนรักเฟอร์ คุณจะไม่ได้เจอกับสายตาที่มองว่าคุณแปลกหรืออะไรพรรค์นั้นเลย” Whitney Robinson บรรณาธิการคนหนึ่งในนิวยอร์กกล่าว เธอบอกว่าค่านิยมและทัศนคติของที่คนมีต่อเฟอร์นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งพื้นที่ การศึกษา รวมถึงทัศนคติทางการเมืองเองก็มีส่วน&nbsp;<img src="https://media.thairath.co.th/image/s1a2hNh4KKBgLSwVZlW5p1V24AlmIDIJOZKyeqjfPqLzvNrwZEe9vA1.jpg" data-id="102230" data-url="https://media.thairath.co.th/image/s1a2hNh4KKBgLSwVZlW5p1V24AlmIDIJOZKyeqjfPqLzvNrwZEe9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">ด้าน Carly Mark ดีไซเนอร์แบรนด์ Puppets and Puppets ในปารีส ก็บอกว่าทุกคนที่นั่นรักเฟอร์ ใส่เฟอร์กันเป็นปกติ เธอเองเคยทำงานกับเฟอร์เทียมมาสักพักเหมือนกัน แต่กำลังเปลี่ยนมาทำงานกับการใช้เฟอร์จริงที่เป็นการ Recut หรือตัดเย็บขึ้นมาใหม่จากเฟอร์วินเทจเดิมที่มีอยู่แล้ว เพราะต้องการสนับสนุนวงจรอัพไซเคิล แต่ก็นั่นแหละ เธอเป็นอีกหนึ่งคนที่โดนกระแสตอกกลับจากโลกออนไลน์ไม่น้อยเลย หลังจากทำงานกับเฟอร์วินเทจ “ฉันคิดว่าคนยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเฟอร์เทียม และเฟอร์วินเทจอีกมากเลยละค่ะ” มองว่าเฟอร์วินเทจสำหรับเธอคืออีกหนึ่งทางเลือกที่ยั่งยืนไม่น้อยไปกว่ากัน ขณะที่พลาสติก และไมโครพลาสติกซึ่งใช้ในการผลิตเส้นใยเฟอร์เทียมนั้นเป็นพลาสติกที่จากปิโตเลียม (Petroleum-based) ซึ่งส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมกว่าเป็นไหนๆ หากมองในภาพใหญ่&nbsp;เช่นเดียวกับ Mark Oaten กรรมการบริหารใหญ่ของสหพันธ์การเทรดเฟอร์นานาชาติ (International Fur Federation) ผู้อยู่อาศัยและทำงานในอังกฤษ ประเทศที่มีพระราชบัญญัติการเเบนเฟอร์อย่างเข้มข้นที่บอกว่าการกลับมาของเฟอร์วินเทจ ทั้งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ จนถึงคนวัย 30s - 40s นั้นน่าจับตามมองอย่างมากสำหรับเขา เขามองว่าการแบนในสิ่งที่กำลังเป็นเมนสตรีมนั้นเป็นไปไม่ได้ หากดูจากตัวเลขความต้องการซื้อ-ขายเฟอร์วินเทจในทุกวันนี้ นั่นทำให้ทั้งเขา และกลุ่มคนรักเฟอร์วินเทจยังคงเชื่อมั่นในตัวเลขนั้นต่อไป ไม่ใช่เพียงแค่ ‘ความรู้สึก’ ที่วัดค่าไม่ได้ของคนบางกลุ่มเท่านั้น&nbsp;อ้างอิง<a href="https://www.nytimes.com/2025/02/16/style/vintage-fur-trend.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.nytimes.com/2025/02/16/style/vintage-fur-trend.html</a>เครดิตภาพ : Dolly Faibyshev / The New York Times

บริษัท Kering ได้ประกาศ Demna ผู้กุมบังเหียนของ Balenciaga จะมารับไม้ต่อจาก Sabato De Sarno ในฐานะครีเอทีฟไดเร็กเตอร์คนใหม่ให้กับบ้าน Gucci ในต้นเดือนกรกฎาคมนี้

สาวก GG รอดูกันได้เลย! Demna ขึ้นแท่นเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์คนใหม่ให้ Gucci

AIMER (อะแมร์) แบรนด์แฟชั่นไทยสไตล์สาวปารีเซียง โดยคู่รักเจ้าของแบรนด์ โดนัท-พิชญา ส่งสกุลชัย และ บั๊บ-วีรวรรธน์ ชินพิลาศ ตั้งใจออกแบบเสื้อผ้าโดยได้แรงบันดาลใจมาจากสไตล์การแต่งตัวของคนฝรั่งเศส

AIMER แบรนด์แฟชั่นไทยสไตล์น้อยแต่มากของคู่รักนักธุรกิจ ติดอันดับขายดีบน LazLook จนกลายเป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่หลายคนมีติดตู้

ในโลกบิวตี้ นับว่าปี 2025 เป็นปีทองของเทรนด์น้ำหอมแห้ง ที่มาในหลากหลายรูปแบบ แล้วอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำหอมขนาดเล็กถึงได้ติดลมบนขนาดนี้?

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Trends

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS