‘Fancì Club’ คือแบรนด์ที่สร้างปรากฏการณ์ไวรัล เซเลบริตี้คนดังระดับโลกหยิบมาใส่กันมากมาย ที่เจ้าของแบรน์อย่าง Duy Tran “ต้องการทำให้การโชว์ส่วนต้องห้ามของร่างกายเป็นเรื่องปกติสักที”

‘Fancì Club’ แบรนด์เวียดนามสุดฮอต กับความตั้งใจเชิดชูอิสระในตัวผู้หญิง ผ่านเสื้อผ้ายั่วเพศ โป๊ โรแมนติก และสตรอง

เสื้อผ้ารัดรูป กระโปรงสั้นได้ใจ ความซิลลูเอต หรือจะเป็นดีเทลงานโบว์ งานดอกไม้ใหญ่ๆ งานผ้าระบายๆ ยาวๆ ที่ตกแต่งติดกับชุด ให้ทั้ง aesthetics และความ feminine ดูโตเป็นสาว ตะโกนออกมาดังๆ นั่นคือเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของแบรนด์เสื้อผ้าเวียดนาม ที่ตอนนี้ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง และ ‘Fancì Club’ คือแบรนด์ที่สร้างปรากฏการณ์ไวรัล เซเลบริตี้คนดังระดับโลกหยิบมาใส่กันมากมาย และอาจพูดได้ว่าเป็นแบรนด์ดังที่ปลุกกระแสภาพจำ ‘สาวเวียดนามสไตล์’ ที่ตอนนี้คนเห็นสไตล์ที่กล่าวข้างต้นจากร้าน local ใด หรือแบรนด์อื่นใดก็แล้วแต่ปุ๊บ ก็คิดไว้ก่อนทันทีว่านี่คงเป็นสไตล์สาวเวียดนามยุคนี้ ชุดของ Fancì Club ปรากฏบนเรือนร่างของหญิงสาวตั้งแต่ <a href="https://www.mirrorthailand.com/tags/Bella%20Hadid" rel="noopener noreferrer" target="_blank">Bella Hadid</a>, Olivia Rodrigo, Doja Cat, Addison Rae, Dua Lipa, <a href="https://www.mirrorthailand.com/tags/BLACKPINK" rel="noopener noreferrer" target="_blank">BLACKPINK</a> หรือสาวไทยอย่าง <a href="https://www.mirrorthailand.com/tags/%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88-%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2" rel="noopener noreferrer" target="_blank">ใหม่-ดาวิกา</a> ฯลฯ ซึ่งความรัดรูป ความโชว์สัดส่วนชัดเจน บางตัวก็สั้นจนคนต้องบอกกันว่า มันสั้นมาก! หรือบางตัวที่เป็นกระโปรงยาวก็ต้องมีจุดที่มองแล้วอู้ว แซ่บ! ถือเป็นคอนเซปต์หลักของ Duy Tran ดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ ที่เขาอยากจะทำให้เสื้อผ้าที่คนมองว่าอุ๊ย โป๊จัง กลายเป็นเสื้อผ้ากระแสหลัก และวันนี้เขาก็ทำได้ แถมยังดังมากด้วย “ฉันพยายามสร้างการปฏิวัติร่วมกับ Fancì Club ฉันต้องการทำให้การโชว์ส่วนต้องห้ามของร่างกายเป็นเรื่องปกติสักที และนั่นไม่ได้หมายถึงแค่บั้นท้ายอย่างเดียว ฉันหวังว่าการออกแบบของฉันจะกระตุ้นให้ผู้คนหันมารักตัวเอง” Duy Tran กล่าว<img src="https://media.thairath.co.th/image/4lmWfQUyCVu9SHa7fSqs2izKz1XunyTp1V2p1V28QIREzOBGMe9vA1.png" data-id="101169" data-url="https://media.thairath.co.th/image/4lmWfQUyCVu9SHa7fSqs2izKz1XunyTp1V2p1V28QIREzOBGMe9vA1.png" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib"><img src="https://media.thairath.co.th/image/4lmWfQUyCVu9SHa7fSqs2pWMUJQcWsuOJLg2tRAR1pIe9vA1.jpeg" data-id="101169" data-url="https://media.thairath.co.th/image/4lmWfQUyCVu9SHa7fSqs2pWMUJQcWsuOJLg2tRAR1pIe9vA1.jpeg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">หากจะ wrap up ให้ฟังคร่าวๆ ถึงการสร้าง Fancì Club ขึ้นมา ก็คงเริ่มจากการที่ Duy Tran ตั้งใจทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซในปี 2018 ในฐานะร้านขายเสื้อผ้ามือสองออนไลน์ และด้วยความที่เขาคลุกคลีกับลูกค้าเสื้อผ้าวินเทจ หรือลูกค้าเสื้อผ้ามือสอง “เป็นกระบวนการเรียนรู้ว่าอะไรจะคงอยู่ได้อย่าง timeless สำหรับผู้คนและโลกของเรา กล่าวอีกนัย เสื้อผ้ามือสองที่คนเคยรักทำให้ฉันได้สังเกตเทรนด์ก่อนหน้านี้ และย้ำเตือนให้ฉันมีความตระหนักต่อสิ่งที่ฉันสร้าง แทนที่จะไล่ตามสิ่งที่มันไม่ยั่งยืนและเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมที่เราอาศัยอยู่” Duy Tran เริ่มนำเสื้อผ้ามือสองบางส่วนมาประยุกต์ให้เก๋ขึ้นตามสไตล์ของตัวเอง และในปี 2021 Fancì Club ก็ได้ออกเสื้อผ้าคอลเลกชันแรกที่เป็นออริจินัลของแบรนด์ขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่ว่าแนวคิดเรื่องความยั่งยืนจะหายไปดื้อๆ มันไม่เคยหายไป เพราะคอลเลกชันมากมายของ Fancì Club ยังคงเน้นย้ำการใช้ผ้า deadstock อย่างเต็มที่จนถึงปัจจุบัน และอย่างที่บอกว่าเบื้องหลังทุกดีไซน์ของ Fancì Club จะเน้นเรื่องความเป็นหญิงอย่างเด่นชัด และ Duy Tran นิยามลูกค้าของเขาว่า “สาว Fancì คือคนที่กล้าแต่งตัวตามใจชอบ” ซึ่งแม้คนนอกจะเห็นว่า สาว Fancì ดูแต่งตัวรัดรูปจัง แต่สิ่งที่ดีไซเนอร์คนเก่งคนนี้ตั้งใจคือ ใช่ รัดรูป แต่วัสดุของเสื้อผ้านั้นยืดหยุ่น และยังคงสวมใส่สบาย ซึ่งเขายอมรับว่าความที่มันดูโป๊จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ “งานออกแบบส่วนใหญ่ของ Fancì ถูกตีตราว่าเป็นเสื้อผ้าที่ ‘ยั่วยุทางเพศ’ (sexually provocative)” “ความเป็นผู้หญิงในยุค post-modern มักเกี่ยวข้องกับการติดแหง็กอยู่กับอำนาจและภาพลักษณ์ของหญิงสาว damsel in distress (หญิงสาวที่ต้องได้รับการช่วยเหลือ) ฉันรู้สึกถึงความรับผิดชอบต่อการกระจายความเป็นผู้หญิงที่หลากหลายและทำให้มันไปไกลกว่าคอนเซปต์สเตริไทป์ผู้หญิงแบบดั้งเดิมใน pop culture” ในคอลเลกชัน SS23 เขาได้หยิบจับผ้าเดนิมหยาบๆ และสัมผัสที่เย้ายวนของผ้าไหมมารวมกัน ที่เขาบอกว่าแม้เขาจะไม่ได้เป็นผู้หญิง แต่เขาก็รายล้อมไปด้วยผู้หญิงที่เข้มแข็งและมีความมั่นใจ ที่ทำให้เขาอยากจะนำเสนอภาพความเป็นหญิงให้ดีขึ้นกว่าเดิมในอุตสาหกรรมแฟชั่น ซึ่งแน่นอนว่าภาพลักษณ์ความเป็นหญิงของ Fancì Club มีหลากหลาย ถ้ามีผู้หญิงที่แฝงความสตรองแล้ว ก่อนหน้านี้เขาก็เคยทำคอลเลกชันถึงผู้หญิงที่มองชีวิตด้วยแว่นตาสีกุหลาบและฝันเฟื่องถึงความรัก หรือจะเป็นเสื้อผ้าที่สร้างสรรค์จากช่วงแรกในการออกเดตของหญิงสาว อย่างไรก็ตาม Duy Tran ก็ยังมองตามความเป็นจริงอีกว่า ถ้าผู้หญิงมีความโรแมนติกแล้ว พวกเธอ “ก็มีช่วงเวลาในชีวิตที่ต้องเผชิญกับความมืดมิดของความอิจฉาริษยา หรือการทรยศ และบานสะพรั่งด้วยแสงวิบวับได้” ซึ่งคอนเซปต์ในหัวเขาทั้งหมดล้วนส่งผ่านออกมาเป็นเสื้อผ้าของเขาที่มีทั้งจัดจ้าน ซ่า เปรี้ยว หวาน และน่ารัก ซึ่งล้วนเป็นแนวคิดที่ไม่กีดกันผู้หญิงในหลายๆ รูปแบบ<img src="https://media.thairath.co.th/image/4lmWfQUyCVu9SHa7fSqs2g08WzwZbY5pYr3MjnGjYIge9vA1.jpg" data-id="101169" data-url="https://media.thairath.co.th/image/4lmWfQUyCVu9SHa7fSqs2g08WzwZbY5pYr3MjnGjYIge9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib"><img src="https://media.thairath.co.th/image/4lmWfQUyCVu9SHa7fSqs2lIA78KUhnFVLk6PwHUWmPUe9vA1.jpeg" data-id="101169" data-url="https://media.thairath.co.th/image/4lmWfQUyCVu9SHa7fSqs2lIA78KUhnFVLk6PwHUWmPUe9vA1.jpeg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะคิดว่าแบรนด์นี้ดูเป็นแนวคิดเพื่อผู้หญิงยุคใหม่ แต่ Duy Tran บอกว่าเขาไม่เคยระบุว่าแบรนด์ของเขาเป็น ‘the new femininity’ เลย เพราะ “เราไม่ใช่ผู้บุกเบิกสิ่งใด เราแค่นำเสนอสิ่งที่เราเห็นในมนุษย์รอบๆ ตัวเราเท่านั้น คุณลักษณะความเป็นหญิงที่เราเห็นในงานศิลปะ วรรณกรรม หรือกิจกรรมธรรมดาที่เราเห็นได้ทุกวัน ถ้าให้อธิบายงานของฉัน ก็คงเป็นการนิยามความเป็นหญิงใหม่โดยแปลความหมายจากความเป็นหญิงที่มีอยู่แล้วผ่านภาษาของเราในรูปแบบแฟชั่น เพื่อให้กระจ่างขึ้นในสิ่งที่ไม่เคยได้ยิน และความงามที่ไม่เคยมองเห็น” “เราทำงานร่วมกับความเป็นผู้หญิง ที่ช่วยให้คนเข้าใจเรื่องนี้ได้ดีขึ้นกว่าในอดีต” ซึ่งเรื่องนี้ที่ Duy Tran ก็คงหมายถึงความหลากหลายของผู้หญิง และความมั่นใจในการแสดงออกของผู้หญิงที่พวกเธอเลือกได้เอง “ฉันเชื่อว่าคนจำนวนมากสามารถรีเลทและเชื่อมโยงกับงานออกแบบของเราได้ เพราะพวกเขามีความมั่นใจ มีความรัก และมีความเมตตา คุณสมบัติที่มีอยู่เหล่านี้มันควบคู่ไปกับแนวทางของเรา นั่นคือสิ่งที่เราคิดว่าเป็น ‘new femininity’ แห่งยุค contemporary age” ด้วยคอนเซปต์ที่ empower ผู้หญิง และแบบเสื้อผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของ Fancì Club ทำให้แบรนด์เวียดนามเล็กๆ นี้ กลายเป็นแบรนด์ดังที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ใครมีแพลนจะไปเวียดนาม แบรนด์นี้ไม่ควรพลาด หรือจะหาร้านพรีออเดอร์ หรือใครสะดวกกดในเว็บไซต์ <a href="https://fanciclub.com/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://fanciclub.com/</a> ของเขา ก็ตามสะดวกเลย! ป.ล. ท่ามกลางแบรนด์เวียดนามที่หลายคนมองว่ามีแต่เสื้อตัวจิ๋วๆ ไม่ inclusive ต่อสาวไซส์อื่นๆ จะบอกว่า Fancì Club เขามีไซส์ให้เลือกตั้งแต่ XS-XXL เลยแหละ อ้างอิง: <a href="https://metalmagazine.eu/en/post/interview/fanci-club" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://metalmagazine.eu/en/post/interview/fanci-club</a> <a href="https://www.nytimes.com/2023/04/05/style/fanci-club-duy-tran.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.nytimes.com/2023/04/05/style/fanci-club-duy-tran.html</a> <a href="https://www.vogue.co.uk/fashion/article/fanci-club-sexy-2022-collection" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.vogue.co.uk/fashion/article/fanci-club-sexy-2022-collection</a>&nbsp;

นี่คือการกลับมาสยายปีกบนรันเวย์ให้หายคิดถึงในรอบ 6 ปี ของเหล่านางฟ้า Victoria's Secret กับ Victoria's Secret Fashion Show 2024 หลังจากที่แบรนด์ชุดชั้นในชื่อดังนี้ เคยกระแสตกฮวบพร้อมกับที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องจุดยืนซึ่งสวนทางกับโลกสมัยใหม่ที่โอบรับความหลากหลายของมนุษย์ 

ยุคใหม่ของ Victoria's Secret Fashion Show 2024 ที่กลับมาเพื่อบอกว่า ‘ผู้หญิง’ ทุกคน สามารถเป็นนางฟ้าได้ โดยไม่จำกัดรูปร่าง เพศกำเนิด อายุ และเชื้อชาติ

นิตยสาร Vogue เพิ่งประกาศธีมของงาน Met Gala 2025 ในวันพุธที่ผ่านมา และธีมของนิทรรศการในปีหน้านี้ก็คือ “Superfine: Tailoring Black Style” ที่ตั้งใจจะเชิดชูแฟชั่น Black Dandyism หรือการแต่งกายโก้หรูของเหล่าผู้ชายคนดำ ที่มาพร้อมกับนัยยะทางการเมืองเรื่องการแสดงตัวตนที่หลุดพ้นออกจากความเป็นทาส อันเป็นประวัติศาสตร์แสนเจ็บปวดของพวกเขา 

ธีมใหม่ Met Gala 2025 ที่จะส่องไฟ
ให้กับ ‘Black Dandyism’ การแต่งกายโก้หรูของสุภาพบุรุษคนดำ ที่ใช้แฟชั่นเพื่อหลุดออกจาก ‘ความเป็นทาส’

Skims แบรนด์เชปแวร์และชุดชั้นในจากคนดังอย่าง Kim Kadashian มีโปรดักต์ที่น่าจดจำที่สุดคือ ‘บราหัวนม’ ซึ่งทางแบรนด์ตั้งใจจะลบความน่าอับอายออกไปจากหัวนมผู้หญิง แต่ด้วยการให้ความรู้สึกถึงการมีหัวนมนี่เอง ทำให้มันบังเอิญไปตอบโจทย์ผู้หญิงที่ผ่าตัดจากการเป็นมะเร็งเต้านมด้วย และในปีนี้ ทางแบรนด์ก็ได้เน้นย้ำจุดยืนนี้ด้วยการดึงเอา Olivia Munn มาร่วมแคมเปญด้วยกัน

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Fashion

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS