‘ทำยังไงดีคะ แฟนแอบปัดทินเดอร์’ คือหนึ่งในบรรดาคำถามจำนวนมากมายที่ถูกส่งมายังคอลัมน์ Advice เซคชั่นให้คำปรึกษาโดยนักเขียนผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ Carolyn Hax เว็บไซต์ Washington Post เมื่อสาวนิรนามรายหนึ่งขอคำปรึกษาว่า ถ้าหากจับได้ว่าเเฟนหนุ่มของเธอยังคงเล่น Dating App แบบลับๆ โดยที่เขาอ้างว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” เธอจะทำอย่างไรต่อไปดีกับความสัมพันธ์นี้ แล้วจะยังเชื่อใจเขาได้อยู่ไหม?  


ทำไงดี เจอแฟนใน Tinder! ผิดไหม? มีแฟนแล้วแต่ยังแอบปัดแอพฯ หาคู่ มองหาความสัมพันธ์อื่นๆ ไปพร้อมกัน ทั้งที่
ไม่ได้ดีลเป็น Open Relationship ตั้งแต่แรก

‘ทำยังไงดีคะ แฟนแอบปัดทินเดอร์’ คือหนึ่งในบรรดาคำถามจำนวนมากมายที่ถูกส่งมายังคอลัมน์ Advice เซคชั่นให้คำปรึกษาโดยนักเขียนผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ Carolyn Hax เว็บไซต์ Washington Post&nbsp;เมื่อสาวนิรนามรายหนึ่งขอคำปรึกษาว่า ถ้าหากจับได้ว่าเเฟนหนุ่มของเธอยังคงเล่น Dating App แบบลับๆ โดยที่เขาอ้างว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” เธอจะทำอย่างไรต่อไปดีกับความสัมพันธ์นี้ แล้วจะยังเชื่อใจเขาได้อยู่ไหม? &nbsp;“คุณอาจกำลังโกหกตัวเองอยู่ว่าเขาเชื่อใจได้” นี่คือคำตอบของ Carolyn Hax พร้อมกับคำถามที่ตามมาให้คิดก็คือ “ก็ถ้ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างที่เขาว่า และถ้าไม่ใช่ความลับ เพราะเหตุใดเขาถึงไม่บอกคุณตรงๆ กันล่ะ ทำไมต้องแอบเล่น”ซึ่งถ้าหากนำคีย์เวิร์ดของเรื่องราวจากสาวนิรนามรายนี้ไปลองเสิร์ชต่อ ก็จะพบว่านี่เป็นประเด็นใหญ่ที่รบกวนใจใครหลายคนซึ่งกำลังเจอ หรือเคยเจอแพทเทิร์นคล้ายๆ กันในความสัมพันธ์ เพราะมันกระทบความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่น้อยเลย เมื่อมันสร้าง ‘Trust Issue’ และคำถามชวนสับสนต่อมาว่านี่กำลังเกิดอะไรขึ้นในความสัมพันธ์ของพวกเขากันแน่ ทำไมอีกคนต้องยังมองหา ‘คนอื่น’ ทั้งที่มีเราอยู่แล้ว หรือที่หนักกว่านั้นคือ เขากำลังมองหา ‘คนใหม่’ มาแทนเราอยู่หรือเปล่า &nbsp;ความเห็นของคนในโซเชียลฯ มองเรื่องนี้ไปในทิศทางคล้ายๆ กันว่า ถ้าหากมันคือการตกลง Open Relationship ซึ่งต่างฝ่ายต่างสามารถมีความสัมพันธ์แบบเปิด และมีคนมากกว่า 2 ในความสัมพันธ์ได้ตามแต่ตกลงกัน เรื่องนี้ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร แต่ที่มันกลายเป็นปัญหาโลกแตกก็คือ หลายคนพบว่าคู่ของตัวเองกำลังใช้ Dating App ทั้งที่ไม่ได้มีใครอยู่ในความสัมพันธ์แบบ Open หรือ Poly มาตั้งแต่แรกนี่สิ&nbsp;“แค่จั่วหัวว่า ‘แฟนมีโปรไฟล์ Tinder’ แค่นั้นก็จบละสาว!” คอมเมนต์หนึ่งว่า“มันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าหากว่าเขาไม่ใช่แฟนคุณ”&nbsp;บ้างก็มองว่าการอยู่ใน Committed Relationship แบบ Monogamy แต่ยังคงมองหา ‘ตัวเลือก’ อื่นๆ นั้นเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ เพราะนั่นอาจหมายถึงธงแดงของการ ‘นอกใจ’ เหมือนกับที่เคยมีการสำรวจพบว่ากว่า 69% มองว่าการใช้ Dating App ระหว่างอยู่ในความสัมพันธ์ ถือเป็นการนอกใจเต็มๆ &nbsp;แต่สำหรับ 16% ของผู้หญิง 20% ของผู้ชาย และ 25% สำหรับ Non-binary นั้นค่อนข้างรู้สึกยืดหยุ่น ถ้าหากว่าการใช้ Dating App ไม่ได้มีลักษณะในเชิงจีบ ชู้สาว หรือ Sexting ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการนอกใจเสียทีเดียว เช่นเดียวกับที่ผลสำรวจยังระบุว่า สำหรับบางคนการใช้ Dating App เฉยๆ ยังไม่เป็นไร แต่ถ้าถึงกับ ‘นัดเจอ’ กันนั่นแหละที่พวกเขาไม่โอเคแล้ว&nbsp;ที่น่าแปลกใจก็คือ ผลสำรวจจาก Sage Journal เมื่อปีที่แล้วพบว่า เกือบ 2 ใน 3 ของผู้ใช้แอพฯ หาคู่ชื่อดังอย่าง TInder ยอมรับว่าพวกเขายังคงโลดเเล่นอยู่ในแอพฯ แม้ว่าจะอยู่ในความสัมพันธ์แล้ว และบางคนก็แต่งงานแล้วด้วย&nbsp;ผลสำรวจนี้อาจสะท้อนให้เห็นว่า แต่ละความสัมพันธ์มีรายละเอียด มีบริบท ข้อตกลง ขอบเขต และกฎเกณฑ์ระหว่างกันที่ไม่เหมือนกันเลย เราจึงไม่อาจตัดสินได้ว่าการที่ใครยังคงเล่นแอพฯ หาคู่ระหว่างอยู่ในความสัมพันธ์นั้นถือเป็นเรื่องผิดได้ขนาดนั้น&nbsp;“เพราะทุกคนมีค่านิยม มีคำจำกัดความของคำว่า ‘นอกใจ’ ที่ไม่เหมือนกัน” Samantha Burns ผู้เชี่ยวชาญด้านการเดตมองว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคู่จำเป็นต้องตั้งขอบเขตขึ้นมาให้ชัดเจน สื่อสารกันอย่างตรงไปตรงมาด้วยความซื่อสัตย์ตั้งแต่เริ่มต้นความสัมพันธ์เลยว่า สิ่งไหนยอมรับได้ สิ่งไหนรับไม่ได้เลย ความคาดหวังของแต่ละคนต่อสิ่งนั้นคืออะไร และ ‘Gray Area’ หรือพื้นที่สีเทาๆ ของความสัมพันธ์จะเป็นเรื่องไหนได้บ้าง เช่นการปัด Dating App นี่ก็อาจเป็นหนึ่งในพื้นที่สีเทาใหญ่ๆ ของบางคู่ด้วย&nbsp;และเมื่อลองค้นหาเหตุผลว่าเพราะอะไร คนที่อยู่ในความสัมพันธ์อยู่แล้ว ถึงยังคงใช้แอพฯ หาคู่อยู่ หนึ่งในเหตุผลนั้นก็คือ “แค่ปัดดูไปเล่นๆ สนุกๆ แก้เบื่อไปอย่างนั้นเอง เหมือนไถหน้าฟีดอินสตาแกรมไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดอะไร” อีกเหตุผลหนึ่งคือ คนส่วนหนึ่งบอกว่า พวกเขายังคงใช้ แอพฯ หาคู่ก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเรื่องชู้สาว เรื่องเซ็กซ์ หรือหมายถึงการนอกใจเสมอไป แค่ต้องการเมองหา ‘เพื่อน’ หรือ ‘คอนเน็กชั่น’ อื่นๆ ก็ย่อมได้ไม่ใช่เหรอในผลสำรวจเดียวกันจาก Sage Journal หลายๆ คนที่ยังแอคทีฟอยู่ในแอพฯ หาคู่ทั้งที่มีแฟนแล้ว บอกว่าพวกเขาไม่ใด้ใช้เพื่อหาคู่หรือจีบใคร แต่ใช้มันเหมือนกันเป็นเเพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอันหนึ่งที่ให้ความบันเทิง และส่วนหนึ่งก็เพื่อสร้างความรู้สึกมั่นใจให้ตัวเอง เวลาได้ไลก์ หรือมีใครมาแมทช์&nbsp;เรื่องนี้ ดร. Elias Aboujaoude นักจิตวิทยาคลินิก มหาวิทยาลัยแพทย์ Stanford Medicine อธิบายคล้ายกันว่า เวลาที่ใครสักคนใช้เวลาในแอพฯ หาคู่ บางครั้งก็เพื่อ ‘หลีกหนี’ จากตัวเอง จากความรู้สึกเบื่อหน่ายต่างๆ และแน่นอนว่ามันทำให้รู้สึกเหมือนมี ‘ตัวเลือก’ อื่นๆ ที่ดีกว่ารอพวกเขาอยู่ในนั้น&nbsp;และนั่นจะเป็นไปได้ไหมว่า จุดเริ่มต้นจากการแค่ปัดแอพฯ หาคู่ไปเล่นๆ เพื่อแก้เหงา แก้เบื่อ เพื่อความสนุก หาคอนเน็กชั่น เช็คเรทติ้งตัวเอง หรืออะไรเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ มันจะกลายเป็นพฤติกรรม ‘Micro-cheating’ นอกใจแบบเล็กๆ น้อยๆ ในอีกรูปแบบหนึ่งได้เหมือนกัน&nbsp;สิ่งที่อาจต้องถามตัวเองกลับก็คือ แล้วจะปัด Dating App ไปทำไม ต้องการอะไรจากการทำสิ่งนั้น&nbsp;“แค่ข้ออ้างที่ว่า ‘แค่ดูเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไร’ ก็น่าคิดมากแล้วนะ” Samantha Burns ผู้เชี่ยวชาญด้านการเดตและความสัมพันธ์ อธิบายไว้น่าสนใจว่า มันจะเป็นเรื่องธรรมดามากๆ เวลามีคนที่ดูน่าสนใจเดินผ่านเราในชีวิตจริง เราจะคิดแค่ว่า เออ คนนี้ดูดีจัง แล้วมันก็มักจะจบแค่นั้น แต่พอสิ่งนี้เข้าไปอยู่ในโลกออนไลน์ มันอาจจะกลายเป็นพื้นที่สีเทาของการนอกใจทันที “โดยเฉพาะเวลาที่มีคนที่คุณรู้สึกว่าน่าสนใจ ส่งข้อความมาหาคุณ คุณจะรู้สึกเข้าข้างตัวเองทันที เพราะมันเหมือนกับเป็นการเติมเต็มอีโก้ตัวเอง แม้คุณจะบอกว่าแค่คุยเฉยๆ เพราะเบื่อ หรือแค่คุยสนุกๆ ขำๆ แต่คุณคนเดียวที่รู้ว่าความตั้งใจของคุณบริสุทธิ์ขนาดนั้นจริงไหม”&nbsp;ความสัมพันธ์ที่เฮลธ์ตี้ หมายถึงการที่ต่างฝ่ายต่างเติมเต็มคุณค่าในตัวกันและกันได้ ถ้าการปัดแอพฯ หาคู่เป็นวิธีที่จะช่วยให้รู้สึกถูกเติมเต็มคุณค่า ก็อาจต้องกลับมาถามตัวเองหนักๆ แล้วว่า เพราะอะไรคนที่เติมเต็มคุณค่านั้นถึงไม่ใช่คนในความสัมพันธ์ของเรา แต่เป็นคนอื่นๆ คนใหม่ๆ ใครก็ไม่รู้ในโลกออนไลน์ &nbsp;มันอาจมีแค่ตัวเราเท่านั้นที่รู้ว่า อะไรคือ Gray Area ในความสัมพันธ์ของเราเอง&nbsp;อ้างอิงhttps://www.washingtonpost.com/video/entertainment/my-boyfriend-has-been-secretly-using-tinder/2025/10/25/41e28b54-0dc5-4ee9-9d65-e74caf5337a8_video.htmlhttps://www.bustle.com/p/is-using-dating-apps-while-in-a-relationship-cheating-52780https://www.nbcnews.com/pop-culture/lifestyle/many-online-daters-arent-seeking-actual-dates-rcna94163https://www.reddit.com/r/relationship_advice/comments/157r8jp/i_26f_discovered_that_my_bf_33m_is_using_tinder/

โฮโบเซ็กชวล (Hobosexual) หมายถึงคนที่สร้างความสัมพันธ์รักโรแมนติกเพื่อที่อยู่อาศัย มักอ้างว่าพวกเขารู้สึกลึกซึ้งอย่างรวดเร็วเพื่อจะได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านอีกฝ่ายโดยเร็วที่สุด

แฟนขอย้ายเข้าไปอยู่ด้วยอย่างไว อาจไม่ใช่แค่เพราะคลั่งรัก เมื่อ Hobosexual หรือคนที่ใช้ความสัมพันธ์เพื่อหาที่พักอาศัยมีอยู่จริง

‘October Theory’ หรือทฤษฎีตุลาคม ที่ผู้คนเชื่อว่าเป็นเดือนแห่ง ‘การเปลี่ยนแปลง’ ซึ่งไม่ว่าจะเปลี่ยนไปทิศทางที่ดีหรือไม่ อย่างน้อยๆ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง เราจะได้บทเรียนต่างๆ ในทางที่ ‘เลือก’ กลับมาเสมอ

นับถอยหลัง 90 วันก่อนปีใหม่ไปกับ ‘October Theory’ เมื่อคนเชื่อว่านี่คือเดือนแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ได้ ‘ทบทวน’ แล้วลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อ ‘ตัวเอง’ ก่อนแลนดิ้งจบปี

7 ข้อแรกเป็นเวอร์ชั่นอเมริกันโดย Dr.Saundra Dalton-Smith แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาวะและความเป็นอยู่ ส่วนอีก 7 ข้อถัดมาเป็นเวอร์ชั่นญี่ปุ่นโดย Dr.Hideki Takano แห่งสมาคมการฟื้นฟูเยียวยาแห่งประเทศญี่ปุ่น 

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Relationship

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS