ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ภาษีสีชมพู หรือ Pink tax คือการตลาดที่เล็งไปสู่การตั้งราคาผลิตภัณฑ์ของผู้หญิงแพงกว่าของผู้ชาย โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์เสริมความงาม

Pink Tax การตลาดที่จะตั้งราคา สินค้าผู้หญิงให้แพงกว่าของผู้ชาย ว่าแต่เป็นค่าอะไร ที่มันบวกเพิ่มขึ้นมา?

ระหว่างการเดินทางไปต่างจังหวัดช่วงปีใหม่ ผมเข้าไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งเพื่อซื้อมีดโกนใช้แล้วทิ้งแพ็กสามชิ้นสำหรับเวลาหกวัน “อันนี้เหมือนที่เราซื้อเลย แต่ของเราสีชมพู” แฟนผมพูด ความคิดแรกที่เข้ามาในหัวคือ ถ้าไม่ได้มาเที่ยว ผมคงไม่แม้แต่เหลียวมองมีดโกนแบบนี้ด้วยซ้ำ “มีดโกนสีชมพู” ที่มีราคาที่แพงกว่ามีดโกนผู้ชายที่แพงที่สุดอยู่ราวๆ 150 บาท (และก้อนสบู่เล็กๆ ที่ติดให้มาเพิ่มนั่นไม่ได้ราคา 150 บาทแน่ๆ)นี่คือประสบการณ์ตรงที่ผมได้เจอกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ภาษีสีชมพู หรือ Pink tax นั่นคือการตลาดที่เล็งไปสู่การตั้งราคาผลิตภัณฑ์ของผู้หญิงแพงกว่าของผู้ชาย โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์เสริมความงามคำว่า Pink Tax เกิดขึ้นจากงานศึกษาในปี 2015 ชื่อ “From Cradle to Cane : The Cost of Being a Female Consumer” (<a href="https://www1.nyc.gov/assets/dca/downloads/pdf/partners/Study-of-Gender-Pricing-in-NYC.pdf" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www1.nyc.gov/assets/dca/downloads/pdf/partners/Study-of-Gender-Pricing-in-NYC.pdf</a>) ที่สำรวจความแตกต่างของราคาสินค้าในนิวยอร์กโดยกระทรวงคุ้มครองผู้บริโภคและแรงงานนครนิวยอร์ก (NYC Department of Consumers and Workers Protection) โดยศึกษาด้วยวิธีการศึกษาราคาของสินค้า 13 ประเภท จำนวนสุทธิ 795 สินค้า โดยแบ่งสินค้าที่เข้าไปสำรวจออกเป็น 5 อุตสาหกรรม คือของ ของเล่น เครื่องแต่งกายเด็ก เครื่องแต่งกายผู้ใหญ่ ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ&nbsp;และผลของการสำรวจพบว่าในทั้ง 5 อุตสาหกรรม สินค้าที่มุ่งโฆษณาไปหาผู้หญิงนั้นมีราคาเฉลี่ยสูงกว่าทั้งหมดที่ร้อยละ 7, ร้อยละ 4, ร้อยละ 8, ร้อยละ 13 และร้อยละ 8 ตามลำดับ และยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการยกตัวอย่างความแตกต่างของราคาสินค้าที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผลรองรับ&nbsp;ตัวอย่างเช่นสกูตเตอร์สีแดงราคา 24.99 USD แต่เมื่อเป็นสกูตเตอร์แบบเดียวกันแต่จั่วหัวว่า “สำหรับเด็กผู้หญิง” และสี “ชมพูระยิบระยับ” ราคาขึ้นไปอยู่ที่ 49.99 USD สินค้าบางอย่างไม่ได้มีราคาหน้าซองที่ต่างกัน แต่ปริมาณต่างกัน ตัวอย่างเช่นผ้าอ้อมผู้ใหญ่ยี่ห้อเดียวกันทั้งสองราคาอยู่ที่ 11.99 USD แต่กล่องสีเขียวสำหรับผู้ชายมีทั้งหมด 52 ชิ้น กล่องสีชมพูสำหรับผู้หญิงมีทั้งหมดเพียง 39 ชิ้น นี่คือเหตุผลที่แบบสำรวจนี้มีชื่อของมันเช่นนั้น “จากเปลยันไม้เท้า…” ซึ่งหมายถึงในทุกช่วงชีวิต ตั้งแต่เด็กจนแก่ การเป็นผู้หญิงมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าผู้ชายภายใต้ Pink Tax นี้แต่ว่าทำไมถึงต้องมีการแบ่งสินค้าของผู้ชายและผู้หญิงออกจากกันตั้งแต่แรกทั้งๆ ที่หลายครั้งสินค้าเหล่านั้นไม่ได้มีส่วนผสมที่แตกต่างกันเลย?&nbsp;เราเรียกการแบ่งแยกแบบนี้ว่า Gender Segmentation นั่นคือการแบ่งส่วนทางการตลาดด้วยเพศเพื่อจะสร้างภาพลักษณ์ของสินค้า แบรนด์ และบริการ ให้เข้าเป้ากับคนที่อาจเป็นลูกค้าของแบรนด์มากที่สุด แบ่งกันอย่างไร? นักการตลาดแต่ละคน แต่ละแบรนด์ และแต่ละรุ่นมีไอเดียของ Gender Segmentation แตกต่างกันออกไป แต่แนวคิดที่เราเห็นขึ้นมาบ่อยมากจากหลายหลักคิดคือในขณะที่ผู้ชายซื้อสินค้าจากข้อมูลและการใช้งานจริง ผู้หญิงมักซื้อสินค้าจากอารมณ์ความรู้สึกเสียมากกว่า&nbsp;“การตลาดที่เล็งไปหาผู้ชายก็แค่อธิบายข้อได้เปรียบของการมีรถรุ่นใหม่ล่าสุด แต่หากเป็นผู้หญิงให้โชว์ภาพแม่พาลูกของเธอนั่งบนรถเพื่อวางบริบททางความรู้สึกที่จะเชื่อมโยงเข้ากับผู้หญิงได้” ริชาร์ด มอร์แกน (Richard Morgan) นักเขียนจาก Houston Chronicle เขียนเกี่ยวกับ Gender Segmentation ซึ่งประโยคสั้นๆ เมื่อกี้มีปัญหามากพอจะเป็นบทความของมันเองได้เลยทีเดียว&nbsp;ในบทความเดียวกันนั้นมีอีกหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจคือเขาเชื่อว่าทั้งชายและหญิงเลือกสินค้าผ่านกระบวนการระบุเพศไม่เหมือนกัน พูดเป็นภาษามนุษย์คือผู้หญิงจะเลือกหยิบทั้งสินค้าที่เล็งไปหาผู้ชายและผู้หญิง ส่วนผู้ชายจะไม่หยิบสินค้าที่เป็นสินค้าสำหรับผู้หญิงเลย ก็น่าคิดว่านี่เป็นแนวคิดพื้นฐานแนวคิดที่ทำให้ราคาสินค้าสำหรับผู้หญิงราคาสูงกว่าหรือเปล่า?&nbsp;อย่างที่เราบอก หลักการของนักการตลาดต่างคนไปก็จะแตกต่างกัน และนักการตลาดมีหลักการทำการตลาดมากไปกว่าการแบ่งว่าเพศไหนเป็นแบบไหนอย่างแน่นอน และบทความบนอินเทอร์เน็ตคงไม่สามารถเป็นตัวชี้วัดเบื้องหลังการทำงานของการตลาดร่วมสมัยได้อย่างเต็มร้อย แต่แนวคิดเป็นภัยรูปแบบนี้มีมากอย่างมีนัยสำคัญและหาอ่านได้ง่ายมากเพียงเสิร์ชหาไม่กี่วินาทีถึงตรงนี้เราว่าคงมีหลายคนบอกกับเราว่าสถิติก็คือสถิติ สถิติพูดอะไร งานที่นักการตลาดทำก็คงเป็นตามนั้น แม้ว่าเราไม่ใช่คนทำ Market Research ว่าผู้ชายและผู้หญิงมีพฤติกรรมการซื้อของแตกต่างกันอย่างไร เราว่าเราก็มีโอกาสตั้งคำถามกลับอยู่เช่นกัน ว่าถึงแม้สถิติจะมีตัวเลขออกมาว่าอย่างนั้นจริง แต่มันคือพฤติกรรมของคนนี่แหละ ที่นำไปสู่การตลาดที่เอาเปรียบผู้หญิง หรือว่ามันคือสถิติและการตลาดกันแน่ ที่เอาเปรียบผู้หญิง และนำไปสู่พฤติกรรมการซื้อและการใช้ชีวิตของคนตลอดชีวิตของคนคนหนึ่ง เราเห็นโฆษณากี่อย่าง? บนโทรศัพท์มือถือ บนขนส่งสาธารณะ ในเว็บไซต์ ในภาพยนตร์ บนท้องถนน ฯลฯ เรามองว่าโฆษณาและสื่อต่างหากที่มีผลกระทบต่อผู้คนไม่ใช่ทางกลับกัน และเรายังยืนยันว่าหากผลกระทบนั้นนำไปสู่โลกที่ผู้หญิงยังเสียเปรียบในการใช้ชีวิตอยู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ควรเกิดขึ้นได้แล้ว อ้างอิง :&nbsp;<a href="https://www1.nyc.gov/assets/dca/downloads/pdf/partners/Study-of-Gender-Pricing-in-NYC.pdf" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www1.nyc.gov/assets/dca/downloads/pdf/partners/Study-of-Gender-Pricing-in-NYC.pdf</a><a href="https://smallbusiness.chron.com/marketing-men-vs-women-1011.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://smallbusiness.chron.com/marketing-men-vs-women-1011.html</a><a href="https://economictimes.indiatimes.com/definition/gender-segmentation" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://economictimes.indiatimes.com/definition/gender-segmentation</a><a href="https://www.mbaskool.com/business-concepts/marketing-and-strategy-terms/2022-gender-segmentation.html#:~:text=Gender%20segmentation%20is%20the%20process,products%20are%20very%20gender%20specific." rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.mbaskool.com/business-concepts/marketing-and-strategy-terms/2022-gender-segmentation.html#:~:text=Gender%20segmentation%20is%20the%20process,products%20are%20very%20gender%20specific.</a>รูป : European Wax Center&nbsp;

ในวันที่เรารู้สึกว่าผิวดูโทรมและเหนื่อยล้ามากๆ หลายคนอาจรู้สึกว่าฉันต้องขอพึ่งพาความช่วยเหลือจากคุณหมอเพื่อกู้ผิวให้สวยอย่างเร่งด่วนแล้วล่ะ! ไม่ว่าจะเป็นหัตถการยกกระชับต่างๆ หรือจะจัดหนักด้วยการผ่าตัดยกหน้าแบบ mini face lift ซึ่งได้ผลเร็วกว่าการทาสกินแคร์ก็จริง แต่หากเราไม่ทาครีมดูแลผิวเลย ก็อาจจะทำให้หัตถการนั้นอยู่ได้ไม่นาน แล้วต้องกลับไปทำใหม่หลายๆ ครั้งอีกอยู่ดี

แบรนด์สกินแคร์เก่าแก่ ‘Helena Rubinstein’ กลับไทยอีกครั้งในรอบ 20 ปี พร้อมไนท์ครีม ที่ผิวสวยได้ด้วยมือเรา และมือหมอ เพราะคิดค้นโดยศัลยแพทย์ชื่อดังจากสวิตเซอร์แลนด์

“สิ่งที่ Fundao ทำอย่างต่อเนื่อง คือการทำให้คำว่า Made in Thailand เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก”

Fundao แบรนด์กระเป๋าของสาวไทย ที่ไปเรียนทำกระเป๋าไกลถึงมิลาน กับความตั้งใจที่จะเชื่อมมนุษย์เข้ากับธรรมชาติ เช่นเดียวกับการเชื่อมแฟชั่นและฟังก์ชันเข้าด้วยกัน

Billie ตั้งใจที่จะเขียนนิยามใหม่ให้กับมาตรฐานความงามในสังคม ผ่านผลิตภัณฑ์และสุ้มเสียงของทางแบรนด์ที่อยากสนับสนุนให้ลูกค้ารักตัวตนตามธรรมชาติของตนเอง รวมถึงขนตามร่างกายด้วยเช่นกัน 

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Beauty

Pink Tax การตลาดที่จะตั้งราคา สินค้าผู้หญิงให้แพงกว่าของผู้ชาย ว่าแต่เป็นค่าอะไร ที่มันบวกเพิ่มขึ้นมา?

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

TASSANA PUTTAPRASART

RELATED

HOT TOPICS