เมื่อมีคนยืนยันแล้วว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม แต่บางคนยัง ‘กลัวจะไม่เหมือนเดิม’ 

‘ทำหมันชาย’ เจ็บมากสุด 3 นาที แผลหายใน 2 วัน ยังแข็งตัว และมีเซ็กซ์ได้เหมือนเดิม แต่ทำไมผู้ชายหลายคนจึงยังเปราะบางกับสิ่งนี้?

วิธีการคุมกำเนิด นอกเหนือจากการใส่ถุงยางอนามัยแล้ว คนในสังคมมักพูดถึงวิธีต่างๆ ที่รู้กันทั่วไปอย่าง การกินยาคุมกำเนิด การฝังยาคุมกำเนิด ฯลฯ ที่ดูจะเป็นบทบาทของเพศกำเนิดหญิงอยู่ฝ่ายเดียว แต่ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาหัวข้อของ ‘การทำหมันชาย’ ได้เป็นที่พูดถึงในโซเชียลมีเดียมากขึ้น จากกรณีคนดังลูก 3 อย่าง แมทธิว ดีน ออกมาเล่าว่าภรรยาอย่าง ลีเดีย บอกกับเขาว่าอยากให้ทำหมัน แต่ตนยังไม่อยากทำ ในรายการ คุยแซ่บ Show ทำให้หลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันถึงความไม่แฟร์ของการคุมกำเนิดที่ผลักภาระให้ผู้หญิงรับผิดชอบ ทั้งๆ ที่วิธีของฝ่ายชายก็มี “ปรึกษาหลายคนมาแล้วแหละ เคยคุยกับคนที่เคยทำมาแล้ว ไม่เจ็บ แต่มันเจ็บตรงนี้ (เอามือทาบที่อกด้านซ้าย) ตรงใจ (หัวเราะ)” “ถึงจะรู้ว่าไม่เจ็บอะไรต่างๆ มันก็ยังคิด อะไรที่มันเกี่ยวกับส่วนนั้นของเรา มันฟังดูน่ากลัว กลัวมันไม่เหมือนเดิมเอาง่ายๆ กลัวไม่เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่คนอื่นบอกว่ามันโอเคหมด ก็เข้าใจ ก็อาจจะต้องใช้เวลาทำใจหน่อย” คำพูดของแมทธิว ดีน น่าถกเถียงกันถึงความเป็นชายอันเปราะบาง ที่เกิดขึ้นกับผู้ชายบางคนในสังคม เพราะหากจะว่ากันเฉพาะที่ความสุขทางเพศ การไม่อยากสูญเสียมันไปนั้น เข้าใจได้ แต่ในเมื่อมีคนยืนยันแล้วว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม ที่เหลือน่าจะเป็นเรื่องของจิตใจและการมองภาพความเป็นชายล้วนๆ สำหรับชายหลายคน เมื่อพวกเขารู้สึกว่าจะต้องจัดการใดๆ กับอวัยวะเพศ เพื่อมีบทบาทในการคุมกำเนิด บางคนอาจรู้สึกเหมือนถูกพรากความเป็นชายออกไป ‘กลัวจะไม่เหมือนเดิม’ แง่หนึ่งก็อาจจะบอกว่านิยามความเป็นชายที่ผู้ชายนิยามกันเองนั้นมักผูกอยู่กับ จู๋ อารมณ์ทางเพศ และเซ็กซ์ ที่กลายเป็นตัวชี้วัดว่าตัวเองยังมีน้ำยาของความเป็นชาย หากไม่ได้เป็นคนที่อารมณ์ทางเพศพุ่งสูง จู๋ทำงานได้ไม่เหมือนเดิม ไม่ถี่เรื่องการมีเซ็กซ์ ก็อาจถูกหยามกันได้ว่าไม่แมน ดูไม่เป็นชายแท้เอาเสียเลย ซึ่งเข้าลูป toxic masculinity อย่างไม่ต้องสงสัย ผู้ชายที่ไม่ได้เป็นแบบนี้ก็อาจถูกมองว่าเป็นอื่นได้ “คุณ มันไม่แฟร์หนิ…ผู้หญิงถ้าท้อง คิดดูดิ แผลผ่าคลอดนี่ยาวอย่างนี้ แต่คุณทำหมัน แผลคุณแค่นิดเดียวเอง” หนิง ปณิตา พิธีกรในรายการดังกล่าว พูดขึ้นมาในฐานะตัวแทนของผู้หญิงระหว่างบทสนทนา โดยที่พิธีกรชายอีกคนอย่างพีเค ก็ได้ให้เหตุผลว่า “หนิง แผลแค่นี้ แต่ความรู้สึกมันเท่านี้ (ยกมือสองข้างขึ้นมากางกว้างๆ)” ซึ่งเป็นเหตุผลสนับสนุนกับสิ่งที่เราพูดถึงความเป็นชายอันเปราะบางไปเมื่อตะกี้เด๊ะๆ มีข้อมูลทางการแพทย์มากมายที่บอกว่าการทำหมันนั้นไม่ได้ทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง เช่น เว็บไซต์โรงพยาบาลพระรามเก้า อาจารย์นายแพทย์สุธี อุ้มปรีชา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะ ซึ่งมีประสบการณ์การทำหมันชาย และเป็นคนไข้ทำหมันเองแล้วกว่า 30 ปี ได้ให้ความรู้ไว้ว่า การทำหมันชาย เป็นการคุมกำเนิดแบบถาวร โดยการตัด และผูกท่ออสุจิ 2 ข้าง ซึ่งหลังการทำยังมีการหลั่งน้ำอสุจิ การแข็งตัวของอวัยวะเพศ และความต้องการทางเพศเป็น ‘ปกติ’ ทุกอย่าง เพราะการทำหมัน แพทย์จะไม่ได้ผูก หรือตัดหลอดเลือดทำให้ฮอร์โมนยังออกจากอัณฑะได้ตามปกติ จึงไม่มีผลต่อเรื่องสมรรถภาพทางเพศ โดยคุณหมอ พบว่าเหตุผลที่ผู้ชายไม่ค่อยสมัครใจมาทำ นั้นเกี่ยวเนื่องกับเรื่องทางจิตใจ แม้การผ่าตัดมันจะใช้เวลาไม่นาน และเจ็บเพียงระยะสั้นๆ มากสุดก็แค่ 3 นาที และ 1-2 วัน แผลก็จะหายเป็นปกติ มาที่ฝั่งเมืองนอกกันบ้าง ยกตัวอย่างแพทย์จากสหรัฐฯ ดร.อเล็กซ์ ปัสทุสแซก (Dr. Alex Pastuszak) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินปัสสาวะ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์ที่ University of Utah Health กล่าวข้อดีของการที่ผู้ชายเข้ารับการทำหมันเพื่อแบ่งเบาภาระการคุมกำเนิดต่อผู้หญิงไว้ว่า ทั้งคู่จะไม่ต้องคิดถึงเรื่องการคุมกำเนิดอีกต่อไป แทนที่ฝ่ายหญิงต้องไปรับการคุมกำเนิดทุกเดือน ไม่ว่าจะจากร้านขายยา หรือจากแพทย์สั่ง แถมไม่ต้องคิดถึงภาระทางการเงิน หรือภาระการดูแลด้านอารมณ์ ที่มาจากการท้องโดยไม่ได้วางแผนที่อาจส่งผลต่อชีวิตของเธอ เพราะเราว่า บางคนมีเงินพร้อมที่จะเลี้ยงก็จริง แต่สภาวะด้านจิตใจ อาจจะไม่พร้อมมีลูกก็ได้ หรือบางคนที่เคยมีลูกมาก่อนแล้ว ก็ไม่อยากจะมีเพิ่มอีกก็เป็นไปได้หมด การคุมกำเนิดที่ถาวรของฝ่ายชายจึงอาจจะตอบโจทย์ครอบครัว หรือคู่รักที่ตัดสินใจเด็ดขาดว่า “พวกเราจะไม่มีลูกกันอีกแล้ว” ดร.ปัสทุสแซกย้ำชัดว่า การทำหมันไม่มีผลกระทบต่อฮอร์โมนเพศชาย ไม่มีผลกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศ ไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของการหลั่ง และไม่กระทบต่อความเสี่ยงมะเร็ง แถมถ้าอิงตามรายงานของ Urology Care Foundation มีผู้ชายมากกว่า 500,000 คนในสหรัฐฯ เข้ารับการทำหมันเพื่อคุมกำเนิดในแต่ละปี ซึ่งทำให้เห็นว่าก็ยังมีผู้ชายที่คิดอยากจะมีบทบาทในการช่วยเพศกำเนิดหญิงในการคุมกำเนิดด้วยอยู่เหมือนกัน ส่วนคนที่คิดว่าไม่อยากทำ เพราะกลัวจะสูญเสียความเป็นชายไป เราได้กางข้อมูลชุดใหญ่ และยืนยันอย่างชัดเจน 100% แล้วว่า มันไม่ได้มีผลกระทบต่อ sex life เลยสักข้อ แถมปลอดภัยกว่าการให้ผู้หญิงเข้ารับยาคุมกำเนิดทุกเดือนซะด้วย ซึ่งหากฝ่ายหญิงต้องการเข้ารับยาคุมกำเนิดเองโดยสมัครใจก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่หากเธอเหนื่อยกับการเข้ารับยาคุมกำเนิด หรือบางคนไม่ได้อยากจะเข้ารับยาคุมกำเนิด แต่เหนื่อยกับการจะมีลูกจนออกปากเสนอถึงหนทางการทำหมันให้คุณแล้ว เราก็หวังว่าคุณจะลองเก็บวิธีนี้ไปพิจารณาดูอีกชอยส์ อ้างอิง: <a href="https://bit.ly/3Fwx9P8" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://bit.ly/3Fwx9P8</a> <a href="https://healthcare.utah.edu/the-scope/shows.php?shows=0_9f0ilflg" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://healthcare.utah.edu/the-scope/shows.php?shows=0_9f0ilflg</a> <a href="https://njurology.com/5-common-vasectomy-myths-debunked-by-urologists/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://njurology.com/5-common-vasectomy-myths-debunked-by-urologists/</a>&nbsp; <a href="https://youtu.be/BKc0VMs05E8" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://youtu.be/BKc0VMs05E8</a> &nbsp;

แม้ผลการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาจะยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ดูเหมือนว่าหมูเด้งจะทายถูกแล้วแน่ๆ และโดนัลด์ ทรัมป์ก็จะได้กลับมา “Make America Great Again!”แต่มันคือข้อยืนยันเรื่องการหันขวาของคนจำนวนมากที่ยื่นชัยชนะเข้ามือชายอนุรักษ์นิยมหัวรุนแรงคนนี้ และชัยชนะของเขาก็อาจส่งผลต่อสิทธิมนุษยชนในหลายๆ ประเด็นให้ถดถอยลง โอกาสนี้เราเลยอยากรวมรวบประเด็นที่น่ากังวลเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงในอเมริกา เมื่อทรัมป์กลับมาเรืองอำนาจอีกครั้ง


 เมื่อชัยชนะครั้งที่ 2 ของ Donald Trump 
ผู้ “อยากทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง” 
อาจไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยสำหรับหลายคน

นอกจากชัยชนะของทรัมป์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง การเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ เกิดปรากฏการณ์ ‘ครั้งแรก’ ในประวัติศาสตร์มากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือ Sarah McBride สส. ทรานส์เจนเดอร์คนแรกในประวัติศาสตร์ของสภาคองเกรส จากพรรคเดโมแครต ที่สามารถเอาชนะ John Whalen III อดีตนายตำรวจประจำรัฐเดลาแวร์มาได้

Sarah McBride 
‘สส. ทรานส์เจนเดอร์’ คนแรกในสภาคองเกรส ผู้ผลักดันทั้งประเด็น LGBTQ และบริการสุขภาพ จนได้ใจประชาชนคนทำงานและชนะการเลือกตั้ง!

‘Pink Wheels’ คือกลุ่มตำรวจหญิงชาวปากีสถาน ที่สวมฮิญาบ ขี่สกู๊ตเตอร์สีชมพูจำนวน 10 คัน เข้าไปในเมืองเพื่อรับเรื่องร้องเรียน และช่วยเหลือผู้หญิงที่เผชิญความรุนแรง เนื่องจากเหยื่อหลายคนคิดว่าจะ “ไม่ได้รับความเป็นธรรม” จากตำรวจชายที่ไม่เข้าใจความเจ็บปวดของพวกเธอ 

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Sex

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS