เมื่อชีวิตต้องเจอกับความรู้สึก ‘ติดขัด’ ในความสัมพันธ์ เราเชื่อว่าหลายคนล้วนแต่มีความพยายามอย่างมากที่จะค้นหาต้นตอของความติดขัดนั้นว่ามันเกิดขึ้นจากอะไรกันแน่ แต่จะมีสักกี่ครั้งที่พบว่าต้นตอของความติดขัด อาจไม่ได้มาจากปัจจัยภายนอก แต่มีสาเหตุมาจาก ‘การเลือก’ ของเราเองโดยไม่รู้ตัว

‘Groundhogging’ การเลือกคบคนแบบเดิม ที่ทำให้ติดอยู่ในลูปของความสัมพันธ์รูปแบบเดิมๆ ตอกย้ำให้ยิ่งเจอปัญหา และมูฟออนไปไหนไม่ได้ 

เมื่อชีวิตต้องเจอกับความรู้สึก ‘ติดขัด’ ในความสัมพันธ์ เราเชื่อว่าหลายคนล้วนแต่มีความพยายามอย่างมากที่จะค้นหาต้นตอของความติดขัดนั้นว่ามันเกิดขึ้นจากอะไรกันแน่ แต่จะมีสักกี่ครั้งที่พบว่าต้นตอของความติดขัด อาจไม่ได้มาจากปัจจัยภายนอก แต่มีสาเหตุมาจาก ‘การเลือก’ ของเราเองโดยไม่รู้ตัวคำที่น่าจะอธิบายถึงที่มาของภาวะติดขัดในความสัมพันธ์นี้ได้ดีที่สุดน่าจะเป็นคำว่า ‘Groundhogging’ ซึ่งหมายถึงการที่เราเลือกเดต และเลือกมีความสัมพันธ์กับคนในลักษณะ ‘คล้ายเดิม’ ซ้ำๆ แม้ว่าความสัมพันธ์กับคนในลักษณะนี้ที่ผ่านมาจะไม่เคยเวิร์กเลยก็ตาม แต่เราก็ยังยืนยันว่าจะเลือกคนแบบนี้ กับความสัมพันธ์รูปแบบนี้อยู่ตลอดคำคำนี้มีที่มาจากหนังชื่อว่า Groundhog Day เมื่อปี 1993 ว่าด้วยตัวละครพระเอกผู้ตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองติดอยู่ในวันและเวลาเดิมที่ทำให้ต้องพบเจอกับเหตุการณ์ซ้ำๆ และผู้คนเดิมๆ วนลูปอยู่อย่างนั้นไม่รู้จบสิ้นจนแทบบ้าและไอเดียของความสัมพันธ์แบบ Groundhogging นี้เองที่สื่อถึงความไร้ประโยชน์ ไร้แก่นสารของการที่เราเลือกคบคนแบบเดิมๆ แต่กลับคาดหวังว่าผลลัพธ์ของความสัมพันธ์นั้นจะออกมาในแบบที่ต่างออกไป ซึ่งนั่นย่อมเป็นไปไม่ได้&nbsp;หลายคนอาจเถียงว่า ‘ก็ฉันชอบคนแบบนี้ ก็เคมีมันตรงกัน แล้วมันผิดตรงไหนที่จะเลือกคบคนแบบที่เราชอบ’ จริงๆ แล้ว ต้องบอกก่อนว่าการเดตและความสัมพันธ์แบบ Groundhogging ไม่ได้เป็นเรื่องผิดอะไรเลยตราบใดที่เรายังรู้สึก ‘มีความสุขดี’ ในความสัมพันธ์ (โดยต้องไม่หลอกตัวเองนะ!) แต่หากระหว่างทางของความสัมพันธ์เริ่มเกิดความสับสน เกิดคำถาม เกิดความสงสัยทั้งในตัวเราเอง ในคนคนนั้น และในความสัมพันธ์ขึ้นมาเมื่อไร สุดท้ายพบว่าความสัมพันธ์นี้ดำเนินไปตามแพตเทิร์นเดิม หรือลงเอยแบบเดิมๆ ที่เราไม่โอเคอีกแล้ว และอยากจะหลุดออกจากลูปความสัมพันธ์แบบนี้เสียที เมื่อนั้นแหละที่อาจถึงเวลาต้องกลับมาคุยกับตัวเองแล้วว่า เพราะเหตุใดเราถึงมักจะ ‘เลือก’ คน และความสัมพันธ์แบบนี้ ที่มาพร้อมกับ ‘ผลลัพธ์’ แบบนี้อยู่ตลอดเวลา&nbsp;โชคดีว่าวิธีการหาทางออกไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้น เว็บไซ์ต์ Psychologytoday ซึ่งวิเคราะห์เรื่องนี้บอกว่า การจะเอาชนะลูปของ Groundhogging อาจเริ่มจากกลับมาทำความเข้าใจตั้งแต่เริ่มแรกกับตัวเองก่อนว่า ไทป์ของคนที่เราเลือกคบนั้นมักจะเป็นแบบไหน ตั้งแต่รูปลักษณ์ภาพนอก นิสัยใจคอ รสนิยมความชอบ ไปจนถึงรายละเอียดต่างๆ ที่พอจะนึกได้ จากนั้นก็มาดูว่ารูปแบบความสัมพันธ์ที่เราต้องการเป็นอย่างไรกันแน่ แล้วลองสังเกตตัวเองว่าทุกครั้งที่เราเลือกคบกับคนแบบนี้ ความสัมพันธ์ที่เราเจอมันออกมาเป็นแบบไหน และพลวัตของความสัมพันธ์ที่มักจะเกิดขึ้นนั้นเป็นอย่างไรหลังจากใคร่ครวญกับประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาต้องมาดูว่าคน กับความสัมพันธ์ที่เราอยากจะเจอต่อไปหน้าตาเป็นอย่างไร และทำไมเราถึงต้องการแบบนั้น วิธีนี้จะช่วยให้เราสังเกตตัวเองว่ากำลัง ‘ยึดติด’ รูปแบบของคนกับความสัมพันธ์เหล่านี้เกินไปไหมเพราะเป็นเรื่องสำคัญมากที่เราจะทำความเข้าใจกับ ‘ความต้องการ’ ของตัวเองก่อน ไม่ว่าอิทธิพลของความต้องการนั้นๆ จะมาจากตัวเราเองแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือเป็นไปได้ว่ามีอิทธิพลมาจากความคาดหวังของสังคม อิทธิพลจากครอบครัว จากการเติบโต จากสิ่งแวดล้อม หรือจากประสบการณ์ที่เราเจอมา ที่ทำให้เราอาจจะอยากฝังตัวเองอยู่แต่ใน ‘Comfort Zone’ ไม่กล้าที่จะมองหาความเป็นไปได้อื่นๆ ในการจะลองคบกับคนที่มีไทป์แตกต่างออกไป หรือมีความสัมพันธ์ในรูปแบบอื่นๆ ที่หลากหลายมากขึ่้นการถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้จะช่วย Reflect ให้เราเห็นชัดเจนขึ้นมาได้ว่า เพราะเหตุใดเราถึงเจอกับเหตุการณ์ หรือความติดขัดในความสัมพันธ์อย่างที่เป็นอยู่&nbsp;<ul><li>เรามักจะเจอความขัดแย้งเรื่องเดิมๆ ในความสัมพันธ์ หรือมักจะจบความสัมพันธ์ด้วยเหตุผลเดิมๆ หรือไม่ เหตุผลนั้นคือเรื่องอะไร&nbsp;</li><li>ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาทำให้เรารู้สึกอย่างไร และอะไรที่เราจะเรียนรู้ในความสัมพันธ์ครั้งต่อไปได้บ้าง</li><li>มีอะไรบ้างที่เราต้องเปลี่ยน ในแง่ของความคาดหวังที่เราต้องการจากคนที่จะคบ</li><li>อะไรที่เราสามารถยืดหยุ่นได้ อะไรที่ยืดหยุ่นไม่ได้เลยในความสัมพันธ์ แล้วการยืดหยุ่นได้หรือไม่ได้ในเรื่องนั้นๆ สามารถปรับ หรือขยับธงอะไรได้ไหม&nbsp;</li><li>อะไรคือคุณค่าสำคัญที่เรายึดถือ แล้วความสัมพันธ์ของเราจะตอบสนองคุณค่านั้นได้หรือเปล่า</li><li>มีสิ่งไหนที่จะเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์ หรือทำให้ความสัมพันธ์ไปไม่รอดบ้าง&nbsp;</li></ul>นักจิตวิทยา ดร.มาร์ค ทราเวอร์ส (Mark Travers, Ph.D.) ผู้เขียนบทความเรื่องนี้มองว่า การที่คนเราเลือกเดต หรือคบคนที่มีรูปแบบคล้ายเดิมซ้ำๆ อาจมาจากความรู้สึกปลอดภัยกับสิ่งที่คาดเดาได้ ถึงความสัมพันธ์ครั้งก่อนๆ จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ยังมีความหวังว่าความสัมพันธ์ครั้งต่อไปกับคนใหม่จะช่วยแก้ไขความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น หรือช่วยเยียวยาบาดแผลที่คนเก่าเคยสร้างเอาไว้ได้ พูดง่ายๆ ก็คือคาดหวังว่าคนกับรูปแบบความสัมพันธ์ที่คุ้นชินจะช่วยเติมเต็มรูโหว่ในใจได้บ้างนั่นเอง&nbsp;อีกหนึ่งปัจจัยใหญ่ที่ทำให้คนส่วนใหญ่มักติดอยู่กับความสัมพันธ์รูปแบบเดิมๆ ก็คือพื้นฐานความรักที่เคยได้รับในวัยเด็ก เช่น คนที่พยายามเปลี่ยนความสัมพันธ์ร้ายๆ จากคนร้ายๆ ให้กลายเป็นความรักดีๆ เป็นความสัมพันธ์ที่มั่นคง ก็อาจเกิดจากบาดแผล ความเจ็บปวด หรือประสบการณ์ความรักจากครอบครัวที่ไม่เฮลตี้นักในวัยเด็กได้เหมือนกัน &nbsp;เพื่อหยุดวังวงของความสัมพันธ์แบบ Groundhogging ก่อนอื่นเลยเราอาจต้องเลิกเชื่อความคิดบางเรื่อง เช่นแค่เพียงความรักที่มากพอเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำให้ความสัมพันธ์ไปรอดได้แล้ว หรือความเชื่อที่ว่าแค่คนสองคนมีความอดทนต่อด้านที่ไม่ดีของกันและกันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ความสัมพันธ์มันเวิร์ก มากกว่าจะพยายามปรับความเข้าใจกันเพื่อแก้ปัญหาหรือเปลี่ยนแปลงข้อบกพร่องของแต่ละคน&nbsp;และอีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยให้ก้าวขาออกจากลูปของ Groundhogging ได้ คือการลองเปิดโอกาสตัวเองให้ออกไปเจอความสัมพันธ์ใหม่ๆ คนใหม่ๆ ในไทป์อื่นๆ ออกจากวงหรือกลุ่มคนที่คุ้นชินบ้าง แม้ว่านอก Comfort Zone นี้ เราอาจต้องทำใจว่าจะไม่ได้เจอคนที่แมตช์กับจริตของเราไปเสียทั้งหมดก็ตาม&nbsp;สิ่งสำคัญที่นักจิตวิทยาแนะนำก็คือ เมื่อเราตั้งธงเอาไว้ในใจแล้วว่าเรื่องไหนในความสัมพันธ์ที่เราโอเค รับได้ เรื่องไหนไม่ได้ ก็จง ‘เคารพ’ ธงนั้นด้วย ธงที่ตั้งไว้นี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เรายึดติดกับความสัมพันธ์หรือคนที่รู้ทั้งรู้ว่า ‘ไม่ใช่’ แต่ยังฝืนไปต่อ เพียงเพราะเขาเป็นไทป์มนุษย์แบบที่เราชอบ ที่เราตามหา จนสุดท้ายทำให้ไม่กล้าออกมาจากความสัมพันธ์ด้วยความกลัวว่าจะหาใครที่ตอบสนองคุณค่า และความต้องการของเราไม่ได้เหมือนคนคนนั้นอีกแล้ว &nbsp;เมื่อไรก็ตามที่เราให้คุณค่าตัวเอง แยกออกมาจากเรื่องของความสัมพันธ์ เมื่อนั้นเราจะสามารถรับมือกับความกลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว เป็นโสด หรือใช้ชีวิตลำพังโดยไม่จำเป็นต้องมีใครๆ ได้ และสิ่งนี้เองจะช่วยเรารู้สึกมั่นคงในตัวเอง โดยไม่ต้องวิ่งตามหาความรักความสัมพันธ์ที่ไม่ได้เติมเต็มคุณค่าอะไรให้กับชีวิต แถมบางครั้งยังอาจลดทอนคุณค่าในตัวเรามากกว่าเดิมด้วยอย่าลืมว่าสุดท้ายแล้ว ‘เคมี’ ที่เข้ากัน ก็ไม่ได้หมายความว่า ความสัมพันธ์นั้นจะเข้ากันได้ เพราะฉะนั้น เราอาจต้องกลับมาให้ความสำคัญกับตัวเองเป็นอันดับแรก เลือก Self-respect และ Boundary ตัวเองก่อนเสมอ หนทางนี้เองที่น่าจะช่วยให้มีโอกาสพบกับความสัมพันธ์ที่เฮลตี้ดีต่อใจอย่างแท้จริงได้&nbsp;อ้างอิงhttps://www.psychologytoday.com/us/blog/social-instincts/202407/2-ways-to-save-your-love-life-from-groundhogging<a href="https://adaymagazine.com/groundhog-day/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://adaymagazine.com/groundhog-day/</a>

เมื่อวันหนึ่งเขาหรือเธอเจอคนที่ใช่ ตัดสินใจแต่งงาน สร้างครอบครัวด้วยแล้ว  สถานะ ‘เพื่อนสนิท’ ของเรากับเพื่อนก็จะปรากฏเส้นบางๆ ที่มองไม่เห็นขึ้นมาทันที แล้วมันพอจะเป็นไปได้บ้างไหมที่เราจะยังรักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนชายคนเดิมเอาไว้ในรูปแบบความสัมพันธ์ ‘Non-romantic Platonic Relationship’ ที่แค่เป็น Support ให้แก่กัน โดยไม่ต้องมีเรื่องโรแมนติกหรือเรื่องเซ็กซ์เข้ามาเกี่ยวข้อง

ทำไมยิ่งโต ความสัมพันธ์กับเพื่อนชาย-หญิง ยิ่งดูเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายเจอคนที่ใช่ และอยู่ในเงื่อนไขของการแต่งงานแล้ว

เหตุผลที่ผู้หญิงยุคนี้หันมาพูดกันตรงๆ ว่า “ฉันชอบเกย์” เกิดขึ้นท่ามกลางการตระหนักรู้ถึงเรื่องความหลากหลายทางเพศ ที่สังคมรณรงค์กันอยู่เรื่อยๆ ว่าทุกความรักเกิดขึ้นได้ และไม่จำกัดเพศ ดังนั้น ถ้าผู้หญิงจะแอบชอบเกย์สักคน ก็นับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน

“ก็เกย์มันน่ารักอะ!” ผู้หญิงบางคนตกหลุมรักเกย์ ที่แม้จะเป็นรักข้างเดียวและพัฒนาได้ยาก แต่ความสบายใจและความรู้สึกปลอดภัยก็ทำให้หวั่นไหวได้ทุกที

หากลองเสิร์ชว่า ‘ไม่ตอบแชต แต่ดูสตอรี่’ ก็จะพบว่าพฤติกรรมนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การบ่นไปเรื่อยเปื่อย แต่มันคือ Pain Point ที่ทำให้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกไม่เฮลตี้ต่อใจเอาเสียเลย และสามารถอธิบายในทางจิตวิทยาว่าเป็นอีกรูปแบบหนึ่งในการแสดงท่าทีของความสัมพันธ์ที่ไม่ต้องการ ‘ผูกมัด’ ได้เหมือนกัน 

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

PR-NEWS

Relationship

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS