เชื่อว่าหลายคนอาจจดจำเดตครั้งแรกๆ ของตัวเองได้เป็นอย่างดี และหลายคนก็อาจลืมเลือนช่วงเวลาเหล่านั้นไปเรียบร้อย ยิ่งในยุคนี้ที่วัฒนธรรมการเดตกลายเป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้วปัดที่ทำได้ตอนไหน เมื่อไหรก็ได้ แถมจะเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหนก็ได้ เหมือนเป็นกิจกรรมปกติธรรมดาไปแล้ว การจะจดจำว่าแต่ละการไปเดตเป็นช่วงเวลาที่ ‘พิเศษ’ นั้นก็ยิ่งดูเหมือนจะเลือนรางตามไปด้วย 

Guise โปรเจ็กต์ภาพถ่าย ‘ผู้ชาย’ ใน ‘เดตแรก’ กว่า 30 คน ของช่างภาพ Allister Ann หลักฐานแห่งความทรงจำที่สะท้อนมุมมองความสัมพันธ์ของผู้คนที่เปลี่ยนไป

เชื่อว่าหลายคนอาจจดจำเดตครั้งแรกๆ ของตัวเองได้เป็นอย่างดี และหลายคนก็อาจลืมเลือนช่วงเวลาเหล่านั้นไปเรียบร้อย ยิ่งในยุคนี้ที่วัฒนธรรมการเดตกลายเป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้วปัดที่ทำได้ตอนไหน เมื่อไหรก็ได้ แถมจะเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหนก็ได้ เหมือนเป็นกิจกรรมปกติธรรมดาไปแล้ว การจะจดจำว่าแต่ละการไปเดตเป็นช่วงเวลาที่ ‘พิเศษ’ นั้นก็ยิ่งดูเหมือนจะเลือนรางตามไปด้วย&nbsp;แต่ช่วงเวลาพิเศษของการเดตสำหรับบางคนคงไม่ถูกลืมง่ายๆ เมื่อหลักฐานของความทรงจำทั้งหมดถูกบันทึกไว้ที่ใดสักแห่ง และวันนี้มันถูกหยิบออกมาดูอีกครั้ง‘Guise’ คือโปรเจ็กต์ที่ช่างภาพ Allister Ann ถ่ายภาพผู้ชายจำนวน 30 คน ที่เธอเดตด้วยเมื่อราวๆ 10 ปีก่อน ตอนที่โลกยังไม่ได้คุ้นเคยกับการหาคู่ออนไลน์มากนัก ซึ่งหากย้อนมองกลับไป ภาพถ่ายเหล่านั้นไม่เพียงเป็นเหมือนไดอารี่ที่บันทึกความทรงจำของผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ มันยังสะท้อนถึงมุมมองของผู้คนที่มีต่อเรื่องความสัมพันธ์ สังคม และความเป็นไปของโลกอย่างน่ามหัศจรรย์&nbsp;ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นช่วงฤดูร้อนปี 2015 ระหว่างปีแรกที่ Allister Ann ย้ายไปอยู่ลอส แอนเจลิส ในเมืองที่ไม่คุ้นเคย ผู้คนแปลกหน้า นับเป็นช่วงเวลาที่ Allister กำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเปราะบางมากที่สุด ขณะที่รอบข้างเธอในเมืองนี้กำลังตื่นเต้นกับแอพพลิเคชั่นหาคู่ เครื่องมือที่เพิ่งเริ่มต้นเข้ามามีบทบาทในชีวิตของผู้คน ณ เวลานั้น แม้ว่าลึกๆ แล้ว Allister จะค่อนข้างไม่ศรัทธากับวิธีการพบใครสักคนผ่านโลกออนไลน์สักเท่าไร แต่ความต้องการมองหามิตรภาพที่ดีๆ สักคนไว้เป็นเพื่อนใจในเมืองแปลกหน้า ก็ทำให้เธอตัดสินใจลองโหลด Tinder มาใช้เหมือนกับคนอื่นๆ ดูบ้าง&nbsp;“ทำไงได้ ก็ฉันอยู่ในยุคที่ความสัมพันธ์ถูกย่อยลงมาให้เล็กจิ๋วเหลือแค่พิกเซลในโทรศัพท์ กับการปัดซ้าย ปัดขวาไปมานี่นะ” Allister เล่าให้เว็บไซต์ Dazed ฟัง และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการพบเจอ ‘ชีวิต’ อันหลากหลายในผลงานภาพถ่ายของเธอในทีแรก Allister ไม่ได้ตั้งใจว่าจะถ่ายรูปคนที่เธอเดตด้วยหรืออะไร แค่พกกล้องไว้เป็นเพื่อนเพราะความรู้สึกประหม่าเวลาต้องไปเดตเฉยๆ กระทั่งเธอและหนุ่มคู่เดตคนแรกนัดเจอกันตอนบ่ายแก่ๆ ของวันหนึ่งที่แสงแดดเป็นใจ ทุกอย่างรอบตัวดูสวยไปหมดอย่างกับซีนในหนัง Allister จึงเกิดความคิดอยากขอถ่ายรูปเขาคนนั้นที่กำลังยืนอยู่กลางเเสงสวยๆ ของวันนั้นไว้เป็นที่ระลึกแล้วการเดตครั้งต่อๆ มาของ Allister ก็คล้ายๆ กัน เธอพกกล้องติดตัวไปด้วยโดยไม่ได้ตั้งใจหรอกว่าจะถ่ายรูปคู่เดตของตัวเอง แต่เมื่อจังหวะและโมเมนต์ที่เจอกันมันดันเป็นใจ เธอเลยได้ภาพถ่ายของพวกเขามาโดยไม่ต้องร้องขอหรือพยายาม และนั่นทำให้ Allister พบว่าการถ่ายรูปคนเหล่านั้นเล่าเรื่องบางอย่างของ ‘มนุษย์’ ได้เป็นอย่างดี&nbsp;“ต้องบอกว่าย้อนกลับไปปี 2015 ก่อนยุคที่เราทุกคนจะมีสมาร์ทโฟนที่สามารถถ่ายรูปใคร ตอนไหน เมื่อไรก็ได้ไม่ยากเช่นทุกวันนี้ ในตอนนั้นผู้คนยังค่อนข้างรู้สึกแปลกใจเวลาที่ถูกถ่ายรูป หรือมีใครสักคนขอถ่ายรูปอยู่” น่าสนใจที่ Allister สามารถลดการ์ดของผู้คนที่จะว่าไปแล้วก็เป็นคนแค่แปลกหน้าที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกลงได้ ยอมให้เธอถ่ายรูปพวกเขาในอิริยาบถธรรมดาๆ แสนเรียบง่าย ในโมเมนต์ที่จริงใจและไร้ฟิลเตอร์ได้เสมอ&nbsp;Allister บอกว่ามันเหมือนกับเธอมีอำนาจบางอย่างในแบบที่แอพฯ หาคู่ไหนๆ ไม่มี เพราะแม้ว่าหลังจากเดตแรก ความสัมพันธ์ของเธอกับหนุ่มหลายคนจะไม่ได้ไปต่อ เธอก็มักจะส่งภาพที่เธอถ่ายตามไปให้พวกเขา และหลายครั้งสายสัมพันธ์บางอย่างที่ละเอียดอ่อนก็เกิดขึ้นระหว่างกัน สิ่งนี้เองที่ Allister มองว่าแพลตฟอร์มซึ่งออกแบบมาให้ ‘คน’ กลายเป็นสิ่งที่ ‘ใช้ครั้งเดียวแล้วจบ’ อย่างที่แอพฯ หาคู่ไม่มีทางทำได้แน่ๆ&nbsp;ภาพถ่ายชายหนุ่มที่เธอพบเจอระหว่างการเดต ยังสะท้อนวิถีปฏิบัติที่ผู้คนมีต่อกันตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย “ในช่วงเวลานั้นการเดตผ่านแอพฯ ยังเป็นเรื่องใหม่ ทุกคนตื่นเต้นกับมัน ยังไม่ได้เบิร์นเอาต์กับมันมากเท่าปัจจุบันที่หลายคนเริ่มหมดศรัทธากับชีวิตที่มีแต่อัลกอริธึมเป็นผู้กำหนดชะตาไปซะทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องความรักความสัมพันธ์เช่นทุกวันนี้” Allister เล่า “ทุกคนมาตรงเวลา ให้เกียรติกัน และมองหาความสัมพันธ์ที่จริงจัง จริงใจประมาณหนึ่ง ซึ่งฉันว่าไม่ค่อยมีแล้วในวัฒนธรรมการเดตปี 2025”นอกจากนั้นแล้ว มันยังเป็นเหมือนภาพสะท้อนของ ‘บางสิ่ง’ ที่หายไปในช่วงเวลา 10 ปีมานี้ได้ดี ซึ่งบางสิ่งที่ว่าอาจเป็น ‘เสน่ห์’ และความ ‘พิเศษ’ ของการเดตซึ่งลดน้อยลงไปตามกาลเวลา&nbsp;“ฉันคงนึกไม่ออกว่าหากฉันถ่ายภาพชุดนี้ในยุคนี้จะเป็นอย่างไร เพราะผู้คนทุกวันนี้ระแวดระวังไปหมดซะทุกอย่าง ทุกคนตั้งการ์ด ทุกอย่างถูกปรับแต่ง ใส่ฟิลเตอร์หลายต่อหลายชั้น ทุกคนคิดมาแล้วว่าจะนำเสนอตัวเองอย่างไร แล้วก็หมกมุ่นอยู่กับการคิดว่าคนอื่นจะมองเห็นตัวเองอย่างไรด้วย ทุกอย่างมันเลยไม่ได้ ‘บริสุทธิ์’ มากเท่าเมื่อก่อน การที่ฉันได้เก็บโมเมนต์ของผู้คนฉันเจอในแบบที่ทั้งดิบ ทั้งเป็นอิสระ และซื่อสัตย์ในเวลานั้น มันเลยอาจเป็นอะไรที่หาได้ยาก และอาจจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วในการเดตทุกวันนี้ก็ได้มั้งคะ” &nbsp;Allister มองว่าที่ทุกคนกำลังรู้สึกเบิร์นเอาต์กับแอพฯ หาคู่ หรือการเดตมากขึ้นเรื่อยๆ ในยุคนี้ อาจเป็นเพราะภาพมายาจากการถูกทำให้เชื่อว่าพวกเราต่างมี ‘ทางเลือก’ มากมาย ซึ่งจริงๆ แล้วไอ้ทางเลือกที่มากมายนั้น มันอาจเป็นแค่กับดักที่ทำให้เรายิ่งติดกับการมองหาความสัมพันธ์ใดๆ จาก ‘ไทป์’ ของคน มากกว่า ‘ตัวตน’ ของคนคนนั้น ซึ่งนั่นทำให้เราเสียโอกาสที่จะเจอความสัมพันธ์ที่แท้จริงไปด้วย &nbsp;ไม่ว่าอย่างไร ไม่ว่าดีหรือร้าย ช่างภาพสาวยังเชื่อว่าแอพฯ หาคู่เป็นเหมือนกล่องแพนโดร่าที่เราไม่มีทางรู้ว่าเปิดออกมาแล้วจะเจอกับอะไรก็จริง แต่มันก็เป็นหนทางที่จะช่วยให้ได้เจอใครสักคนที่ในชีวิตทั้งชีวิตอาจไม่มีทางได้เจอ และสำหรับ Allister… นั่นคือของขวัญที่พิเศษอ้างอิง<a href="https://www.dazeddigital.com/life-culture/article/66650/1/allister-ann-guise-tinder-online-dating-photography-q-and-a" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.dazeddigital.com/life-culture/article/66650/1/allister-ann-guise-tinder-online-dating-photography-q-and-a</a>

นอกจากอาการเมาแผ่นดินไหวที่หลายคนกำลังเป็น จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวล่าสุดที่ผ่านมา ร่องรอยจากภัยพิบัติยังอาจทิ้งผลกระทบต่อจิตใจที่ทำให้รู้สึกไม่มั่นคง ไม่ปลอดภัย มากกว่านั้นคือการที่เราไม่รู้จะเอาตัว เอาใจไป ‘วาง’ ไว้ตรงไหน เหตุการณ์ข้างนอกก็ชุลมุลวุ่นวาย ไม่แน่นอน และยังวางใจไม่ได้ แม้ว่าแผ่นดินไหวจะผ่านไปแล้ว แต่กลับพบว่า ‘ข้างใน’ ตัวเราเองนี่แหละที่มันยังคงสั่นไหวหนักยิ่งกว่า

Earthing วิธีพาใจกลับมาจากความตื่นตระหนกหลังภัยพิบัติ ด้วยการหา ‘แกน’ ให้ตัวเองผ่านพลังงานของธรรมชาติ

แม้การเผชิญกับอารมณ์เชิงลบจะเป็นสิ่งที่ยาก แต่การยอมรับความรู้สึกทั้งด้านบวกและลบ คือส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์ บางครั้งการเก็บกดความรู้สึกมากเกินไป อาจยิ่งทำให้ปัญหาภายในใจรุนแรงขึ้น ซึ่งส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์และสุขภาพจิตในระยะยาว

ทำไมบางครั้งเราถึงรู้สึกไม่ดีกับเพื่อนที่มองโลกบวกตลอดเวลา? พลังบวกเชิงลบจาก ‘Toxic Positivity’ การมองโลกในแง่ดีมากเกินไปในทุกสถานการณ์ จนละเลยอารมณ์เชิงลบของตนเองและผู้อื่น

ในช่วงเวลาวันหยุดยาวที่หลายคนต้องเดินทางกลับบ้าน ต้องพบปะญาติพี่น้อง สมาชิกในครอบครัวอีกครั้ง แม้คำว่า ‘ครอบครัว’ โดยทั่วไปจะฟังดูอบอุ่น เป็นโซนปลอดภัย แต่สำหรับบางคน คำๆ นี้อาจไม่ได้ง่ายดายแบบนั้น เมื่อการต้องเจอสมาชิกในครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตากันหลายๆ คน หลายๆ วัน อาจกลายเป็นเหมือน ‘ฝันร้ายวันรวมญาติ’ ที่สร้างความรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจให้มากกว่า จนอยากหนีไปไกลๆ และอยากให้มันจบลงเร็วๆ เลยทีเดียว 

My Family v My Boundary เมื่อวันรวมญาติไม่ได้น่ารักเสมอไป เราจะเซ็ต ‘ขอบเขต’ ระหว่างตัวเองกับครอบครัวอย่างไรให้ใจไม่หงุดหงิด และความสัมพันธ์ในครอบครัวยังราบรื่น

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Relationship

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS