‘Elizabeth Sweetheart’ คุณยายวัย 83 ปี ผู้รักที่จะ ‘Be Green’ หรือเป็นส่วนหนึ่งของสีเขียวและมีไลฟ์สไตล์ที่แวดล้อมไปด้วยสีเขียว (รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ในบ้านภาพรวมก็เป็นสีเขียว) มากว่า 25 ปี ซึ่งได้รับฉายาเลื่องชื่อว่าเป็น ‘Green Lady of Brooklyn’

โลก ‘สีเขียว’ ตลอด 25 ปีของ ‘Green Lady of Brooklyn’ คุณยายวัย 83 ปี ผู้แวดล้อมไปด้วยสีเขียวและเป็นดาวเด่นที่คนบรูคลินรักและขอเซลฟี่แทบทุกวัน ซึ่งล่าสุดปรากฏตัวในเอ็มวี The Subway ของ Chappell Roan

ในเอ็มวีเพลงใหม่ล่าสุด The Subway ของ <a href="https://mirrorthailand.com/tags/Chappell%20Roan" rel="noopener noreferrer" target="_blank">Chappell Roan</a> ที่ร้องเปิดมาด้วยท่อน “I saw your green hair” เล่าเรื่องความรักที่จบลงกับผู้หญิงผมเขียวคนหนึ่ง จนแฟนๆ บางคนแซวว่านี่เป็นเพลงอกหักของแซฟฟิกที่จี๊ดสุดๆ! ซึ่งหนึ่งในผู้หญิงที่แชปเพลพบเจอระหว่างพยายามวิ่งตามหาสาวที่จากเธอไป ถึงจะโผล่มาแวบๆ แค่ซีนสั้นๆ แต่หลายคนก็จำได้ทันทีว่าผู้หญิงผมเขียวที่ปรากฏตัวบนขบวนรถไฟในเอ็มวีเป็นใคร เพราะคนที่มี ‘สีเขียว’ อยู่ทั้งตัวตั้งแต่เส้นผมจรดเท้า และเป็น Iconic grandmother แห่งเมืองบรูคลิน ในนครนิวยอร์ก จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘Elizabeth Sweetheart’ คุณยายวัย 83 ปี ผู้รักที่จะ ‘Be Green’ หรือเป็นส่วนหนึ่งของสีเขียวและมีไลฟ์สไตล์ที่แวดล้อมไปด้วยสีเขียว (รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ในบ้านภาพรวมก็เป็นสีเขียว) มากว่า 25 ปี ซึ่งได้รับฉายาเลื่องชื่อว่าเป็น ‘Green Lady of Brooklyn’ ที่เราอยากชวนคนที่ยังไม่รู้จักเธอมาทำความรู้จักเธอกันอีกสักรอบชีวิตที่มีสีเขียวเปล่งประกายตลอดเวลาของ Elizabeth Sweetheart หรือชื่อจริงๆ Elizabeth Eaton Rosenthal เป็นอะไรที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เธอแค่มีความสุขที่ได้อยู่กับสีเขียว และมองว่าสีเขียวเป็นสีที่ทำให้คนอื่น ‘มีความสุข’ ตามไปด้วย ซึ่งก็ดูจะเป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะคนในเมืองบรูคลินหากบังเอิญเจอเธอเมื่อไหร่ก็ต้องแวะเข้ามาพูดคุยและขอถ่ายรูปกันทั้งนั้น แล้วเธอก็ขอเซลฟี่กับคนเหล่านั้นกลับซะด้วยสิ! เพราะอยากจะเอารูปมาลงบนอินสตาแกรม เพื่อแบ่งปันเรื่องราวความสุขเล็กๆ ณ วันนั้นๆ ที่เธอได้พบ เก็บไว้เป็นโมเมนต์และประสบการณ์ดีๆ ที่ได้เจอคนแปลกหน้าที่น่ารักกับเธอ&nbsp;นับตั้งแต่ปี 2008 ที่เอลิซาเบธถูกพูดถึงผ่านสื่อครั้งแรกๆ ใน New York Magazine เธอก็ถูกพูดถึงอยู่เรื่อยมาทุกๆ ปี ปัจจุบันปี 2025 ก็ยังถูกพูดถึงอยู่ในฐานะเซเลบริตี้ตัวมัมแห่งเมืองบรูคลิน อย่างปี 2024 เธอก็ได้พูดคุยในรายการ This Morning ซึ่งก็เหมือนการอัปเดตความสุขในชีวิตให้หลายๆ คนฟังไปด้วยว่าทุกวันนี้ “ฉันก็ยังตื่นเช้าขึ้นมาแล้วรู้สึกมีความสุขมากๆ และสบายใจมากๆ ฉันชงกาแฟด้วยเครื่องทำกาแฟสีเขียว เครื่องบดกาแฟของฉันมีสีเขียว โลกนี้เป็นสีเขียว” ซึ่งความน่ารักคือสามีของเธอ Robert ก็สนุกและแฮปปี้ไปกับชีวิตสีเขียวของเธอด้วย แม้เขาจะไม่ได้มีไลฟ์สไตล์สีเขียวเหมือนเธอก็ตาม“ฉันคิดว่าเป็นเพราะฉันรักสีสัน และฉันก็ใส่สีสันมาเยอะมากตลอดชีวิตที่ผ่านมา ซึ่ง ‘สีเขียว’ ก็ดูจะเป็นสีที่ฉัน ‘มีความสุขที่สุด’ และทำให้คนอื่นมีความสุขไปด้วย คือมันง่ายๆ แบบนั้นเลยในการใช้ชีวิตอยู่กับมัน วิเศษใช่ไหมล่ะ” เธอเสริมว่า “นั่นแหละคือตัวตนของฉัน ฉันชอบพบปะผู้คน ชอบเวลาคนยิ้มแย้มและมีความสุข ทุกอย่างมันจึงเป็นอะไรที่เป็นธรรมชาติมากๆ และมันเข้ากับวิถีชีวิตของฉัน มัน positve มากๆ” เพราะเวลาพบเจอผู้คน นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เธอได้เห็นรอยยิ้ม ความสุข ผ่านการเซลฟี่และกอดกันกับคนแปลกหน้า ซึ่งถือเป็นโมเมนต์ฮีลใจไม่ใช่น้อยหากย้อนกลับไปที่ภูมิหลังของเอลิซาเบธ ก็นับว่ามีเรื่องน่าสนใจซึ่งสะท้อนถึงความเป็น ‘ศิลปิน’ ในตัวเธออยู่มาก เอลิซาเบธมีแม่ที่มาจากเวลส์ ซึ่งเรียนแพทย์อยู่ที่ลอนดอน ส่วนพ่อซึ่งเป็นศัลยแพทย์ชาวแคนาดาและยังชอบทำสวนไปด้วย ทั้งคู่ให้กำเนิดเอลิซาเบธที่โนวาสโกเชียในปี 1941 โดยตลอดการเติบโตเธอมีคุณยายเป็นผู้สอนให้เธอวาดภาพและตัดเย็บเสื้อผ้า ความชอบเรื่องงานสร้างสรรค์จึงฝังอยู่ในดีเอ็นเอของเธอตั้งแต่เด็ก เธอเลือกเรียนและสำเร็จการศึกษาด้าน fine arts ที่ Mount Allison University ที่ที่ทำให้เธอได้ร่ำเรียนกับศิลปินชื่อดังชาวแคนาดา Alex Colville ก่อนที่ในปี 1964 เธอจะพกสมุดสเก๊ตช์ของตัวเองเดินทางไปยังนิวยอร์กเพื่อเป็นศิลปิน และได้ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าในฐานะ textile designer ผู้ซึ่งมีความสามารถในการสร้างสรรค์งานศิลปะลงบนเสื้อผ้า เธอได้พบรักกับสามีที่เป็นผู้รับเหมาด้านทาสีและฉาบปูน ก่อนจะให้กำเนิดลูกชาย Sam ในปี 1967 ซึ่งแน่นอนว่าสาวที่มีแพสชันกับงานอย่างเธอ ก็ตัดสินใจกลับไปทำงานทันทีหลังมีลูก อีกทั้งความน่าสนใจคือเมื่อแซมสนใจเกี่ยวกับมายากล เธอก็สนับสนุนเต็มที่จนเขาได้กลายเป็นนักมายากลจริงจังเมื่อเติบโต&nbsp;และเมื่อถึงจุดหนึ่งที่ทำงานหนักเกินไป เธอลาออกจากงานแล้วตัดสินใจเปิดสตูดิโอของตัวเองขึ้น จนเกิดเป็น SweetPea Designs ซึ่งตั้งชื่อมาจากต้นสวีทพีในสวนของพ่อเธอ และทำอยู่ได้นานกว่า 15 ปี คู่รักคู่นี้ตัดสินใจเปิด ‘Sweetheart Fabrics’ และค้นพบว่าสามีก็ดูจะมีความสุขกับการซื้อผ้าวินเทจและผ้าโบราณเข้า SweetPea และได้ศึกษาประวัติศาสตร์สิ่งทอไปพร้อมๆ กับเธอ นี่จึงเป็นการทำงานที่เกื้อหนุนกันสุดๆ ของทั้งสองคน และดูเหมือนชื่อสตูดิโอของเธอก็กลายเป็นช่ือ Elizabeth Sweetheart Designs ไปด้วย สตูดิโอของเธอกลายเป็นหมุดหมายที่เหล่าดีไซเนอร์จะแวะเวียนเข้ามาเพราะเธอมีคอลเล็กชันผ้าวินเทจตั้งแต่ยุค 1800s ถึง 1960s มากมายหลายลวดลายให้เขาเลือกใช้หรือได้ไอเดียกลับไป เธอเคยร่วมงานกับหลายแบรนด์ดังเช่น Ralph Lauren, Michael Kors, Liz Claiborne, Calvin Klein, American Eagle Outfitters, Bath and Body Works ทั้งยังเคยทำงานให้ Sarah Ferguson หรือ Duchess of York และเมื่อคนเริ่มเรียกชื่อเธอติดปากกันว่า Sweetheart เธอก็เลยแทนตัวเองด้วยชื่อ Elizabeth Sweetheart ไปเลยจนถึงวันนี้ที่อยู่ในวัยเกษียณแล้วสาวติสต์ที่คลุกคลีกับสีสันในงานดีไซน์มาจบที่สีเขียวได้อย่างไร? ในช่วงปี 2000 เธอเดินทางไปเยี่ยมครอบครัว และได้รับแรงบันดาลใจในเฉดสีเขียวสว่างมาจากสวนของพ่อ หลังจากนั้นก็เริ่มไปซื้อยาทาเล็บ แต่พบว่ามีแต่สีเขียวในเฉดที่ยังไม่ใช่ เธอจึงหยิบสี forest green มาผสมกับสีเหลือง เพื่อให้ได้เฉดสีเขียวใหม่แบบที่ต้องการ หลังจากนั้นเธอก็ย้อมผ้าและเครื่องประดับเป็นสีเขียว เริ่มย้อมสีผม และค่อยๆ กลายเป็นสีเขียวทั้งตัว“ฉันเคยคิดนะว่าสีเขียวมันควรจะใส่แค่ในสวนเท่านั้น (หัวเราะ) อย่างในสตูดิโอของฉัน ฉันก็ลองทุกๆ อย่าง ฉันใส่สีในลายพรินต์ทั้งหมด ทำหมวกด้วยสี เพนต์รองเท้าด้วยสี สีมันมีความสำคัญเสมอ โดยเฉพาะงานดีไซน์” เอลิซาเบธกล่าวกับ Trend &amp; Chaos และเสริมว่า “มันเป็นสีที่ซอฟต์ และมันไม่ได้ให้แง่ลบอะไร คือมันเข้ากับฉันค่ะ มันสบายตา ตาของฉันจะเซนซิทีฟกับสีและแสง ฉันเลยชอบอะไรที่มันมองว่าสดใสและมีความสุขค่ะ”ย้อนกลับไปในสัมภาษณ์กับ DailyMail เมื่อปี 2018 เอลิซาเบธก็ย้ำถึงความสุขนี้ว่า “สีเขียวคือพลังบวกอย่างแท้จริง มันให้ความรู้สึกที่มีความสุขมากๆ มันมอบความรู้สึกสดชื่นเสมอ แม้ในวันที่ฝนตก” และความน่ารักของเหล่าผู้คนที่ผ่านมาพบเธอและสามี พวกเขาก็มักจะได้รับของฝากจากเป็น ‘สีเขียว’ อยู่บ่อยๆ เพราะเห็นสีเขียวก็ต้องนึกถึงคนบ้านนี้!“ดวงตาของฉันมันชอบสีสดใส ยิ่งอายุมากขึ้น ฉันก็ยิ่งชอบสีสดใสมากขึ้นไปอีก” เธอกล่าวในวันนี้ เอลิซาเบธใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำสวนที่เธอรัก และดูแลน้องหมา GeeGee และค่อยๆ ทำบ้านให้ ‘เขียว’ และสดใสขึ้นไปเรื่อยๆ นั่นคือแพสชันและความสุขของเธอที่มีมาตลอด ไปพร้อมๆ กับการพบเจอคนแปลกหน้า ที่รอยยิ้มและความน่ารักของพวกเขาที่มีต่อเธอ ได้ตอกย้ำสิ่งที่เชื่อมาตลอดว่าสีเขียวเป็นสีแห่งความสุข ว่านั่นคือเรื่องจริงอ้างอิง:<a href="https://youtu.be/ZUd0Ywyc_8o?si=j3T7IQO8beuxDvAc" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://youtu.be/ZUd0Ywyc_8o?si=j3T7IQO8beuxDvAc</a><a href="https://tatter.org/the-green-lady-in-the-blue-library/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://tatter.org/the-green-lady-in-the-blue-library/</a><a href="https://trendandchaos.com/green-lady-of-new-york-city/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://trendandchaos.com/green-lady-of-new-york-city/</a><a href="https://www.dailymail.co.uk/news/article-5849935/Green-Lady-Brooklyn-Elizabeth-Sweetheart-wears-green-dyes-hair-match.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.dailymail.co.uk/news/article-5849935/Green-Lady-Brooklyn-Elizabeth-Sweetheart-wears-green-dyes-hair-match.html</a>

สำหรับบางคน ‘หน้าม้าเต่อ’ หรือ Micro Bang คือทรงผมที่มาพร้อมเซนส์แฟชั่น และความแหวกแนวบางอย่างที่น่าสนุก แต่ปัจจุบันในบางพื้นที่ ทรงผมนี้เริ่มมีความหมายที่ต่างออกไป

ความหมายที่เปลี่ยนไปของหน้าม้าเต่อ?เมื่อบางคนมองว่าเป็น ‘ทรงผมไล่ผู้ชาย’ และเป็น Microfeminism แต่บางคนมองว่านี่แหละคือการติดกับดัก Male Gaze

บูติคแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ล่าสุดของ Cartier จะธรรมดาได้อย่างไร เพราะทางแบรนด์มาภายใต้คอนเซปต์ ‘Heavenly Cartier’ ด้วยสเปซสองชั้นในศูนย์การค้าสยามพารากอน กับพื้นที่กว่า 758 ตารางเมตร 

พาส่องทุกรายละเอียดความเป็นไทยกับธีม ‘Heavenly Cartier’ในบูทีคแฟล็กชิป 2 ชั้นใหม่ของ Cartier ที่สยามพารากอนถ่ายทอดความงามจากธรรมชาติ และการเชิดชูภูมิปัญญาช่างฝีมือไทยผ่านมุมมองร่วมสมัย

ชวนให้คุณมาวิเคราะห์ผิวอย่างละเอียดด้วยเครื่องสุดล้ำอย่าง ‘IPSALYZER’ เพื่อค้นหาเซ็ต ‘IPSA Ultimate’ ไลน์ตัวท็อปของแบรนด์ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและดูเปล่งประกายจากภายในอย่างตรงจุด ตอบโจทย์ความต้องการผิวที่คุณอาจจะเข้าใจผิดมาตลอดเลยก็ได้

ตามหาสกินแคร์และรองพื้นที่ ‘ใช่’ ซึ่งเหมาะกับผิวเราจริงๆ กับ IPSA Ultimate Family สกินแคร์และรองพื้น พร้อม ‘IPSALYZER’ เครื่องวิเคราะห์ผิว 
ที่ช่วยแมตช์สูตรเฉพาะผิว ‘คุณ’ เท่านั้น

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Fashion

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS