แต่ละคนมีวิธีการรับมือและจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกที่ยากๆ ของตัวเองไม่เหมือนกัน ‘คนข้างๆ’ ผู้ทำหน้าที่ปลอบประโลมจึงจำเป็นที่ต้องรู้ว่าการอยู่ข้างๆ ต้องอยู่แบบใด แบบไหนถึงจะซัพพอร์ตคนข้างเราที่กำลังเผชิญอารมณ์ยากๆ อยู่ได้ดีที่สุด

Helped, Hugged or just Heard? 
เมื่อบางครั้งการปลอบประโลมที่ดีที่สุด 
คือการแค่ ‘อยู่ตรงนั้น’ โดยไม่จำเป็นต้องพยายามคิดแทน หรือยื่นมือเข้ามาแก้ปัญหาเสมอไป 

เชื่อว่าแต่ละคนมีวิธีการรับมือและจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกที่ยากๆ ของตัวเองไม่เหมือนกัน บางคนอาจต้องการร้องไห้ บางคนถนัดพรั่งพรูความอัดอั้นด้วยการพูดมันออกมา บางคนต้องการแรงฮึดเพิ่มกำลังใจ หรือบางคนอาจแค่ต้องการนั่งอยู่ในโมเมนต์นั้นเงียบๆ กับใครสักคนที่รู้สึกปลอดภัยด้วยวิธีจัดการอารมณ์ของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันเลยนี้เอง ‘คนข้างๆ’ ผู้ทำหน้าที่ปลอบประโลม จึงกลายเป็นงานที่ดูเหมือนจะง่าย แต่จริงๆ แล้วไม่ง่ายเลยสักนิด แถมน่าจะยากท่ีสุดอีกด้วย เมื่อคำถามต่อไปของมนุษย์ผู้ทำหน้าที่ปลอบประโลมคือ แล้วการอยู่ข้างๆ ต้องอยู่แบบใด แบบไหนถึงจะซัพพอร์ตคนข้างเราที่กำลังเผชิญอารมณ์ยากๆ อยู่ได้ดีที่สุดกันนะ &nbsp;เพราะหลายครั้งที่เราอาจพบว่า การปลอบประโลมด้วยความหวังดี ถึงจะดีชนิดที่เรียกว่าออกมาจากก้นบึ้งหัวใจอย่างไร หากผู้รับไม่พร้อมรับ ผู้ให้ให้ไม่ถูกที่ถูกเวลา ความหวังดีนั้นก็อาจแปรเปลี่ยนเป็นมีดคมๆ หรือระเบิดลูกใหญ่ๆ ที่พร้อมทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่ง และอาจทำให้สถานการณ์ที่ยากอยู่แล้ว ยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิมได้เหมือนกัน&nbsp;เราเจอคอลัมน์หนึ่งใน New York Times ที่พูดถึงเรื่องนี้ไว้น่าสนใจว่า จริงๆ แล้วการปลอบประโลมคนที่เรารักขณะเขากำลังเผชิญอารมณ์ยากๆ นั้น สามารถทำได้หลากหลายทางและมีหลายออปชันให้เลือกมากกว่าที่คิด หลักคิดง่ายๆ เบื้องต้นก็คือการตั้งคำถามกับตัวเองต่อสถานการณ์ก่อน ว่าเราควรจะ ‘Helped, Hugged or just Heard?’ หมายถึงการที่เราจะ ‘ช่วยเหลือ โอบกอด หรือแค่รับฟัง’ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว&nbsp;มีงานวิจัยมากมายที่ยืนยันว่าการกอดและการถูกกอดโดยคนที่เรารู้สึกสบายใจ เพิ่มการหลั่งสาร Oxcytoxin หรือฮอร์โมนที่ช่วยสร้างความอบอุ่น ผูกพัน และช่วยลดระดับความเครียดในร่างกายได้อย่างเหลือเชื่อ เช่นเดียวกับที่การถูกรับฟัง ‘อย่างใส่ใจ’ หรือการพูดคุยในระดับ Intimate Talk ช่วยลดการตั้งการ์ดและกำแพงของเราที่ก่อขึ้นไว้ตั้งรับเวลาเจอความรู้สึกยากๆ ให้ซอฟต์ลงได้ ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละทางเลือกที่กล่าวมาต้องอาศัยทักษะสำคัญในตัวเราอย่าง ‘ความเห็นอกเห็นใจ’ อย่างจริงใจเช่นเดียวกันดร.อลิซเบธ อีสตัน (Dr. Elizabeth Easton) ผู้อำนวยการแผนกจิตบำบัดศูนย์ Pathlight Mood and Anxiety Center ในเดนเวอร์ บอกว่าการ ‘เลือก’ วิธีปลอบประโลมที่เหมาะกับแต่ละอารมณ์นั้นสำคัญมาก ยกตัวอย่างเช่น การช่วยยืนยันให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกมั่นใจขึ้น อาจใช้ได้กับคนที่กำลังตกอยู่ในภาวะวิตกกังวล แพนิก หรือรู้สึกไม่มั่นคงทางจิตใจได้ แต่กับคนที่กำลังโมโหหรือมีอารมณ์พลุ่งพล่านอยู่ หากใช้การปลอบโยนด้วยวิธีนี้ก็อาจยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดฉุนเฉียวหนักขึ้นได้ และสุดท้ายความปรารถนาดีของเราอาจกลายเป็นการ ‘ยัดเยียด’ อะไรบางอย่างให้อีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่รู้ตัว&nbsp;“ฉันมักจะบอกคนที่มาปรึกษาฉันเสมอว่า เฮ้ ฟังนะ อย่าคิดเอาเองว่าเป็นเพราะคุณต้องการการโอบกอดหรือการให้ใครเข้ามาช่วยแก้ปัญหา แล้วอีกฝ่ายหนึ่งเขาจะต้องการมันเหมือนคุณด้วยน่ะ” เจดา แจ็คสัน (Jada Jackson) นักให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตในดัลลัส กล่าว “แม้แต่กับชีวิตคู่ของฉันเอง ฉันก็มักจะบอกสามีเสมอว่า ไม่จำเป็นต้องพยายามที่จะแก้ไขอะไรตลอดเวลาหรอก บางครั้งฉันก็แค่ต้องการระบายมันออกมาเท่านั้นเอง”&nbsp;เป็นเรื่องเข้าใจได้ที่ธรรมชาติของมนุษย์ ‘นักแก้ปัญหา’ มักจะหาทางซ่อมสิ่งต่างๆ อยู่เสมอ แต่ในบางครั้งมนุษย์เหล่านี้ก็ใช้การปลอบประโลมเป็นเหมือนการตอบสนองความพึงพอใจของตัวเอง โดยที่อาจลืมเอาความรู้สึกของอีกฝ่ายเป็นที่ตั้งเหมือนกัน ข้อนี้เป็นความจริงที่ยืนยันได้ในทางจิตวิทยา อย่างงานวิจัยชิ้นหนึ่งในปี 2018 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Personality and Social Psychology Bulletin ซึ่งพบว่าคนที่ชอบให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา หรือพยายามช่วยคนอื่นแก้ปัญหาอยู่ตลอดเวลา มักจะมีจุดร่วมเดียวกัน นั่นคือความรู้สึกว่ามันเติมเต็ม ‘อำนาจ’ บางอย่างในตัวเอง และการได้รับฟีดแบ็กอันไม่น่าพึงพอใจใดๆ จากอีกฝ่ายหนึ่ง เนื่องจากเขาไม่ได้ต้องการขอคำแนะนำนั้นๆ ก็สามารถทำให้มนุษย์นักแก้ปัญหายิ่งเกิดอาการนอยด์ได้ง่ายด้วยเป็นความจริงที่ว่าบางครั้งคนที่กำลังอยู่ในภาวะอารมณ์ยากๆ อาจแค่ต้องการ ‘ปล่อยให้ความเสียใจได้ทำงาน’ ใช้เวลานั่งอยู่กับอารมณ์ทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นตรงนั้น จนกว่าจะถึงเวลาใดเวลาหนึ่งที่เขาพร้อมจะมูฟออน หรือพร้อมจะแก้ปัญหาก็เท่านั้นเองในทางกลับกัน หากเป็นเราที่กำลังเผชิญกับอารมณ์ความรู้สึกยากๆ ก็อาจต้องลองกลับมารีเช็กกับตัวเองก่อนเหมือนกันว่าเราต้องการอะไรในเวลานี้ เพราะหากการวิ่งไปหาใครเพื่อหวังว่าเขาจะช่วยปลอบประโลมความรู้สึก แต่สุดท้ายกลับได้รับการรีแอ็กในแบบที่ไม่ตรงความคาดหวัง หนักกว่านั้นคือการไม่เข้าใจ หรือเมินเฉยต่อความรู้สึกของเรา นั่นจะยิ่งทำให้ความรู้สึกท่ียากอยู่แล้วยิ่งแย่ลงกว่าเดิมหรือเปล่าผู้เชี่ยวชาญบอกว่า สุดท้ายแล้วไม่มีการปลอบประโลมแบบไหนหรอกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน การจะค้นหาว่าช้อยส์ไหนคือการปลอบประโลมที่ ‘ดีพอ’ และ ‘พอดี’ ที่สุด ก็คือการถามคนข้างๆ ที่เราแคร์ไปตรงๆ เลยว่าเขาต้องการอะไร ให้ช่วยแก้ปัญหา ให้กำลังใจ โอบกอด รับฟัง ซับน้ำตา หรือแค่ให้เราช่วย ‘อยู่ตรงนั้น’ ข้างๆ ก็พอ&nbsp;นอกจากวิธีนี้จะช่วยให้เราไม่ทึกทักหยิบยื่นความปรารถนาดีแบบผิดท่ีผิดทางแล้ว มันยังแฝงเซนส์ของการ ‘ขออนุญาต’ อีกฝ่ายในการที่เราจะเข้าไปปลอบประโลมเขาอย่างจริงใจด้วย และนี่แหละคือหัวใจสำคัญของการมี Emphathy ต่อคนอื่นนั่นเองอ้างอิงhttps://www.nytimes.com/2023/04/07/well/emotions-support-relationships.html<a href="https://mirrorthailand.com/self/mind/101680" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://mirrorthailand.com/self/mind/101680</a>

ภาพถ่าย คือเครื่องมือหนึ่งที่เกิดมาเพื่อบันทึกความทรงจำของมนุษย์ก็จริง แต่ในบางเวลาภาพถ่ายแห่งความทรงจำก็สร้างความเจ็บปวดให้กับเราได้มากมาย จนเชื่อว่าหลายคนอยากลบภาพนั้นทิ้งไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ต้องยอมสูญเสียความทรงจำ ‘ส่วนที่ดี’ ทิ้งไปพร้อมกันด้วยอย่างน่าเสียดาย

ลบไม่ได้ช่วยให้ลืม แต่ช่วยบรรเทาความเศร้าได้! งานของกลุ่ม ‘พ่อมดนักโฟโต้ช็อป’ แห่งเว็บไซต์ Reddit ผู้รับจ้างสร้างความทรงจำใหม่ๆ จากภาพถ่ายอันเจ็บปวด

แน่นอนว่าการเลิกราย่อมทิ้งร่องรอยบางอย่างให้กับคนในความสัมพันธ์นั้นๆ ไว้ได้เสมอ และหากพูดถึงการอกหักจากความสัมพันธ์ที่คนใดคนหนึ่งเลือกที่จะ ‘นอกใจ’ อีกคนด้วยแล้ว สิ่งที่เหลือทิ้งไว้นอกเหนือจากความเจ็บปวดเสียใจ และความรู้สึกของการสูญเสีย ก็คือความรู้สึกสงสัยใน ‘คุณค่า’ ของตัวเองที่อาจสร้างความเสียศูนย์ให้กับชีวิตที่เหลือของเราได้ไม่น้อยเลย

“การถูกนอกใจ ไม่ใช่ความผิดของคุณ” บทเรียนจากความสัมพันธ์ของ Hunter Schafer ที่จบลงด้วยการถูกนอกใจ และการกลับมาเห็นคุณค่าในตัวเองอีกครั้ง 

‘Boyfriend Air' เมื่อผู้หญิงหลายคนมีกิจวัตร จนถึงความชอบเปลี่ยนไป หลังจากคบกับแฟนหนุ่ม นี่คือปรากฏการณ์ที่บรรยากาศรอบตัวและตัวตนของแฟนสาว แปรผันไปตามแฟนหนุ่มที่คบด้วย

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

PR-NEWS

Relationship

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS