งานวิจัยชี้ “ทาเล็บเจล อาจเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง” และมีเคสคนต่างชาติที่เป็นมะเร็งผิวหนัง

เข้าเครื่องอบเล็บเจลบ่อย เสี่ยงมะเร็งผิวหนัง เพื่อลดความเสี่ยง เราอาจทำได้แค่ปีละ 1-2 ครั้ง

ใครเข้าวงการเล็บเจลมาแล้ว คงรู้ว่ามันเข้าแล้วออกยากเสียเหลือเกิน เพราะความสวยติดทน อยู่ได้เป็นเดือนๆ แบบนี้ สีทาเล็บธรรมดาไม่สามารถมอบให้ได้แน่นอน แต่หลายคนคงเริ่มหวั่นๆ กันบ้าง หลังจากได้ยินข่าวคราวเมื่อต้นปีว่า “ทาเล็บเจล อาจเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง” ที่มีงานวิจัยมายืนยัน แถมยังมีเคสคนต่างชาติที่เป็นมะเร็งผิวหนัง ซึ่งหมอวินิจฉัยว่าอาจเป็นเพราะเครื่องอบเล็บเจล วันนี้เราจะมา wrap up กันอีกรอบถึงผลกระทบของมัน และหากจำเป็นต้องทาจริงๆ หรือยังตัดใจไม่ลงจริงๆ วิธีไหนเสี่ยงต่อสุขภาพของเราน้อยที่สุด งานวิจัยบน Nature Communications ระบุว่า แสง Ultraviolet A (UVA) ที่มักถูกปล่อยออกมาจากเครื่องอบเล็บเจล UV ซึ่งหากใช้ในระยะยาวอาจเพิ่มความเสียหายไปถึงระดับดีเอ็นเอ และเกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์ที่ทำให้เกิดเป็นมะเร็งผิวหนังได้ โดยในการศึกษานักวิจัยได้ทดลองกับเซลล์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกับเครื่องอบเล็บเจล UV เป็นเวลา 20 นาที ซึ่งพบว่าทำให้เซลล์ตายถึง 20-30% ในครั้งเดียว และหากเพิ่มเป็นการทำติดต่อกัน 3 ครั้ง พบว่าเซลล์ที่สัมผัสนั้นตายถึง 65-70% ถือว่าเป็นตัวเลขค่อนข้างสูง และชี้ให้เห็นว่าหากเราทำเล็บเจลติดต่อกันนานๆ ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังได้ในอนาคต แม้งานวิจัยนี้จะทดลองกับสัตว์ ไม่ได้ทดลองกับมนุษย์จริงๆ แต่ที่ผ่านมา ก็มีเคสของคาโรลิน่า จัสโก้ (Karolina Jasko) นางงามผู้ชนะการประกวด Miss Illinois ปี 2018 ที่แพทย์วินิจฉัยว่าเธอเป็นมะเร็งผิวหนัง และเธอต้องถอดเล็บนิ้วโป้งออก จัสโก้เล่าว่าเธอเป็นคนหนึ่งที่ชอบทำเล็บเจลมาก เพราะเล็บเจลมอบผลลัพธ์ความสวยได้ยาวนานกว่าการทาเล็บธรรมดา มีอยู่วันหนึ่ง ที่เธอเข้าร้านทำเล็บเหมือนทุกๆ ครั้ง ช่างได้สังเกตเส้นสีดำๆ ใต้นิ้วโป้งของเธอ ตอนแรกเธอก็ไม่ได้เอะใจอะไรมาก คิดว่าคงไปชนอะไรเข้าเฉยๆ แต่หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เธอรู้สึกเจ็บปวด และเล็บของเธอก็ดูเหมือนติดเชื้อ ทำให้เธอต้องไปพบแพทย์ และต้องผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อไปตรวจทันที แพทย์บอกกับจัสโก้ว่าเธอเป็นมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา ซึ่งเป็นมะเร็งชนิดร้ายแรง มีความเสี่ยงถึงตายได้ จัสโก้จึงต้องเข้าสู่กระบวนการรักษา แพทย์ต้องเอาเล็บนิ้วโป้งของเธอออก และปลูกถ่ายผิวหนังบริเวณขาหนีบของเธอมาแทนที่ผิวหนังบนนิ้วโป้งที่หายไปแล้วของเธอ โชคดีที่เธอเข้ารับการรักษาได้ทันเวลาจนหายจากมะเร็งได้แล้วในปัจจุบัน โดยแพทย์วินิจฉัยสาเหตุไว้ว่า จัสโก้มีพันธุกรรมจากแม่ของเธอซึ่งเป็นมะเร็งผิวหนังอยู่แล้ว และอีกสาเหตุหนึ่งอาจเกี่ยวเนื่องกับการใช้เครื่องอบเล็บแบบ UV ด้านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ออกมาแสดงความกังวลต่อการทำเล็บเจลกันอยู่บ้าง มาราล สเกลซีย์ (Maral Skelsey) ผู้อำนวยการ Dermatologic Surgery Center of Washington และรองศาสตราจารย์ด้านผิวหนังที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ กล่าวว่าความเสียหายนี้ “ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังที่พบบ่อยที่สุดชนิดบาซอล มะเร็งผิวหนังชนิดสเควมัสเซลล์ ไปจนถึงมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมาซึ่งเป็นมะเร็งผิวหนังที่ร้ายแรงที่สุด” และที่น่าเป็นห่วงคือ เธอบอกว่ามะเร็งเมลาโนมามักจะไม่ได้รับการวินิจฉัยจนกว่ามะเร็งจะลุกลาม ก็จะคล้ายกรณีของจัสโก้ ที่มารู้ตัวอีกทีคือเกิดสัญญาณที่กระทบต่อร่างกายแล้ว ความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังจากการทำเล็บเจล นับว่าน่ากังวลอยู่ไม่น้อย แต่เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนจะเลิกทำได้เลยปุ๊บปั๊บ บางคนอาจต้องทาเพื่อทำงาน ยังอยากทาเพื่อเพิ่มความมั่นใจ หรือทาเพราะความพอใจอยู่ แต่ทีนี้จะทำเล็บอย่างไรดี ให้ความเสี่ยงน้อยสุดดีล่ะ? ก็ยังพอมีทางออกอยู่บ้าง บรอนเวน แมคโน (Bronwen McNoe) นักวิจัยอาวุโสจาก Cancer Society Research Collaboration มหาวิทยาลัยโอทาโก ย้ำว่าการเปิดรับแสงนี้ยังคงเป็นสิ่งที่เราควร ‘ระวัง’ อยู่ แต่หากยืนยันจะทำจริงๆ “อาจเป็นความคิดที่ดีที่จะทาครีมกันแดด หรือสวมถุงมือแบบไม่มีนิ้ว” ด้าน เมลิสซ่า ปิเลียง (Melissa Piliang) แพทย์ผิวหนังจากคลีฟแลนด์คลินิก กล่าวว่า “ถ้าคุณนั่งเอามือวางไว้ใต้เครื่องเหล่านี้ทุกวัน ก็คงเป็นปัญหาแน่” แต่ถ้าจะทำจริงๆ นอกจากครีมกันแดด และถุงมือป้องกันการสัมผัสแล้ว ความถี่ในการทำก็ควรเก็บไว้พิจารณา โดยเธอแนะนำว่า ควรทำเพียงปีละ 1-2 ครั้งพอ ซึ่งหากหลายคนยังเลิกไม่ได้ วิธีลดความบ่อยในการทำ ก็อาจช่วยลดความเสี่ยงไปได้เหมือนกันนะชาวเล็บเจล อ้างอิง: <a href="https://www.cbsnews.com/news/uv-nail-dryer-gel-manicures-skin-cancer-study/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.cbsnews.com/news/uv-nail-dryer-gel-manicures-skin-cancer-study/</a>&nbsp; <a href="https://www.nature.com/articles/s41467-023-35876-8" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.nature.com/articles/s41467-023-35876-8</a>&nbsp; <a href="https://www.stuff.co.nz/life-style/beauty/300807592/gel-manicure-fans-should-be-mindful-of-cancer-risk-from-uv-drying-lamps" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.stuff.co.nz/life-style/beauty/300807592/gel-manicure-fans-should-be-mindful-of-cancer-risk-from-uv-drying-lamps</a>&nbsp; <a href="https://www.washingtonpost.com/wellness/2023/01/20/gel-nail-polish-uv-lamps-safety-dermatologists/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.washingtonpost.com/wellness/2023/01/20/gel-nail-polish-uv-lamps-safety-dermatologists/</a> &nbsp;

หลายคนคงเห็นเสื้อยืดสีขาวสกรีนลายว่า “Protect the Dolls” ที่เซเลบริตี้หลายคนใส่กันบ่อยๆ ในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็น เปโดร ปัสกัล (Pedro Pascal), แอดดิสัน เร (Addison Rae), ทรอย ซีวาน (Troye Sivan) ที่ดูเผินๆ แล้วก็มองเป็นเสื้อธรรมดาที่แปลตรงตัวว่า ‘ปกป้องตุ๊กตา’ แต่จริงๆ แล้วกลับมีความหมายลึกซึ้งกว่านั้น

เบื้องหลังเสื้อยืด ‘Protect the Dolls’ ที่คนดังฮอลลีวู้ดใส่เพื่อแสดงจุดยืน จากแบรนด์ Conner Ives โดยรายได้จากเสื้อจะระดมทุนสู่องค์กร Trans Lifeline ซึ่งคอยช่วยเหลือชาวทรานส์ในยามยาก 

Metropolitan Museum of Art ได้ประกาศถึงธีมงานของปี 2025 ว่า ‘Superfine: Tailoring Black Style’ ที่นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 88 ปีที่ไฮไลต์การแต่งกายของเชื้อชาติอย่างเจาะจง ที่ได้แรงบันดาลใจจากหนังสือ Slaves to Fashion: Black Dandyism and the Styling of Black Diasporic Identity ของ Monica Miller ในปี 2009 

รวมชุดในงาน Met Gala 2025 ที่ตีโจทย์แตก อุทิศให้กับแฟชั่น Black Dandyism อย่างแท้ทรูกับธีม Superfine: Tailoring Black Style

Blush Blindness เป็นที่พูดถึงอย่างมากตั้งแต่ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะในติ๊กตอก ครีเอเตอร์หลายคนออกมาแนะวิธีดูว่าตัวเองกำลังมีอาการ Blush Blind อยู่หรือเปล่า

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Beauty

เข้าเครื่องอบเล็บเจลบ่อย เสี่ยงมะเร็งผิวหนัง เพื่อลดความเสี่ยง เราอาจทำได้แค่ปีละ 1-2 ครั้ง

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS