การสื่อสารเลยเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ เพื่อให้ทุกคนได้มาเจอกันตรงกลางและได้เอนจอยกันทุกฝ่าย ไม่มีใครต้องคอยกล้ำกลืนฝืนทนอยู่เงียบๆ คนเดียว

ไม่ชอบเซ็กซ์ของเขา เราก็ควรต้องบอก แต่จะบอกยังไงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจริงๆและไม่เฟลกันทั้งคู่

สำหรับบางคู่ เซ็กซ์คือของหวานสุดเร้าใจ แต่กับบางคู่ก็อาจไม่ใช่ และรสนิยมกับความต้องการที่ไม่แมทช์กันและขาดการสื่อสาร อาจกลายเป็นปัญหาในความสัมพันธ์ได้ เช่นว่าเมื่อฝ่ายหนึ่งรู้สึกไม่ฟิน ไม่ชอบ ไม่ถูกใจ หรือกระทั่งรู้สึกว่าเซ็กซ์ของอีกฝ่ายห่วยแตก แต่ต้องทนฝืนไว้เพื่อรักษาบรรยากาศถนอมน้ำใจ ซึ่งแรกๆ ก็อาจยังไม่เป็นไร แต่นานๆ ไปอาจกลายเป็นความเบื่อหน่ายและพานไม่อยากมีเซ็กซ์จนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังไปอีกดังนั้น การสื่อสารเลยเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ เพื่อให้ทุกคนได้มาเจอกันตรงกลางและได้เอนจอยกันทุกฝ่าย ไม่มีใครต้องคอยกล้ำกลืนฝืนทนอยู่เงียบๆ คนเดียว โอกาสนี้เราเลยอยากชวนมาดูกันว่าประเด็นที่น่าสนใจในการบอกอีกฝ่ายว่าเราไม่ชอบเซ็กซ์ของเขา (และเขาก็อาจไม่ได้ชอบเซ็กซ์ของเรา) นั้นมีอะไรบ้าง1. ตั้งธงเอาไว้ว่าการสื่อสารความต้องการไม่ใช่เรื่องที่ต้องอาย : ขณะที่หลายคนในยุคนี้อาจพูดเรื่องสิ่งที่ตัวเองต้องการในเซ็กซ์ได้เป็นปกติ แต่สำหรับบางคนก็ยังเป็นเรื่องยาก และอุปสรรคสำคัญก็คือความเขินอายหรือความเชื่อลึกๆ ว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เราดูไม่ดี ดังนั้นก่อนอื่นเลย เราต้องทำความเข้าใจกับตัวเองก่อน ว่าการสื่อสารเรื่องนี้ออกไปไม่ใช่เรื่องผิด และไม่จำเป็นต้องอายที่จะพูด ไม่ว่าสิ่งที่เราชอบจะฟังดู kinky หรือในทางตรงกันข้ามคือฟังดูราบเรียบเกินไป และถ้าอีกฝ่ายไม่อยากรับฟังหรือกระทั่งไม่โอเคที่เราพูดออกมา นั่นแหละเป็นเรื่องที่น่าพิจารณามากกว่าการที่เซ็กซ์ของเขาไม่ถูกใจเราเสียอีก2. ลองสร้างวัฒนธรรม ‘คุยกันหลังมีเซ็กซ์’ : ช่วงเวลาหลังเซ็กซ์จบลงของแต่ละคู่แต่ละคนอาจแตกต่างกันไป แต่หนึ่งในสิ่งที่เวิร์กสำหรับโมเมนต์นั้นก็คือการนั่งคุยกัน ถามไถ่ และ discuss ว่าเซ็กซ์ที่เพิ่งจบไปนี้เป็นยังไงบ้าง โอเคมั้ย มีอะไรอยากให้ปรับหรือเปล่า ซึ่งการถามเขาก่อนว่าอยากให้เราปรับอะไร ก็เป็นโอกาสที่ดีงามในการจะได้รับฟังความต้องการของเขา และให้เขาได้รับฟังความต้องการของเราด้วย แต่สำหรับใครที่ยังไม่ได้อยากจะคุยเลยหลังมีเซ็กซ์เพราะด้วยอารมณ์ที่ยังท่วมท้นหรืออยากแค่นอนกอดกัน หรือใดๆ ก็ลองไปดูที่ข้อถัดไปกันเลย3. หาจังหวะที่ใช่ให้เจอ&nbsp;: บางครั้งการพูดโพล่งออกมาแบบเซอร์ไพรส์ไปเลยก็อาจจะชวนเหวอไปหน่อย ดังนั้นเราอาจต้องหาจังหวะที่ใช่ให้เจอ อาจจะเป็นตอนดูหนังด้วยกันแล้วเจอฉากเซ็กซ์ที่เราสามารถหยิบขึ้นมาเป็นตัวเปิดประเด็นได้ หรือตอนได้ยินเพลงเซ็กซี่ๆ ที่อาจลองเอาเนื้อเพลงมาคุยกันได้ หรืออาจเป็นตอนที่นั่งกินข้าวด้วยกันแบบอารมณ์ดีๆ หรือตอนไปเที่ยวด้วยกันแล้วกำลังจะได้มีเซ็กซ์นอกสถานที่เดิมๆ หรือตอนที่ deep talk กันแล้วเราหยิบเอาเรื่องนี้ขึ้นมา talk ด้วย แต่ที่อาจไม่เวิร์กก็คือถือโอกาสหยิบเรื่องนี้มาพูดตอนทะเลาะกัน เพราะโอกาสในการดราม่าจะยิ่งทวีคูณแถมอาจกลายเป็นแผลใจของอีกฝ่ายจนเฟลเรื่องเซ็กซ์ไปเลยก็ได้4. เลือกน้ำเสียงให้ดี : น้ำเสียงในการสื่อสารนั้นเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง และหาเราอยากพูดเรื่องนี้ก็อาจต้องเลือกน้ำเสียงที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีมากที่สุด สำหรับบางคนอาจเหมาะกับการพูดตรงๆ เสียงดังฟังชัด บางคนอาจเหมาะกับการพูดอย่างซีเรียสจริงจัง บางคนอาจเหมาะกับการใช้ลูกอ้อนนิดๆ หรือบางคนอาจเหมาะกับการ cheer up มากๆ ซึ่งเราเองที่รู้จักคู่ของเราดีที่สุดนี่แหละ คือคนที่จะเลือกน้ำเสียงที่ใช้ได้ดีที่สุด5. บอกว่าชอบอะไรก่อน แทนการพุ่งเป้าว่าเราไม่ชอบอะไร&nbsp;: แง่หนึ่งก็คือการ be positive นั่นแหละ เพราะการจะบอกว่าประโยคว่า “เราชอบให้แกเร่งจังหวะขึ้นอีกนิด” อาจให้ความหมายที่ต่างจาก “เราไม่ชอบที่แกเล้าโลมนานเกินไป” ดังนั้นการบอกสิ่งที่เราชอบออกไปก่อน คือการเปิดทางให้บทสนทนาไปต่อและชวนให้คนฟังเปิดใจได้ดีกว่าการเริ่มต้นที่พลังลบเลยเป็นไหนๆ &nbsp;6. ฟังเขาด้วยเช่นกัน : แน่นอนว่าการสื่อสารเรื่องเซ็กซ์ควรเป็น two-way communication เมื่อได้บอกสิ่งที่เราชอบหรือไม่ชอบออกไปแล้ว เราก็จะเป็นต้องฟังสิ่งที่เขาชอบหรือไม่ชอบด้วย เพื่อที่จะได้ค่อยๆ เอามาปรับจูนกัน ดังนั้นในการสื่อสารเรื่องนี้เราเองก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจที่จะฟังฟีดแบ็กจากอีกฝ่ายเอาไว้ด้วย6. ให้โอกาสและเวลากับทั้งสองฝ่าย : รสนิยมเรื่องเซ็กซ์นั้นประกอบขึ้นจากหลายอย่าง ไม่ว่าจะด้วยตัวตนข้างใน ประกอบกับประสบการณ์เซ็กซ์ที่ผ่านมา หรือหนังโป๊หรือสื่อเร้าอารมณ์ที่เคยเสพมาตลอด ฯลฯ ดังนั้นในบางคู่อาจต้องอาศัยเวลาในการปรับจูนให้ตรงกัน และค่อยๆ explore ร่วมกันว่าอะไรจะเวิร์กสำหรับทั้งคู่มากที่สุด การคุยกันครั้งหนึ่งแล้วเซ็กซ์เขาจะตรงใจเราเลยในทีเดียวนั้นคงเป็นไปได้ยาก ดังนั้นแล้ว ให้โอกาสและเวลากับทุกฝ่ายจะดีกว่า และหากที่สุดแล้วปรับยังไงก็ไม่ตรงกัน ก็ค่อยมาว่ากันอีกที ว่าจะไปทางไหนต่อได้ เช่นไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญไหม หรือต้องปรับรูปแบบความสัมพันธ์ให้ตอบโจทย์หรือเปล่า หรือกระทั่งแยกย้ายกันไปมีชีวิตเซ็กซ์ที่ต้องการ ก็อาจเป็นคำตอบในอนาคตได้เช่นกัน

หากใครไถหน้าฟีดอินสตาแกรมอยู่บ่อยๆ อาจพบว่าเดี๋ยวนี้มีหลายเพจที่หันมาหยิบจับคอนเทนต์ในเชิงเล่าเรื่องด้วยข้อความสั้นๆ เน้นกราฟฟิกสวยๆ ที่ทำให้อ่านและย่อยง่ายมากขึ้น ซึ่งลักษณะการสรุปที่ทำให้เข้าใจง่ายๆ เหล่านี้ได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ของการทำคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์คนอ่านในยุคนี้ไปแล้ว

แง่มุมอันตรายของคอนเทนต์ย่อยง่ายแนว Coaching ที่เน้นสรุปเอาง่าย แต่อาจไม่ตรงกับความเป็นจริง และอาจสร้างความเชื่อผิดๆ แบบเหมารวม

การที่ใครสักคนกำลังเจอกับช่วงเวลายากลำบากทางจิตใจ และเลือกเข้ารับบริการจิตบำบัด นั่นแปลว่าเป็นช่วงเวลาที่เขาต้องการจะรู้สึกทั้งสบายใจ สบายตัวมากที่สุด และมันย่อมไม่ได้เรียกร้องว่าเราต้อง ‘ดูดี’ ในช่วงเวลาแบบนั้นด้วย แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้ว สิ่งที่เราไม่ได้ตั้งใจ หรืออาจไม่ได้ใส่มาก่อนอย่างการเลือกเสื้อผ้าหน้าผมเวลาไปพบนักจิตบำบัดนี่แหละ มีแมสเสจสำคัญที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังมากกว่าที่คิด 

ชุดที่ใส่ บอกอะไรได้บ้าง? เมื่อชุดที่ใส่ อาจสะท้อนตัวตน และสภาวะจิตใจของเราได้มากกว่าที่คิดในสายตานักจิตบำบัด 

เมื่อเร็วๆ นี้ เบอร์สัน (Burson) บริษัทผู้นำด้านการสื่อสารระดับโลก ได้เผยผลสำรวจเรื่องทัศนคติด้านสุขภาพของ Gen Z ที่เริ่มจากการตั้งข้อสังเกตว่าคนรุ่นใหม่ในยุคนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพกันแค่ไหน มีอะไรที่เป็นความกังวล และความต้องการของพวกเขากันบ้าง

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Sex

ไม่ชอบเซ็กซ์ของเขา เราก็ควรต้องบอก แต่จะบอกยังไงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจริงๆและไม่เฟลกันทั้งคู่

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS