ใครมีเพื่อนที่คอยทักมาทวงให้เติมไฟอยู่ทุกวี่ทุกวัน (บางคนทวงบ่อยยิ่งกว่าทวงหนี้!) คงจะรู้ได้ทันทีว่า เราไม่ได้กำลังพูดถึงการปลุกใจ ปลุกไฟ หรือปลุกแพสชันในตัวเอง แต่จริงๆ มันหมายถึงลูกไฟบน TikTok หรือฟีเจอร์ที่เรียกว่า 'Streaks' ต่างหากจ้า

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น…ไฟห้ามดับ!!!! กิจกรรมกระชับใจผ่านการ ‘เติมไฟ’ ในแชท TikTok ที่ต้องช่วยกันหล่อเลี้ยงไฟไม่ให้มอดด้วยการส่งข้อความ/คลิปฯ หากันวันละนิด ซึ่งช่วยให้เรายังนึกถึง ‘เพื่อน’ หรือ ‘ใครคนนั้น’ แม้กระทั่งวันยุ่งๆ ก็ตาม

วันนี้คุณเติมไฟหรือยัง? เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น…ไฟห้ามดับ!!!!&nbsp;ใครมีเพื่อนที่คอยทักมาทวงให้เติมไฟอยู่ทุกวี่ทุกวัน (บางคนทวงบ่อยยิ่งกว่าทวงหนี้!) คงจะรู้ได้ทันทีว่า ข้างต้นเราไม่ได้กำลังพูดถึงการปลุกใจ ปลุกไฟ หรือปลุกแพสชันในตัวเอง แต่จริงๆ มันหมายถึงลูกไฟบน TikTok หรือฟีเจอร์ที่เรียกว่า 'Streaks' ต่างหากจ้า เพราะตอนนี้นี่คืออีกหนึ่งกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ที่หลายคนใช้เล่นกับเพื่อนอย่างจริงจังมากกกก ด้วยการส่งคลิปฯ และส่งข้อความหากัน ซึ่งมีผลต่อจำนวนไฟบนหน้าแชทที่เพิ่มขึ้น สีของไฟที่เปลี่ยนไปตามความสม่ำเสมอในการส่ง รวมถึงยังมี ‘Streak Pet’ น้อนสัตว์เลี้ยงรูปไฟ ลูกเล่นที่เราต้องเลี้ยงดูมันกับเพื่อนผ่านการเติมไฟ ที่คอยส่งสัญญาณผ่านรีแอคชันของมันว่า ตอนนี้น้องกำลังถูกแช่แข็งจนไฟใกล้มอด หรือกำลังแฮปปี้ที่เห็นความแน่นแฟ้นของมิตรภาพระหว่างเพื่อนที่ช่วยกันดูแลไฟไม่ให้ดับ หรือจริงๆ ก็ดูจะเป็นกิมมิกเล็กๆ ในการพยายามพัฒนาความสัมพันธ์กับ ‘ใครคนนั้น’ ให้มีข้ออ้างในการคุยกันมากขึ้นได้เหมือนกันจริงๆ ก็สามารถบอกได้เลยแหละว่า มันเป็นกลยุทธ์ของ TikTok ที่สร้างกิจกรรมการมีส่วนร่วมนี้ขึ้นมา เพื่อโน้มน้าวให้คนเข้าแอปฯ มากขึ้น เพราะการจะส่งคลิปฯ ให้ใครก็ตาม ส่วนมากมันก็ต้องผ่านการดูคลิปฯ กดไลก์ กดเฟบ หรือกดรีโพสต์ ไม่ทางใดทางหนึ่งกันมาก่อนอยู่แล้วจนรู้สึกว่าชอบและอยากส่งต่อให้เพื่อน และนั่นอาจเป็นประโยชน์ต่อคนทำคลิปฯ ที่จะได้ยอดเอนเกจเมนต์เพิ่มขึ้นไปด้วย ส่วนประโยชน์อีกด้านหนึ่งที่หลายคนได้สัมผัสก็คงเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘การ maintain ความสัมพันธ์’ รูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีคนออกมาทำคอนเทนต์เติมไฟ หรือแซวกันเล่นๆ มากมายว่าเพื่อนไม่เอาอะไรแล้ว ทักมาทวงไฟไม่หยุด แต่นั่นก็ทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์กัน ได้เมาท์มอยกัน ได้แลกเปลี่ยนความคิดกันผ่านคลิปฯ ที่ส่งหากัน ไม่ว่าจะคลิปฯ สาระความรู้ คลิปฯ ตลกๆ เรียกเสียงฮา คลิปฯ ที่ชวนปักหมุดไปเที่ยว ไปกิน คลิปฯ คนสวย คนหล่อ คนน่ารัก ที่แชร์แล้วพูดว่า “อยากมีแฟน” / “คนนี้สเปคมึง” / “คนนี้เหมาะกับมึง” หรือกระทั่งการส่งมีมหรือนินทาคน (จบในแชท ไม่ได้ไปทำร้ายเจ้าตัวอาจจะดีกว่า) ที่ทำให้เกิดบทสนทนา หรือแม้จะยุ่งแค่ไหน แต่หากมีเป้าหมายเดียวกันคือการ ‘ไม่ทำให้ไฟดับ’ สุดท้ายก็จะแบ่งเวลาเข้ามาเติมไฟกันอยู่ดี ถึงจะไม่ได้เปิดคลิปฯ ที่เพื่อนส่งดูได้ทั้งหมด แต่ก็เป็นการย้ำเตือนกับเพื่อนว่า ฉันยังอยู่ตรงนี้ ยังไม่ทิ้งไฟ ใจเย็นๆ นะเพื่อน! ซึ่งมีส่วนช่วยให้เรายังได้พูดคุยกับเพื่อนเล็กๆ น้อยๆ ทุกวัน แบบที่บางครั้งไม่จำเป็นต้องพิมพ์ประโยคอะไรยาวๆ แค่ส่งคลิปฯ หากัน ก็เหมือนไม่ได้ขาดการติดต่อกันแล้วถึงอย่างนั้นก็มีบางคนทำคอนเทนต์แซวเพื่อนเหมือนกันว่าส่งคลิปฯ ไปให้ตั้งเยอะ ก็อยากให้เพื่อนเปิดดูบ้างอะไรบ้าง ซึ่งเพื่อนก็อาจจะไม่มีเวลาเปิดดูตลอดเวลา หรือขี้เกียจบ้าง จนทำให้อีกฝ่ายเกิดอาการงอนแต่ก็ไม่ได้งอนมากถ้าไฟยังไม่ดับ (ฮ่าๆ) ตัวเราเองก็มีเพื่อนที่ แม้จะไม่สามารถเปิดดูทุกคลิปฯ ที่ส่งได้ แต่จะคอยบอกเราเสมอว่า แวะเข้ามาตอบก่อน เดี๋ยวไฟดับ ถ้าว่างจะมานั่งไล่ดูใหม่ สิ่งนี้ทำให้เราทั้งรับรู้สถานการณ์ของเพื่อนว่ากำลังยุ่ง จึงเข้าใจได้ว่าทำไมถึงไม่เปิดดูคลิปฯ ขณะเดียวกันก็ทำให้รู้สึกใจฟูขึ้นมาว่า เพื่อนก็ยังเลือกที่จะเข้ามาตอบแชทเพื่อไม่ให้ไฟดับ เพราะ ‘ใส่ใจ’ เราด้วยเช่นกัน หรือเพื่อนอีกคนหนึ่งที่มีช่วงป่วย ก็ทักมาบอกเลยว่า ไม่มีแรงไล่ดู แต่เข้ามาส่งสติกเกอร์สักตัวเพื่อให้ไฟไม่ดับ ก็นับว่าเห็นถึงความพยายามของเพื่อนที่ซึ้งใจมากจริงๆแต่ถ้าสมมติไฟดับขึ้นมา บางคนก็อาจจะเกิดอาการน้อยใจ เมื่อความพยายามในการสะสมจำนวนไฟนั้นเสียเปล่า แต่สิ่งสำคัญเลยคือการรับฟังเหตุผลของเพื่อนว่าทำไมไม่สามารถเข้ามาเติมไฟได้ บางคนอาจจะไม่ว่างเลย ไม่สบายหนัก บางคนอาจจะเครียด อยาก social detox บางคนอาจจะเกิด accident บางอย่าง ที่ก็นับว่าต้องอาศัยความเข้าใจกันและกันในการสื่อสาร เพื่อไม่ให้จากกิจกรรมที่เล่นด้วยกันกลายเป็นความอินเกินที่ทำให้ทะเลาะกันจริงจังขึ้นมา&nbsp;มาทำความเข้าใจกฎของไฟกันก่อน Streaks คือไฟที่มาพร้อมตัวเลขบนแชท ยิ่งตัวเลขเยอะมากที่สุดในแชทไหน นั่นก็หมายถึงเราส่งข้อความถึงเพื่อนคนนั้นมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแชทเดี่ยวหรือแชทกลุ่มก็สามารถสะสมไฟตรงนี้ได้ทั้งหมด โดยไฟจะเกิดขึ้นเมื่อเราส่งข้อความหาใครสักคนติดต่อกัน 3 วัน การนับจำนวนไฟก็จะเกิดขึ้นทันที และเพิ่มไปเรื่อยๆ เมื่อมีปฏิสัมพันธ์กันในทุกๆ วัน ซึ่งสีไฟก็จะเปลี่ยนไปตามจำนวนความถี่ในการส่งด้วย ได้แก่ เติมไฟมาแล้ว 3 วันติดต่อกันไฟจะเป็นสีเหลือง 10 วันติดต่อกัน ไฟจะเป็นสีส้ม 30 วันติดต่อกันไฟจะเป็นสีแดง 100 วันติดต่อกันไฟจะเป็นสีชมพู และ 200 วันติดต่อกันไฟจะเป็นสีม่วง แต่หากมีวันไหนที่ไม่มีการเติมไฟ สีของไฟก็จะค่อยๆ จางหากไม่มีการพูดคุยกันก่อนสิ้นสุดวันนั้นๆ และจะหายไปหากไม่มีการโต้ตอบกันภายใน 24 ชั่วโมง ถึงอย่างนั้นหากรู้ตัวทันภายใน 48 ชั่วโมง TikTok ก็ยังให้โอกาสในการกู้คืนไฟกลับมาผ่านตัวเลือก restore ถ้าเกินจากนี้ ไฟก็จะดับไปตลอดกาล และต้องเริ่มนับ 1 กันใหม่ จุดนี้แหละที่ทำให้บางคนอาจจะเกิดอาการนอยด์ได้ เพราะนั่นหมายถึง เพื่อนหายไปแล้ว 2 วันเต็ม&nbsp;ส่วน Streak Pet ก็เป็นสัตว์เลี้ยง ซึ่งพูดง่ายๆ ก็คือไฟของเราในรูปแบบที่น่ารักขึ้นบนแชท เราสามารถตั้งชื่อร่วมกันกับเพื่อนได้ โดยการเลี้ยงน้องให้โตขึ้น สามารถทำได้ผ่านวิธีต่างๆ เช่น ส่ง 1 ข้อความหากัน ก็จะได้ +1 growth point ส่งภาพหรือวิดีโอหากัน ได้ +4 แชร์ 2 โพสต์บน TikTok หากัน ได้ +2 เป็นต้น ที่สำคัญต้องจำไว้เสมอว่า ถ้าไฟดับ สัตว์เลี้ยงตัวนี้ก็จะตุยไปด้วย แง เพราะมันกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไปแล้วแง่หนึ่งการช่วยกันเติมไฟตรงนี้ ก็เป็นการแสดงความรักต่อเพื่อนในยุคโซเชียลมีเดีย ถึงจะดูเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็นับเป็นการกระทำที่แสดงออกว่าเรากำลัง ‘นึกถึง’ อีกฝ่ายอยู่ และอาจช่วยทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเรากำลังนึกถึงเขาด้วยเช่นกัน ซึ่งก็เหมาะมากกับคนที่บางวันไม่รู้จะคุยอะไรกับเพื่อนเป็นพิเศษ พูดง่ายๆ ว่าไม่มีเรื่องคุย แต่อยากชวนคุย แค่ส่งคลิปฯ ไปเติมไฟ ก็เหมือนเราได้คุยกันแล้ววันละนิด โดยที่ไม่รู้สึกเคอะเขินในการเริ่มบทสนทนาด้วย พอมองแบบนี้นี่ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้เรา ‘ไม่ลืม’ ที่จะใส่ใจการมีอยู่ของเพื่อนไปได้ด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่เราฝ่ายเดียวด้วย แต่ทุกฝ่ายไม่ลืมกัน เพราะนี่เป็นกิจกรรมที่ต้องช่วยกันการหล่อเลี้ยงความสัมพันธ์เกิดขึ้นได้หลากหลายวิธี บางคนอาจจะไม่ถนัดในการเล่นกิจกรรมนี้ ก็อาจจะเลือกใช้วิธีการสื่อสารวิธีอื่นๆ ที่มีอยู่อีกมากซึ่งทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเราใส่ใจกันและกันเสมอ ฉะนั้นแล้ว อย่าให้การเติมไฟกลายเป็นความเครียด เล่นเอาสนุกๆ จอยๆ พอ ยังไงซะมันก็มีข้อดีกว่าข้อเสียอยู่แล้วถ้าเราไม่กดดันอีกฝ่ายเกินไป เพราะแต่ละคนก็มีข้อจำกัดในการเปิด TikTok ที่ต่างกันน้า…ส่วนเรา ว่าแล้ว ก็ขอไปเติมไฟกับเพื่อนต่อดีกว่า บาย~

คำกล่าวของฝรั่งที่ว่า ‘คนคนหนึ่งจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้เต็มตัว ก็ต่อเมื่อในวันที่เขาหรือเธอสูญเสียพ่อแม่ไป’ อาจมีความจริงบางอย่างอยู่ในนั้น เพราะการสูญเสียพ่อแม่ไปในวัยเริ่มต้นเป็นผู้ใหญ่สำหรับบางคน ย่อมมาพร้อมกับภาระหน้าที่ความรับผิดชอบในชีวิตที่มากขึ้น เช่น การต้องเปลี่ยนมาเป็นหัวหน้าครอบครัว หรือเป็นเสาหลักของบ้าน และไม่ว่าจะรู้สึกพร้อมหรือไม่กับภาระหน้าเหล่านั้นก็ตาม ชีวิตก็ผลักให้เราเป็น ‘เป็นผู้ใหญ่’ ไปเรียบร้อยแล้วตามวาระของมัน 

‘Dead Parents Club’ พื้นที่หา Support System เล็กๆ ของคนวัย 20s - 30s 
ที่สูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เริ่มเป็นผู้ใหญ่ 
จนทำให้หลายคนเคว้งคว้างอย่างยากจะกลับมาได้

หากมีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว เราไม่สามารถจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้า ไม่รู้เท่าทันความรู้สึกของตัวเอง รวมถึงตอบกลับอีกฝ่ายด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล ก็อาจส่งผลให้ความขัดแย้งทวีคูณความรุนแรงมากขึ้น จึงอยากชวนมารู้จักวิธีการสื่อสารแบบ ‘I Message’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการสื่อสารอย่างสันติ เพื่อลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้คำพูดทำร้ายกันและกัน

บอกความต้องการและความรู้สึกของตัวเอง แทนการกล่าวโทษ ตำหนิ หรือโจมตีอีกฝ่าย ชวนรู้จักวิธีการสื่อสารแบบ ‘I Message’ เพื่อลดความขัดแย้งในความสัมพันธ์

ทุกวันนี้การ Doom Scrolling หรือการไถหน้าฟีด พร้อมๆ กับกดดูสตอรี่ของใครต่อใครในอินสตาแกรมไปเรื่อยๆ กลายเป็นรูปแบบพฤติกรรมที่เชื่อว่าใครหลายคนทำกันเป็นเรื่องปกติ นับตั้งแต่วินาทีที่ตื่นนอนยันเข้านอน เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันไปแล้ว

Someone liked your story…
ชวนสำรวจพฤติกรรมเสพติดการดูสตอรี่ IG ตัวเองซ้ำๆ ของคนยุคนี้ที่อาจหมายถึงความต้องการ ‘รีเช็ก’ คุณค่าในตัวเอง ผ่านการมองเห็นของคนอื่น

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Relationship

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS