บ่อยครั้งที่คนระบายมีเรื่องอยากพูดเต็มไปหมด โดยไม่ได้ถามไถ่อีกฝ่ายว่าเรื่องราวที่กำลังจะถาโถมเข้ามานั้นผู้ฟังเขา ‘พร้อมรับ’ หรือเปล่า และนี่เองคือสิ่งที่เรียกว่า Trauma Dumping หรือการโยนปัญหาและความทุกข์ใส่อีกคนแบบที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว และไม่ได้คำนึงถึง Boundary ของอีกฝ่าย

Trauma Dumping การเอาความทุกข์โยนใส่คนอื่น ซึ่งทั้งไม่แฟร์ และ Toxic ต่อความสัมพันธ์

เวลาเจอวันแย่ๆ เชื่อว่าสิ่งแรกที่หลายคนมักจะนึกถึงอาจเป็นการได้ ‘ระบาย’ ออกมาให้ใครสักคนรับฟัง เพื่อให้เรื่องหนักหนาที่เราเจอถูกมองเห็น และได้รับการปลอบประโลมจากใครอีกคน&nbsp;แต่บ่อยครั้งที่คนระบายมีเรื่องอยากพูดเต็มไปหมด โดยไม่ได้ถามไถ่อีกฝ่ายว่าเรื่องราวที่กำลังจะถาโถมเข้ามานั้นผู้ฟังเขา ‘พร้อมรับ’ หรือเปล่า และนี่เองคือสิ่งที่เรียกว่า Trauma Dumping หรือการโยนปัญหาและความทุกข์ใส่อีกคนแบบที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว และไม่ได้คำนึงถึง Boundary ของอีกฝ่าย ในเว็บไซต์ Verywellmind นักจิตบำบัดได้อธิบายว่า Trauma Dumping นั้นแตกต่างจากการแชร์สารทุกข์ที่แฟร์และเฮลธ์ตี้ทั้งผู้ระบาย-ผู้รับ เพราะมันแฝงเซ้นส์ของความ ‘คาดหวัง’ การตอบสนองจากอีกฝ่ายมากกว่าการแค่แชร์ต่างคนต่างได้แชร์ทุกข์สุขของกันเเละกันอย่างสมดุล ไม่ได้มาแค่เฉพาะเวลามีปัญหาและต้องการคนปลอบโยนเพียงอย่างเดียว แม้ว่าคนที่เป็นฝ่ายรับฟังปัญหาของคนอื่นอาจจะบอกว่า ‘ไม่เป็นไร ฉันเกิดมาเพื่อโอบกอดทุกคน’ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าการแชร์ปัญหาและความทุกข์อยู่ในระดับที่มากเกินพอดี โดยไม่ได้แคร์ว่าอีกคนจะรู้สึกอย่างไร มันก็อาจนำมาสู่ความ ‘ไม่แฟร์’ และสร้างความ Toxic ในความสัมพันธ์ได้อยู่ดี เพราะถึงอย่างไรบาลานซ์ระหว่างการให้และรับแบบ Give &amp; Take ก็ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในทุกความสัมพันธ์ที่เราไม่ควรลืม &nbsp;ลองสำรวจตัวเองดูว่าคุณเป็น Trauma Dumper ที่ชอบปาความทุกข์ใส่คนอื่น หรือเป็นมนุษย์ที่แชร์ปัญหาอย่างแฟร์ๆ และเฮลธ์ตี้กันนะ!&nbsp;Dump without checking-inนึกจะระบายก็ระบาย ไม่ถามไถ่&nbsp;คำพูดที่ว่า ‘ปัญหาเรามักจะใหญ่กว่าของคนอื่นเสมอ’ นั้นอาจจะจริงสำหรับคนที่ชอบ Trauma Dumping เพราะเมื่อไรก็ตามที่มีปัญหา ก็มักจะต้องการระบายออกเดี๋ยวนั้นแบบรอไม่ได้ นั่นทำให้เขามักจะมาแบบไม่ถูกที่ถูกเวลา ไม่ได้แคร์ Boundary หรือตระหนักว่าควรเคารพ ‘เวลา’ และ ‘พื้นที่’ ของอีกฝ่ายหนึ่งก่อน อยู่ๆ ไม่มีการถามไถ่อีกฝ่ายหนึ่งว่า ‘สะดวก’ รับฟังไหม เช่น นึกจะโทรก็โทร ใส่เรื่องของตัวเองทันที โดยไม่ได้ดูเวลาว่ากี่โมงแล้ว ไม่ได้ถามว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ยุ่งอยู่ หรืออยู่ในอารมณ์ที่พร้อมรับฟังเรื่องของคนอื่นหรือเปล่า และนั่นหมายถึงการลุกล้ำพื้นที่ในความสัมพันธ์ที่สร้างความรู้สึกอึดอัดให้กับคนที่ต้องมาคอยรับฟังได้เหมือนกัน&nbsp;Dump without warningใส่ดีเทลจัดเต็ม ไม่มีการเเจ้งเตือนมนุษย์นัก Dump ประเภทนี้มักจะเล่ารายละเอียดของเรื่องราวแบบจัดเต็ม โดยไม่ได้เกรงว่าเรื่องนั้นจะไปกระทบจิตใจของอีกฝ่ายหนึ่งหรือเปล่า เรื่องราวบางอย่างอาจเป็น Trauma ที่อ่อนไหว เปราะบาง แล้วมันบังเอิญไปสะกิดความทรงจำหรือประสบการณ์ไม่ดีของอีกฝ่ายหนึ่งได้เสมอ ซึ่งนั่นสามารถทำให้ผู้เล่าตกเป็นผู้ก่อ ‘ความรุนแรง’ ทางความรู้สึกและอารมณ์ให้กับผู้รับฟังแบบไม่รู้ตัว ในเมื่อถ้าหากเราต่างก็ไม่ใช่นักจิตบำบัดหรือผู้เชี่ยวชาญที่ถูกฝึกสกิลในการรับฟังเรื่อง Trauma มาแล้ว ความต้านทานของการรับมือกับประสบการณ์ Trauma แต่ละเรื่องของแต่ละคนย่อมไม่เท่ากัน บ่อยครั้งอาจพบว่าพอฝ่ายหนึ่งได้ระบายออกมาจนตัวเบาแล้ว ความหนักอึ้งอันดันนั้นดันมาตกอยู่ที่อีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจเสียอย่างนั้น &nbsp;Dump repetitively&nbsp;มาด้วยเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆเป็นธรรมดาเวลาที่คนเราเผชิญหน้ากับปัญหาใดๆ แล้วจะรู้สึกติดลูปอยู่อย่างนั้น ทำให้อยากกลับไประบายกับใครสักคน แล้วมันก็มักจะเป็นเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ วนๆ ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะปัญหาบางเรื่องอาจต้องใช้เวลาจัดการ ความแตกต่างของการแชร์ปัญหาที่เฮลธ์ตี้กับ Trauma Dumping อยู่ตรงที่คนแชร์เองก็ต้องแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการจัดการปัญหานั้นด้วยเหมือนกัน เพื่อจะได้ไม่ต้องเล่าวน เล่าซ้ำเรื่องเดิมๆ ไปเรื่อยๆ ขณะที่ Trauma Dumping อาจเป็นแค่การ ‘ขอให้ได้ระบาย’ โดยที่ฝั่งผู้เล่าไม่ได้พยายามจะเปลี่ยนแปลงอะไร ไม่ได้เกิดการเรียนรู้จากจุด A ไปจุด B ไม่ได้ Reflect อะไรกลับไปในเรื่องราวหรือปัญหาของตัวเองเลย แค่อยากบ่นไปเรื่อยเปื่อยให้ใครสักคนรับฟัง สิ่งนี้อาจกลายมาเป็นพลวัตรของความสัมพันธ์ Toxic ที่บ่อยๆ เข้า อาจทำให้คนรับฟังรู้สึกเหนื่อยล้าทางอารมณ์ได้Dump in One-way Relationshipsเน้นพูด ไม่เน้นฟังลองสังเกตุตัวเองดีๆ ว่าจริงๆ แล้วเราเองเป็นฝ่ายที่เอาแต่พูดๆ ระบายๆ ฝ่ายเดียวหรือเปล่า เพราะการ Trauma Dumping ที่ไม่มีบาลานซ์ระหว่างคนพูดกับคนฟังมักจะมีเซ้นส์ของความเป็น One-way Relationships หรือความสัมพันธ์ทางเดียวอยู่ในนั้นเสมอ สุดท้ายแล้วอาจพบว่าเรากลับไม่ได้รู้ หรือรู้เรื่องของอีกฝั่งหนึ่งน้อยมาก เพราะไม่ได้เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายหนึ่งได้แชร์เรื่องราวของเขาบ้างเลย&nbsp;Over-sharing Dumperเปิดเผยมากเกินไป&nbsp;เข้าใจได้ว่าหลายครั้งที่เจอปัญหา คนเรามักจะเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ท่วมท้นมากมาย ตัวคนที่ระบายความทุกข์ให้คนอื่นฟังเองก็้เลยอาจไม่ได้ ‘รู้ตัว’ ทั้งหมดว่ากำลังเล่าอะไรไปบ้าง รู้แค่ว่าตอนนั้นมัน Overwhelmed จนอยากพลั่งพลูทุกอย่างออกมาให้มากที่สุด สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังสำหรับมนุษย์นัก Trauma Dumping จึงเป็นการ Over Sharing หรือการเปิดเผยรายละเอียดส่วนตัวบางอย่างที่มากเกินไป เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่เราเล่าหรือเปิดเผยนั้นอาจย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราเอง หรือนำมาสู่ความรู้สึก Shame แบบ ‘ไม่น่าเล่นใหญ่เลย’ ให้กับเราในภายหลังได้&nbsp;อ้างอิง<a href="https://www.instagram.com/p/DB1rQrRs5lj/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.instagram.com/p/DB1rQrRs5lj/</a><a href="https://www.verywellmind.com/what-is-trauma-dumping-do-you-do-it-5205229" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.verywellmind.com/what-is-trauma-dumping-do-you-do-it-5205229</a>

ขณะที่ YOLO เป็นวาทกรรมชั้นดีที่ชวนให้ทุกคนใช้ชีวิตให้สุดเหวี่ยง อยากทำอะไรก็จงทำ แต่ YONO เป็นด้านกลับที่เอาไว้เตือนสติตัวเอง ว่าสำหรับบางอย่างอาจจะลองทำครั้งเดียวก็พอ หรือบางอย่างที่เราไม่ได้ need หรือจำเป็นจริงๆ ก็อาจไม่ต้องใช้เงินไปกับมันก็ได้

YONO : You Only Need Once ไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตแบบประหยัด เพราะคุณอาจได้ใช้ชีวิตแค่หนึ่งครั้ง แต่ก็อาจยังไม่ได้ตายพรุ่งนี้!

โรงแรมอิซุ แมริออท ชูเซ็นจิ (Izu Marriott Shuzenji) ที่จังหวัดชิซูโอกะ เสนอทริปที่คุณสามารถเอาบรรดาของต่างหน้าเมนไปฝากให้ศาลเจ้าในท้องถิ่นช่วยพาไปสู่ที่ชอบๆ แทนได้ แถมยังได้พักผ่อนฮีลใจไปกับออนเซ็นและอาหารแสนอร่อยอีกด้วย

รร. Izu Marriott Shuzenji เสนอแพ็กเกจฮีลใจแฟนคลับที่สูญเสียเมน ท่ามกลางวัฒนธรรมไอดอล ศิลปิน คาแรกเตอร์ ฯลฯ สุดเข้มข้นในญี่ปุ่น

การศึกษาโดยนักมานุษยวิทยาอย่างดอกเตอร์ Helen Fisher พบว่าสารสื่อประสาทหรือฮอร์โมนในสมอง ส่งผลให้ผู้คนมีมุมมองต่อโลกและมีรูปแบบของการรักที่ต่างกันออกไป ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ไทป์หลักๆ ขึ้นอยู่กับฮอร์แมนแต่ละตัวที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนกลไกความคิด ณ ขณะรัก

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Relationship

Trauma Dumping การเอาความทุกข์โยนใส่คนอื่น ซึ่งทั้งไม่แฟร์ และ Toxic ต่อความสัมพันธ์

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS