Maschinenmensch หรือ machine human เกิดจากความตั้งใจของดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง Thierry Mugler ที่อยากทำการคารวะคาแรกเตอร์โรบ็อตสาวจากนิยายดิสโทเปียนอย่าง Metropolis (1925) ของ Thea Von Harbou ซึ่งถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์โดย Fritz Lang ในปี 1927 โดยตอนแรกนั้น มูแกลร์แค่อยากทำบราจากโลหะหลังจากได้ดูหนัง Metropolis แต่ไปๆ มาๆ คล้ายจะยิ่งทำยิ่งสนุก มันได้กลายเป็นชุดบอดี้สูทเต็มตัวที่ใช้เวลาทำมือถึง 6 เดือนเต็ม

Maschinenmensch ชุดเฟมบ็อตโอต์กูตูร์จาก Mugler ที่เล่นกับความเป็น sex object แต่กลับทำให้ผู้หญิงรู้สึกถึงอำนาจและการเป็นเจ้าของร่างกายตัวเอง

ถ้าพูดถึงโรบ็อตสาวสุดเซ็กซี่ในโลกศิลปะ ก็ต้องนึกถึงงานของ Hajime Sorayama แต่ถ้าเป็นโรบ็อตสาวเอ็กซ์แตกแห่งโลกแฟชั่นเราจะนึกถึงงานของใครไปไม่ได้นอกจาก Thierry Mugler และนี่คืออีกหนึ่งตำนานที่ต้องพูดถึงในโอกาสครบรอบ 50 ปี Mugler แบรนด์แฟชั่นสัญชาติฝรั่งเศสสุดล้ำที่สร้างเรื่องเล่าผ่านเรือนร่างผู้หญิงในงานแฟชั่นได้ทรงพลังเสมอ และสำหรับชุดโรบ็อตสีเงินสุดโป๊แต่ไม่โป๊นี้ หลายคนน่าจะเคยผ่านตาจากลุคเดินพรมทรายของ Zendaya ในงานเวิลด์พรีเมียร์ของภาพยนตร์ Dune: Part Two เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งหากย้อนไปไกลกว่านั้น ชุดโรบ็อตนี้เดบิวต์บนรันเวย์ตั้งแต่ปี 1995 โดยมีชื่อเรียกว่า ‘Maschinenmensch’ ซึ่งเป็นงานโอต์กูตูร์ครั้งแรกๆ ของมูแกลร์ในคอลเลคชั่น Fall/Winter 1995 ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่ง aesthetic แบบเฟมบ็อต (feminine + robot) ที่โดดเด่นที่สุดในโลกแฟชั่นอย่างไม่มีใครโค่นได้ <img src="https://media.thairath.co.th/image/dXs1a2hmi8SRmlAufPimxbkCKOyrfmk5vEp1V25ZhD0AAU81P0e9vA1.jpg" data-id="101894" data-url="https://media.thairath.co.th/image/dXs1a2hmi8SRmlAufPimxbkCKOyrfmk5vEp1V25ZhD0AAU81P0e9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">Maschinenmensch หรือ machine human เกิดจากความตั้งใจของดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง Thierry Mugler ที่อยากทำการคารวะคาแรกเตอร์โรบ็อตสาวจากนิยายดิสโทเปียนอย่าง Metropolis (1925) ของ Thea Von Harbou ซึ่งถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์โดย Fritz Lang ในปี 1927 โดยตอนแรกนั้น มูแกลร์แค่อยากทำบราจากโลหะหลังจากได้ดูหนัง Metropolis แต่ไปๆ มาๆ คล้ายจะยิ่งทำยิ่งสนุก มันได้กลายเป็นชุดบอดี้สูทเต็มตัวที่ใช้เวลาทำมือถึง 6 เดือนเต็ม บนรันเวย์ Fall/Winter 1995 นางแบบเดินออกมากับโค้ทซาตินสีม่วงยาวกรอมพื้น และแล้วเพลงเฮาส์เมามันก็เปลี่ยนเป็นเพลงคลาสสิก เธอค่อยๆ ถอดเสื้อโค้ทออกเห็นเป็นซีทรูสีดำด้านในกับบอดี้สูทสีเงิน และเมื่อถอดชุดซีทรูออกอีกทีเราก็จะได้เห็นชุด Maschinenmensch กันได้เต็มตา มันทั้งขับเน้นรูปร่างโมเดลให้ดูไม่เป็นมนุษย์แต่ก็เผยเนื้อหนังส่วนที่บอบบางและดูเป็นมนุษย์ผ่านพลาสติกใส ทั้งเต้านม หน้าท้อง ท้องแขน ต้นขา และก้น ลุคที่ออกมาจึงตราตรึงใจคนดูสุดๆ และหลายคนก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เห็นลุคที่ฟิวเจอริสติกขนาดนี้โผล่ออกมากลางโชว์<img src="https://media.thairath.co.th/image/dXs1a2hmi8SRmlAufPimxbkCKPuLBB9Ypitdhedp1V2n9lGvEYe9vA1.jpg" data-id="101894" data-url="https://media.thairath.co.th/image/dXs1a2hmi8SRmlAufPimxbkCKPuLBB9Ypitdhedp1V2n9lGvEYe9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">ในแง่หนึ่ง เสื้อผ้าของมูแกลร์คือการเล่นกับภาพความเป็นวัตถุทางเพศ ที่ผูกติดอยู่กับผู้หญิงเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในยุคนั้น เขาใช้คอร์เซ็ตรัดเอวให้คอด ใช้ซิลูเอตขับเน้นให้อกอิ่ม ไหล่ผึ่งสะโพกผาย แต่ไม่รู้ทำไม ขณะที่ถูกปรับร่างกายให้เป็นไปตามค่านิยมที่มองผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศ แต่ผู้หญิงหลายคนก็กลับรู้สึกได้ถึงอำนาจกับการเป็นเจ้าของเรือนร่างและความปรารถนาของตัวเองขณะที่สวมใส่เสื้อผ้าของมูแกลร์ เรียกได้ว่า มูแกลร์พยายามสร้างเรื่องเล่าใหม่ๆ ผ่านเสื้อผ้าและร่างกายผู้หญิงมาตั้งแต่แรก นับตั้งแต่ที่เธียร์รี มูแกลร์ออกคอลเลคชั่นแรกของตัวเองอย่าง Café de Paris เมื่อปี 1973 เขาก็ได้ดึงเอาพลังทางเพศและความน่าตื่นตามาบอกเล่าบนรันเวย์เสมอ และเมื่อถึงวาระครบรอบ 20 ปี เขาจึงใช้รันเวย์คอลเลคชั่น Fall/Winter 1995 นี้เป็นพื้นที่ปล่อยของอย่างเต็มภาคภูมิซึ่งไม่เพียงแค่ชุด Maschinenmensch ที่เรียกเสียงฮือฮาจากทั้งโลก แต่คอลเลคชั่น Fall/Winter 1995 ยังสร้างความแตกแตนด้วยการชวนให้ศิลปินแดร็ก นักแสดงหนังโป๊ และผู้หญิงหลากหลายอาชีพมาร่วมเดินแบบเพื่อเฉลิมฉลองให้กับอาชีพและตัวตนของพวกเธออย่างมีศักดิ์ศรีเคียงข้างกับซูเปอร์โมเดลอย่าง Naomi Campbell และ Carmen Dell’Orifice นับจากปีนั้น ความเป็น Maschinenmensch ได้กลายเป็นอีกหนึ่ง legacy ของมูแกลร์ที่ส่งต่อแรงบันดาลใจให้ดีไซเนอร์อีกหลายคน และเป็นที่ชื่นชอบของคนดังจำนวนมาก โดยก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงในปี 2022 มูแกลร์ก็ได้ทำชุดที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Maschinenmensch ให้กับศิลปินตัวแม่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Madonna, Kylie Minogue, Lady Gaga, Janelle Monáe, Whitney Houston&nbsp;<img src="https://media.thairath.co.th/image/Sr0mWBreSds1a2hE6TQP5sR61ndOp1V2q5yfmLv8yYIbjNWV4Qe9vA1.jpg" data-id="101894" data-url="https://media.thairath.co.th/image/Sr0mWBreSds1a2hE6TQP5sR61ndOp1V2q5yfmLv8yYIbjNWV4Qe9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">รวมถึงแม่ Beyoncé ที่เลือกใส่ชุดนี้ของมูแกลร์ในทัวร์คอนเสิร์ต Renaissance เมื่อปี 2023 จนอาจารย์ Hajime Sorayama ต้องออกมาโพสต์แซวว่า “คุณขอผมก็ได้นะ เหมือนที่ The Weekend เคยขอไงล่ะ” ซึ่งชาวเน็ตฝั่งหนึ่งก็แย้งว่าแม่บีไม่ได้ใช้ aesthetic ของ Sorayama สักหน่อย แต่ใช้ของ Mugler ต่างหาก ส่วนอีกฝั่งหนึ่งก็มีคนบอกว่ารูปกราฟิกในคอนเสิร์ตมันเหมือนงานของฮาจิเมะชัดๆ ไม่ต้องเถียง แถมดีไม่ดี Mugler เองก็ได้รับแรงบันดาลใจจาก Hajime Sorayama ด้วยเช่นกัน (เอ้า) ไม่ว่าใครจะมองดราม่าเล็กๆ ที่เล่าไปอย่างไรก็ตาม แต่ความสนุกของชุดเฟมบ็อตไม่ใช่แค่ข้อถกเถียงว่าใครรับแรงบันดาลใจจากใคร แต่ที่น่าสนใจคือมุมมองที่ผู้คนมีต่อร่างกายผู้หญิงที่สร้างเรื่องเล่าของตัวเองผ่านชุดที่ว่านี้ต่างหาก ซึ่งเราก็ต้องขอโน้ตเอาไว้นิดนึงว่ามูแกลร์เปิดเผยตัวเองชัดเจนว่าเขาเป็นเกย์ ดังนั้น ไม่กี่มากน้อย มุมมองของเขาต่อเฟมบ็อตก็น่าจะต่างจากฮาจิเมะที่เป็นผู้ชายแน่ๆ แล้วคุณเองล่ะ มองเห็นชุดนี้แล้วคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง?&nbsp; ชมรันเวย์ Mugler Haute Couture Fall/Winter 1995 ได้ที่ <a href="https://www.youtube.com/watch?v=pYS9OR7GDo8" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.youtube.com/watch?v=pYS9OR7GDo8&nbsp;</a>อ้างอิง<a href="https://29secrets.com/style/everything-you-need-to-know-about-the-vintage-mugler-that-zendaya-wore-to-the-dune-part-two-world-premiere/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://29secrets.com/style/everything-you-need-to-know-about-the-vintage-mugler-that-zendaya-wore-to-the-dune-part-two-world-premiere/&nbsp;</a><a href="https://hero-magazine.com/article/170916/mugler-fw95-latex-sexed-up-cyborgs-and-james-brown" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://hero-magazine.com/article/170916/mugler-fw95-latex-sexed-up-cyborgs-and-james-brown</a>

เนคไทผมเปียสุดซ่านี้เป็นชิ้นงานจาก Schiaparelli แบรนด์แฟชั่นที่มักจะนำหนึ่งก้าวเรื่องความแปลกแหวกแนวแบบ Surrealism ให้คนยืนงง ซึ่งสร้างเรื่องอีกครั้งบนรันเวย์ Ready-to-Wear FALL-WINTER 2024/25

ใส่เนคไทเส้นนี้ ใครไม่อึ้ง ให้มันรู้ไป!เนคไทผมเปีย จาก ‘Schiaparelli’ แบรนด์สไตล์ Surrealism อายุเกือบ 100 ปี ที่เติมความม่วนจอยให้ชีวิตคนจนถึงปัจจุบัน

‘JudyDoll’ คือหนึ่งในแบรนด์จีนสุดฮอตที่เหล่าพี่สาวชาวจีนใช้กันสนั่นบนแอปฯ Douyin จนเกิดเป็นเทรนด์ ‘Douyin Makeup’ ขึ้นมา และ Watery Glow Lipstick ก็เป็นหนึ่งในรุ่นลิปสติกที่โดดเด่น

JudyDoll Watery Glow Lipstick ลิปเนื้อดี Cruelty-free สุดฮอตของพสจีน ที่ให้ลุคปากอิ่มน่าจุ๊บ สไตล์สาว Douyin

ใครจะไปคิดฝันว่าวันหนึ่งเราจะได้เห็นคนจริงๆ มาสวมเสื้อผ้าเดินโชว์ในร้านเสื้อผ้าแทนหุ่น แม้ที่ผ่านมามีหลายงานที่มนุษย์กำลังถูกแทนที่ด้วยเอไอหรือหุ่นยนต์ แต่คราวนี้ หุ่นนั่นแหละที่กำลังจะถูกแทนที่ด้วยมนุษย์

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Fashion

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS