หลายคนน่าจะได้เห็นกันไปแล้วกับคอลเลกชั่นชุดชั้นในสีพาสเทลที่ชวนให้อยากไปทะเล ในคอลเลกชั่นใหม่ของ SABINA อย่าง “From Marine to Fashion จากท้องทะเล... สู่แฟชั่นรักษ์โลก” ที่หยิบเอา Marine Materials ซึ่งทำจากอวนประมงไม่ใช้แล้ว ภายใต้โครงการ Nets Up โดย SCGC มาผลิตเป็นคอลเลกชั่นชุดชั้นในที่ทั้งเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ คงความสวยงาม สวมใส่สบาย และเน้นย้ำจุดยืนเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

Nets Up by SCGC x SABINA 
กับคอลเลกชั่น “From Marine to Fashion” ที่หยิบเอาอวนประมงไม่ใช่แล้ว มาผลิตเป็นคอลเลกชั่นชุดชั้นในสุดคิวต์และรักษ์โลก

หลายคนน่าจะได้เห็นกันไปแล้วกับคอลเลกชั่นชุดชั้นในสีพาสเทลที่ชวนให้อยากไปทะเล ในคอลเลกชั่นใหม่ของ SABINA อย่าง “From Marine to Fashion จากท้องทะเล... สู่แฟชั่นรักษ์โลก” ที่หยิบเอา Marine Materials ซึ่งทำจากอวนประมงไม่ใช้แล้ว ภายใต้โครงการ Nets Up โดย SCGC มาผลิตเป็นคอลเลกชั่นชุดชั้นในที่ทั้งเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ คงความสวยงาม สวมใส่สบาย และเน้นย้ำจุดยืนเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม&nbsp;นี่จึงนับเป็นการร่วมมือกันระหว่างสองแบรนด์ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นการโคจรมาพบกันของสองธุรกิจต่างสายที่มีเป้าหมายเดียวกันคือ การลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เป็นปัญหาใหญ่ทั้งในประเทศไทยและในระดับโลกและการโฟกัส ‘อวนประมง’ ในครั้งนี้เป็นเพราะว่าจากสถิติขององค์การกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) ในทุกๆ ปีจะมีปริมาณขยะพลาสติกหลุดรอดลงสู่ทะเลมากถึง 12 ล้านตัน มีสัดส่วนเป็นอุปกรณ์ทั้งประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้าน ถึง 1.2 ล้านตัน โดยมีสาเหตุมาจากกระแสน้ำ สภาพอากาศ รวมถึงสภาพอุปกรณ์ที่ไม่พร้อมใช้งาน ทำให้เกิดการหลุดรอดลงสู่ทะเล เฉพาะอวนประมงที่ไม่ใช้แล้วก็กลายเป็นขยะทะเลมากถึง 64,000 ตันต่อปี การนำขยะเหล่านี้ไปใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์จึงเป็นอีกหนึ่งแรงสำคัญที่จะช่วยทุเลาปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกลงได้โครงการ Nets Up โมเดลการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อทะเลยั่งยืน โดย บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC ร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคประชาชน จึงเกิดขึ้นเพื่อเปลี่ยนอวนประมงที่ไม่ใช้แล้วให้กลายเป็นวัตถุดิบจากท้องทะเล (Marine Materials) และหนึ่งในการต่อยอดนวัตกรรมของโครงการ Nets Up ก็คือคอลเลกชั่น “From Marine to Fashion จากท้องทะเล... สู่แฟชั่นรักษ์โลก” ที่เพิ่งเปิดตัวไปในวัน Earth Day ที่ผ่านมา&nbsp;ความปังของโครงการ และคอลเลกชั่นชุดชั้นในจะเป็นอย่างไรบ้าง ไปอ่านกัน<img src="https://media.thairath.co.th/image/cfOA8D23Ds4dpR1B587psDKQTp1V2m5TWPyZs1a2hu7qs1a2hxFyyMe9vA1.jpg" data-id="101586" data-url="https://media.thairath.co.th/image/cfOA8D23Ds4dpR1B587psDKQTp1V2m5TWPyZs1a2hu7qs1a2hxFyyMe9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">‘Marine Materials’ การนำอวนประมงที่ไม่ใช้แล้วมาขึ้นรูปเป็นเส้นด้าย และทอเป็นผืนผ้าNets Up คือ โมเดลการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อทะเลยั่งยืน เปลี่ยนอวนประมงที่ไม่ใช้แล้ว สู่ Marine Materials วัสดุทางเลือกใหม่จากนวัตกรรมรีไซเคิล ช่วยจัดการอวนประมงที่ไม่ใช้แล้ว ไม่ให้หลุดรอดสู่สิ่งแวดล้อม และนำไปต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง อย่างเช่นธุรกิจสิ่งทอ&nbsp;วิธีการคือ นำอวนประมงไปขึ้นรูปเป็นเส้นด้าย และทอเป็นผืนผ้าสำหรับแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อัปไซเคิล สร้างทางเลือกใหม่ให้กับเจ้าของแบรนด์สินค้าและผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดปัญหาขยะทะเล พร้อมสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลอย่างยั่งยืน และช่วยลดภาวะโลกร้อนณ ตอนนี้ โครงการ Nets Up เริ่มนำร่องโมเดลในพื้นที่ชายฝั่งจังหวัดระยองเป็นแห่งแรก และในอนาคตก็มีแผนจะขยายโครงการไปทั้ง 23 จังหวัดริมชายฝั่งทะเลประเทศไทย<img src="https://media.thairath.co.th/image/cfOA8D23Ds4dpR1B587psLGovxsvpxvIMSvHDrX6Mr8e9vA1.jpg" data-id="101586" data-url="https://media.thairath.co.th/image/cfOA8D23Ds4dpR1B587psLGovxsvpxvIMSvHDrX6Mr8e9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">ขยะทะเลลดลงได้ ท้องถิ่นได้ประโยชน์ด้วยหัวใจสำคัญของโมเดล Nets Up คือ การเชื่อมโยงโซ่คุณค่า (Value Chain) อย่างครบวงจร โดยบูรณาการทุกภาคส่วนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยมีขั้นตอนคือ1. เก็บรวบรวมอวนประมงที่ไม่ใช้แล้ว ทำความสะอาด และคัดแยกอย่างถูกต้อง2. ระบบการรับซื้อที่เป็นธรรม ผ่านธนาคารขยะชุมชน โดยมีแอปพลิเคชัน “คุ้มค่า” เป็นเครื่องมือช่วยเก็บและบันทึกข้อมูลการซื้อขาย3. กระบวนการรีไซเคิลด้วยนวัตกรรมขั้นสูง ผลิตเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของ SCGC4. ต่อยอดพัฒนาเป็น Marine Materials วัสดุรีไซเคิลจากอวนประมงไม่ใช้แล้ว ตามความต้องการของแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อัปไซเคิล เช่น ธุรกิจสิ่งทอ ซึ่งได้นำไปผลิตเป็นผ้าสำหรับตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม และเครื่องใช้ต่างๆจากกระบวนการที่ว่ามานี้ทำให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอวนประมงไม่ใช้แล้ว เป็นการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมด้วยการบริหารจัดการขยะทะเล การส่งเสริมการจัดการอวนประมงไม่ใช้แล้วไม่ให้หลุดรอดออกสู่ทะเล ทั้งยังช่วยสนับสนุนการดำเนินการของธนาคารขยะชุมชน ส่งเสริมการสร้างรายได้ให้กับกลุ่มประมงพื้นบ้านให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการนำเศษอวนมาคัดแยก ลดภาระในการนำไปกำจัดเอง และท้ายที่สุดจึงนำไปสู่การสร้างเครือข่ายประมงพื้นบ้าน จิตอาสาและองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม<img src="https://media.thairath.co.th/image/cfOA8D23Ds4dpR1B587psJePsrVONemkG6zMC4pewjce9vA1.jpg" data-id="101586" data-url="https://media.thairath.co.th/image/cfOA8D23Ds4dpR1B587psJePsrVONemkG6zMC4pewjce9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">“From Marine to Fashion&nbsp;จากท้องทะเล... สู่แฟชั่นรักษ์โลก”คอลเลกชั่นจาก SABINA แบรนด์แฟชั่นแรกที่ทำชุดชั้นในจาก ‘อวนประมง’ภายในคอลเลกชั่นที่ทั้งสีสันและดีไซน์สุดคิวต์ ประกอบด้วย เสื้อชั้นใน กางเกงชั้นใน เสื้อ กางเกงขาสั้น และเสื้อกล้ามเสริมบรา ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่อย่างที่สุดโดยในการเปิดตัวคอลเลกชั่นเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวัน Earth Day หรือวันคุ้มครองโลก SABINA ได้เน้นย้ำถึงจุดยืนว่ายังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนความยั่งยืนให้เกิดขึ้นในแวดวงแฟชั่น และเดินหน้าตอกย้ำการเป็นแบรนด์ชุดชั้นในที่ยั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 3&nbsp;การเข้าร่วมต่อยอดนวัตกรรมในโครงการ Nets Up ครั้งนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาขยะทะเลตั้งแต่ต้นน้ำ ที่ SABINA นำมาต่อยอดจากการใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญพิเศษในการผลิตชุดชั้นในที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยยังความสวยงามและสวมใส่สบาย ซึ่งเป็นจุดเด่นด้านนวัตกรรมของชุดชั้นในและผลิตภัณฑ์ SABINA&nbsp;ขณะเดียวกัน คอลเลกชั่น “From Marine to Fashion จากท้องทะเล... สู่แฟชั่นรักษ์โลก” ก็ทำให้ทุกคนที่สวมใส่ได้มีร่วมส่วนสำคัญในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยคอลเลกชั่นนี้ได้ช่วยลดปริมาณขยะอวนประมงใช้แล้วทั้งหมดประมาณ 620 กิโลกรัม และช่วยชดเชยปริมาณการผลิตคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 4 ตันใครที่สนใจ พบกับสินค้าคอลเลกชั่น “From Marine to Fashion จากท้องทะเล... สู่แฟชั่นรักษ์โลก” ได้แล้ววันนี้ที่ ซาบีน่า ช็อป รวมถึง เคาน์เตอร์ซาบีน่า ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ และซาบีน่าออนไลน์

จะมีรองเท้าสักกี่คู่ในโลกที่ทุกวันนี้คนก็ยังคงถกเถียงกันอยู่ว่ามัน ‘สวย’ หรือ ‘น่าเกลียด’ ‘ประหลาด’ หรือ ‘ล้ำ’ กันแน่ และรองเท้า ‘Tabi’ หรือที่หลายคนเรียกมันว่า ‘รองเท้ากีบหมู’ จากแบรนด์ Maison Martin Margiela ก็คือหนึ่งในไอเทมซึ่งเป็นที่ถกเถียงนั้น ไม่ใช่แค่ในโลกแฟชั่น แต่ไม่ว่าใครที่ได้เห็นมัน ต่างบอกคล้ายกันว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่รองเท้าคู่ไหนจะสร้างอารมณ์อันหลากหลายได้ขนาดนี้ ขณะที่บอกคนก็ว่า ใครหลงรักมันแล้วก็รักเลย แต่หากใครไม่ชอบ ก็จะเกลียดมันไปเลยเหมือนกัน

จากถุงเท้าสร้างสมดุลของชาวญี่ปุ่นโบราณ ถึงรองเท้า ‘ทาบิ’ ของ Maison Margiela งานไอคอนิกที่ทั้งขบถ และท้าทาย แนวคิดเรื่องความงามในโลกแฟชั่น จนเป็นตำนานมาถึงทุกวันนี้

หากให้นึกถึงกีฬาอะไรที่ไม่ได้แค่เป็นกีฬา แต่ยังสามารถให้เซนส์ของความเป็น ‘แฟชั่น’ ไปพร้อมกันได้ด้วย แน่นอนว่า ‘เทนนิส’ คือหนึ่งในนั้นที่หลายคนนึกถึงเป็นอันดับแรก เพราะความเป็นกีฬาเทนนิสที่มาพร้อมสไตล์และความคลาสสิก ไหนจะกลิ่นอายเรโทรที่ผสมอยู่ในนั้นอย่างกลมกล่อม องค์ประกอบเหล่านี้แหละที่ทำให้แฟชั่นกับเทนนิสเหมือนเป็นของที่มาคู่กันได้ดีเสมอทุกยุคสมัย

Tennis is Everywhere! เมื่อแบรนด์แฟชั่นพร้อมใจกันทำคอลเลกชันยูนิฟอร์มเทนนิส ในจังหวะเดียวกับความปังของหนัง Challengers

Saerom Min ช่างแต่งหน้าเกาหลีชื่อดัง และผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ rom&nd บินมาจากเกาหลีใต้ เพื่อมาป้ายยาโปรดักต์เลิศๆ ให้สาวๆ และตั้งใจมาเผยเคล็ดลับการแต่งหน้าตามไอดอลที่คนทั่วไปสามารถแต่งตามกันได้ง่ายๆ ถึงประเทศไทย

สร้าง Overlip ให้ปากอวบอิ่ม และใช้สีเมกอัพโทนเดียวทั้งหน้า ที่แม้ไม่ตาม Personal Color ก็ละมุนได้! ฮาวทูแต่งหน้าตามไอดอล ฉบับช่างแต่งหน้าเกาหลี 
โดย ‘Saerom Min’ ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ rom&nd

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Lifestyle

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS