ทางเลือกใหม่ของผลิตภัณฑ์ความงามที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด

Solid Cosmetic จะดีแค่ไหน ถ้าสกินแคร์และเครื่องสำอาง ไม่ต้องง้อ แพ็กเกจจิ้ง ใช้แล้วก็หมดไปไม่สร้างขยะ

เคยสงสัยไหมว่าผลิตภัณฑ์ที่เราใช้กันเป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นสบู่ แชมพู สกินแคร์ หรือบรรดาเครื่องสำอางต่างๆ นั้นสร้าง ‘ขยะ’ จากบรรจุภัณฑ์มากมายเท่าไรเมื่อใช้หมดแล้ว คำตอบคือเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ความงามกว่า 120 พันล้านชิ้นที่ผลิตขึ้นมาในแต่ละปี แทบทั้งหมดเป็นผลิตภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียว และไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้เลย นอกจากทางออกอย่างการคิดค้นบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกขึ้นมาทดแทนการใช้พลาสติก อย่างหลอดอะลูมิเนียมหรือขวดแก้วที่ยังมีข้อจำกัดอยู่ทั้งในแง่สิ่งแวดล้อม ทั้งในแง่ของการใช้งาน แล้วถ้าลองจินตนาการว่าผลิตภัณฑ์ที่เราใช้แต่ละอย่างไม่สร้างขยะเลยล่ะ จะเป็นอย่างไรกันนะ ‘Solid Cosmetic’ จึงกลายมาเป็นทางเลือกใหม่ของผลิตภัณฑ์ความงามที่ลดการใช้ ‘ต้นทุน’ ที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในเวลานี้ จริงๆ แล้ว ‘Solid Cosmetic’ ไม่ใช่ของใหม่อะไรเลย เพราะ ‘สบู่ก้อน’ นี่แหละก็นับเป็น Solid Cosmetic ที่คนรุ่นปู่รุ่นย่าเราใช้กันมานานแล้วก่อนที่จะมีสิ่งที่เรียกว่าสบู่เหลวซะอีก จนกระทั่งสบู่ก้อนถูกเเย่งพื้นที่ไปโดยบรรดาสบู่เหลวและครีมอาบน้ำที่แข่งกันบรรจุขวดสวยงาม พร้อมโฆษณาให้เราเชื่อไปตามๆ กันว่าสบู่เหลวสะดวกในการใช้มากกว่า หรือไม่ก็ให้ความชุ่มชื่นกับผิวได้มากกว่าสบู่ก้อน ซึ่งพอมาถึงทุกวันนี้เราต่างรู้ว่านั่นไม่จริงเสมอไป จากเมื่อก่อนสบู่ก้อนและผลิตภัณฑ์ Solid Cosmetic ต่างๆ พอมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็เป็นแค่ทางเลือกของตลาดผู้บริโภคสายออร์แกนิก รักษ์โลก หรือสายคราฟต์ ซึ่งเป็นผู้บริโภคกลุ่มเล็กๆ ที่สนใจผลิตภัณฑ์แตกต่างออกไปจากที่มีขายในท้องตลาด แต่นับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 เทรนด์ ‘Clean Beauty’ ก็มีส่วนทำให้คนกลุ่มใหญ่ขึ้นเริ่มสนใจที่มาของวัตถุดิบและส่วนผสมต่างๆ ในผลิตภัณฑ์ที่ตัวเองใช้ และมองหาผลิตภัณฑ์ที่สามารถดูแลตัวเองไปพร้อมกับดูแลโลกได้ ตลาดของ Solid Cosmetic จึงเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา แล้ว Solid Cosmetic ในยุคนี้ก็ไม่ได้มีแค่เฉพาะผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอย่างสบู่ หรือแชมพูแบบเดิมๆ ยังมีไอเทมอื่นๆ ให้เราเล่นเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย น้ำหอม โลชั่นแบบแท่ง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องปากอย่างยาสีฟันแบบเม็ดที่ไม่ต้องง้อหลอดพลาสติกหรือลหลอดอะลูมิเนียมเลย ไปจนถึงหมวดเครื่องสำอางอย่างอายไลเนอร์แบบดินสอที่ใช้แล้วหมดไป ไม่หลงเหลือปลอกพลาสติกให้เป็นขยะ ข้อดีของผลิตภัณฑ์ Solid Cosmetic คือการใช้บรรจุภัณฑ์น้อยลง ทำให้ลดต้นทุนในการผลิต ช่วยลดการใช้วัสดุอย่างขวดพลาสติก โดยการใช้แพ็กเกจจิ้งกระดาษรีไซเคิลห่อแทนขวดพลาสติกได้ ทำให้ผลิตภัณฑ์ Solid Cosmetic นั้นเหลือ Waste น้อยมาก หรือเเทบจะเรียกว่าเป็น Zero-Waste เลยก็ว่าได้ ที่สำคัญในการผลิตสบู่ แชมพู หรือครีมนวดผมแบบก้อนยังใช้ทรัพยากรน้ำน้อยกว่าผลิตภัณฑ์แบบเหลว นั่นทำให้ใน 1 ก้อน มีส่วนผสมของน้ำน้อยกว่าและมีความเข้มข้นสูงกว่า ทำให้ใช้ในปริมาณที่น้อยกว่าและใช้ได้นานกว่าแบบเหลว การที่เราใช้สบู่หรือแชมพู 1 ก้อน ยังเทียบเท่ากับการลดขวดพลาสติกของผลิตภัณฑ์แบบเหลวไปได้ประมาณ 3 ขวดเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นมีหลายแบรนด์ที่คิดค้นผลิตภัณฑ์แบบ All in One ใช้ได้หลากหลาย อย่างสบู่ที่ใช้สระผมและทำความสะอาดผิวในก้อนเดียว ยิ่งทำให้ผู้บริโภคสะดวกขึ้น ประหยัดเวลา ประหยัดพื้นที่ในห้องน้ำ ที่สำคัญคือประหยัดเงินในกระเป๋ามากขึ้นด้วย ผลิตภัณฑ์แบบแข็งหรือแบบก้อนยังง่ายและสะดวกสำหรับเดินทางไปไหนต่อไหนมากกว่าผลิตภัณฑ์แบบน้ำที่มีข้อจำกัดในการพกพาโดยเฉพาะเวลาขึ้นเครื่องบิน แถมประหยัดเงินในการซื้อชุด Travel Kit ไปได้อีก เมื่อใช้หมดแล้วก็ไม่ต้องหิ้วขวดเปล่าเดินทางกลับมาให้เปลืองพื้นที่ในกระเป๋า หรือทิ้งให้เกิดขยะจากขวดพลาสติกทุกๆ ครั้งที่เดินทาง น่าสนใจว่าหากเราสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ แบบ Packaging-free ได้ 100% ก็คงเป็นเรื่องดีไม่น้อย เพราะนอกจากจะช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ตั้งแต่ต้นทางการผลิตแล้ว ยังช่วยลดปริมาณขยะปลายทางของผลิตภัณฑ์ที่เราบริโภคได้ด้วย ที่มา : https://blog.covalo.com/personal-care/waterless-solid-cosmetics-are-rising-in-popularity https://www.lofficielusa.com/beauty/makeup-hair-shampoo-conditioner-bars-sustainable-beauty ภาพจาก : solidoriginal.it

4 แบรนด์แผ่นแปะสิว ที่คิดมุมกลับ ออกแบบแผ่นแปะสิวให้เป็นเทรนด์น่ารักๆ ที่ทำให้คนเป็นสิวหลายคนลุกขึ้นมามั่นใจมากขึ้น หรืออยากจะเซลฟี่ตัวเองในวันเป็นสิวมากขึ้นอีกด้วย

4 แบรนด์ ‘แผ่นแปะสิว’ ดีไซน์สุดคิวต์ 
ที่ทำให้การรักษาสิวเป็นเรื่องสนุก ไม่เครียดเกินไป และชวนมองสิวเป็นเรื่องธรรมชาติมากขึ้น

The Row สะท้อนความหรูหราแบบไม่ตะโกนได้อย่างเด่นชัดด้วยความมินิมอลที่ไร้ซึ่งโลโก้ ไม่ใช้ลายโมโนแกรมใดๆ ไม่ใช้เทรนด์มาแรงของปีนั้นๆ ในการออกแบบ แต่เลือกดีไซน์โดยมองเรื่องศิลปะและฟังก์ชันเป็นสำคัญ

The Row แบรนด์ของสองแฝด Olsen ที่ก้าวเข้าสู่กระแสหลักด้วยความมินิมอล กับกระเป๋า Margaux ที่แทบจะมาแรงเท่า Birkin

โชว์ของแบรนด์แฟชั่นอเมริกันอย่าง ‘Batsheva’ กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากจาก New York Fashion Week กับการแคสต์นางแบบมาเดินบนรันเวย์เฉพาะคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไปเท่านั้น

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Fashion

Solid Cosmetic จะดีแค่ไหน ถ้าสกินแคร์และเครื่องสำอาง ไม่ต้องง้อ แพ็กเกจจิ้ง ใช้แล้วก็หมดไปไม่สร้างขยะ

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS