‘Micro-Cheating’ พฤติกรรมนอกใจเล็กๆ ที่ทำให้หลายคู่จบความสัมพันธ์ลง โดยไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า กำลังนอกใจ แต่คนทำรู้อยู่แก่ใจว่ากำลังอ่อย กำลังหยอด หรือมีใจให้อีกคนอยู่

แค่หยอดๆ อ่อยๆ แต่ไม่ได้นอกใจจริงๆ (?) Micro-Cheating พฤติกรรมที่บางครั้ง ก็พูดว่านอกใจได้ไม่เต็มปาก แต่สั่นคลอนความสัมพันธ์ได้เต็มๆ

กดหัวใจสตอรี่ไอจีให้คนคนหนึ่งอยู่บ่อยๆ ส่งข้อความชื่นชมอีกคนอย่างหวานซึ้ง พูดจาคะขากับอีกฝ่ายเป็นพิเศษ หรือหยอกล้อกันแนวทีเล่นทีจริงผ่านคอมเมนต์ และถึงเนื้อถึงตัวกันในชีวิตจริง กระทั่งทรีตอีกคนอย่างเอาใจใส่ เป็นห่วงเป็นใย หรือสนิทสนมกันจนดูเกินเพื่อน ฯลฯ แต่ไม่ได้ทำพฤติกรรมอะไรที่สามารถพูดได้เต็มปากว่า&nbsp;<a href="https://www.mirrorthailand.com/tags/%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%88" rel="noopener noreferrer" target="_blank">‘นอกใจ’</a>&nbsp;คนรักของตัวเองอยู่นะ…ไม่ว่าจะเป็นคุณเสียเองที่กำลังมีพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ หรือเป็นแฟนของคุณที่กำลังมีพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ ถ้าลึกๆ แล้วคุณ หรือเขา ทำไปเพราะมีความรู้สึกดีเชิงโรแมนติก หรือทางเพศกับอีกฝ่ายที่ไม่ใช่แฟน (ไม่ว่าจะมากหรือน้อยแค่ไหน) หรือกระทั่งชอบหว่านเสน่ห์เป็นสีสันชีวิต แต่ก็ไม่ได้อยากจะจบความสัมพันธ์กับแฟนลงด้วยการนอกใจอย่างเป็นรูปธรรม ไม่แน่ว่า นี่อาจเป็นสัญญาณที่เข้าข่าย ‘Micro-Cheating’ หรือพฤติกรรมนอกใจเล็กๆ ที่ทำให้หลายคู่จบ<a href="https://www.mirrorthailand.com/tags/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B9%8C" rel="noopener noreferrer" target="_blank">ความสัมพันธ์</a>ลงมานักต่อนัก ต้องบอกก่อนว่า ค่อนข้างยากที่จะบอกว่าใครมีพฤติกรรม Micro-Cheating อยู่ เนื่องจากแต่ละคู่มีนิยาม และเส้นขอบเขตว่าแบบไหน คือ การนอกใจอยู่ต่างกัน บางคู่รับได้ที่แฟนชอบทำแบบนั้น แต่สำหรับบางคู่ก็มองว่าทำแบบนี้มันสั่นคลอนความเชื่อใจอยู่มากก็มี หรือกระทั่งบางคนอาจทำไปเพราะเฟรนด์ลี่ ไม่ได้คิดอะไรจริงๆ ว่าพฤติกรรมของตัวเองจะทำให้แฟนรู้สึกไม่มั่นคงทางอารมณ์ หรือจะถูกสงสัยว่ากำลังนอกใจอยู่ แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดของ Micro-Cheating คือ “รู้อยู่แก่ใจ” ใช่ค่ะ คุณจะรู้อยู่แก่ใจว่าพฤติกรรมที่ทำนั้นมีนัยซ่อนเร้นหรือเปล่า และถ้ารู้อยู่แก่ใจว่าแอบอ่อย แอบหยอด หรือสนใจอีกคนที่ไม่ใช่แฟน นั่นหมายความว่าคุณกำลัง ‘แอบ’ นอกใจอยู่ลึกๆ และคุณก็รู้ดี เพียงแต่ไม่อยากขึ้นชื่อว่าคนนอกใจก็เท่านั้น “เมื่อคุณให้ความสนใจเป็นพิเศษกับคนอื่น และแชร์เรื่องต่างๆ อย่างใกล้ชิดกับเขามากเกินไป นี่คือจุดที่มันจะก้าวข้ามขอบเขตไปสู่ การนอกใจเล็กๆ เพราะเรากระตือรือร้นที่จะแสวงหาการเติมเต็มนอกความสัมพันธ์” Claudia de Llano นักบำบัดคู่แต่งงานและครอบครัวกล่าว และชวนให้คนที่สงสัยในตัวเองอยู่ว่ากำลัง Micro-Cheating อยู่ไหม ลองถามตัวเองกันดู ในกรณีที่เราเป็นคนที่กำลังสงสัยว่าแฟนมีพฤติกรรม Micro-Cheating ก็นับเป็นอะไรที่อ่านเกมออกได้ยาก ว่าเรากำลังเข้าใจสถานการณ์ผิด เพราะมันอาจจะไม่ได้มีอะไรจริงๆ ก็ได้ หรือเข้าใจมันถูกแล้ว ว่าเขารู้สึกพิเศษกับคนอื่น บางครั้งแฟนของเราอาจพยายามยืนยันว่าเขากับอีกคนเป็นเพียงคนสนิทกัน ไม่ได้มีการข้ามเส้นกัน หรือบอกว่าเราคิดมากไปเอง ซึ่งการที่เรามานั่งทบทวนว่าตัวเองคงคิดมากไปเอง หรือพยายามไม่หึงเขา ทั้งที่ลึกๆ เรากำลังสงสัยอยู่ โดยที่ปัญหานี้ไม่ได้เกิดการพูดคุย หรือหาจุดตรงกลาง และจับมือแก้ไขเรื่องนี้ไปด้วยกัน นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของความเชื่อใจที่จะค่อยๆ พังลง ดังนั้น การสื่อสารและกำหนดขอบเขตจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุด คู่รักจึงควรร่วมด้วยช่วยกันตั้งกฎในความสัมพันธ์ขึ้นมาเพื่อจัดการกับปัญหาความขัดแย้ง เพราะบางครั้งถ้าเราไม่เอ่ยปากพูด อีกฝ่ายก็อาจจะไม่รับรู้ได้ว่าเรากำลังรู้สึกแย่กับการกระทำของเขาจริงๆ Moraya Seeger DeGeare ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ แนะนำว่า “นี่คือเหตุผลว่าทำไมการพูดคุยถึงขอบเขตความสัมพันธ์กันตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญ และประเมินมันใหม่เรื่อยๆ เมื่อคุณก้าวผ่านช่วงชีวิตที่แตกต่างกันแต่ละสเตจ” เพราะอะไรที่เราเคยโอเคในวันแรกที่เคยตกลงกัน ผ่านไปอีกหลายปี สิ่งนั้นอาจจะไม่โอเคแล้วก็ได้ ดังนั้น เราจึงต้องคุยกันถึงความไม่โอเคในใจกันอยู่บ่อยๆ และตรงไปตรงมา ไม่งั้นมันจะสะสมและหนักอึ้งอยู่ในใจโดยไม่ได้รับการแก้ไขเลย ดังนั้น มันไม่มีทางที่เราจะเคลียร์ใจกันครั้งเดียวจบ แต่ต้องแชร์ความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อคนรักกันทุกๆ การเติบโตของชีวิต เมื่ออธิบายได้ยากว่าแบบไหนคือการเข้าข่าย Micro-Cheating แต่หากเราตระหนักรู้มากพอว่าพฤติกรรมของเราทำให้แฟน ‘ไม่สบายใจ’ Seeger DeGeare กล่าวว่า ก็เป็นอะไรที่ควรเก็บไว้พิจารณาว่าเรากำลังทำตัวให้เข้าข่าย Micro-Cheating หรือเปล่า เพราะสำหรับบางคนก็อาจสามารถปรับตัวได้ทันเวลา และไม่เกิดการทะเลาะกัน หรือต้องจบความสัมพันธ์ลงเสมอไป “คุณกำลังสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิด หรือเชื่อมต่อกันทางอารมณ์กับใครสักคนนอกความสัมพันธ์ด้วยความรู้สึกทางเพศอยู่หรือเปล่า? คุณคิดว่าคู่ของคุณจะไม่สบายใจกับพฤติกรรมของคุณหรือไม่? คุณจะเจ็บปวดไหมหากเขาทำแบบเดียวกันกับคุณ? ถ้าคำตอบคือใช่ อาจเป็นสัญญาณว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง” Seeger DeGear ชวนสังเกต การทวนถามตัวเองว่ากำลังแอบรู้สึกดีให้คนอื่นหรือเปล่า อาจทำให้ตัวคุณได้ทบทวนความสัมพันธ์ครั้งนี้ไปด้วย เพราะบางครั้งความสัมพันธ์ของคุณกับแฟนอาจมีอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกไม่มีความสุขเหมือนเดิม มีอะไรที่ไม่สามารถเติมเต็มคุณได้ เขาอาจจะทำให้คุณไม่ได้เป็นตัวเอง หรืออีกหลายเหตุผล ที่จริงๆ แล้ว ไม่สามารถเอามาเป็นข้ออ้างในการนอกใจได้ หากนั้นเป็นการหักหลังคนรักของตัวเอง ดังนั้น ถ้ารู้ว่าตัวเองไม่โอเคเรื่องอะไรกับแฟน ก็ให้ปรับ และพูดคุยกันตรงๆ ถ้าไปต่อกันได้ ก็เป็นอะไรที่น่ายินดีที่พวกคุณได้รักกันต่อไป แต่ถ้าปรับกันไม่ได้ แทนที่จะเสาะหาวิธีนอกใจเล็กๆ เพื่อเติมเต็มความสุขให้ตัวเอง การเลิกรากันไปเลยก็อาจจะดีกว่า และแฟร์กับอีกฝ่ายมากกว่า เพื่อเซฟความรู้สึกระยะยาวของกันและกัน และหากวันหนึ่งที่คู่รักเลือกที่จะเปิดใจกันตรงๆ ถึงขอบเขตความสัมพันธ์ และกำหนดกันไปเลยว่าแบบไหนที่ไม่ชอบ และแบบไหนที่โอเค เพื่อย้ำชัดว่าลักษณะไหนเข้าข่าย Micro-Cheating ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ของเราแย่ลงได้ Lori Kret นักบำบัด กล่าวว่า “สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าแต่ละคนมีกรอบความคิดที่แตกต่างกันเกี่ยวกับความรู้สึกเจ็บปวด และอ่อนไหว อย่าคิดว่าขอบเขตของคุณจะต้องไปเหมือนกับสิ่งที่คู่ของคุณรู้สึกปลอดภัย เฮลตี้ และเหมาะสม” พูดง่ายๆ ว่าพยายามอย่าเอาความคิดของตัวเองไปครอบว่า เรื่องแค่นี้เอง คิดมากทำไม หรือมองว่าแฟนของคุณงี่เง่า และอ่อนไหวมากไปกับพฤติกรรมของคุณที่ทำกับอีกคนนอกความสัมพันธ์ เพราะถ้าคุณตั้งกำแพงไว้ตั้งแต่ต้น และไม่คิดจะปรับเข้าหากัน ก็อาจเป็นการยากที่จะทำให้ความสัมพันธ์นั้นเดินหน้าต่อได้ และลึกๆ แล้วคุณก็พยายามปฏิเสธตัวเองในการลองนึกถามตัวเองดูว่า นี่เรากำลัง Micro-Cheating อยู่หรือเปล่าอีกด้วย อ้างอิง: <a href="https://mashable.com/article/micro-cheating-what-is-it" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://mashable.com/article/micro-cheating-what-is-it</a> <a href="https://www.mindbodygreen.com/articles/micro-cheating" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.mindbodygreen.com/articles/micro-cheating</a> <a href="https://www.thedailybeast.com/how-microcheating-could-kill-your-relationship" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.thedailybeast.com/how-microcheating-could-kill-your-relationship</a> <a href="https://www.verywellmind.com/micro-cheating-7547079" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.verywellmind.com/micro-cheating-7547079</a>&nbsp;

นักแสดงสาว ลิลี่ ไรน์ฮาร์ต (Lili Reinhart) วัย 27 ผู้แจ้งเกิดจากซีรีส์สุดฮิต Riverdale (2017-2023) ได้โพสต์คลิปบอกเล่าถึงสถานการณ์ของตัวเธอเองหลังจากต้องเผชิญกับโรค Alopecia หรือโรคที่ทำให้ผมร่วงเป็นหย่อมจนต้องใช้วิธีรักษาด้วยเครื่อง Red Light พร้อมๆ กับเปิดเผยว่าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา สุขภาพจิตของเธอเองก็ดิ่งลงเหวจากโรคซึมเศร้า และทำให้เธอต้องรับมือกับทั้งอาการป่วยทางร่างกายและจิตใจอย่างหนักหน่วงไม่น้อยไปกว่ากัน 

Lili Reinhart เปิดใจล่าสุดถึงการรับมือกับปัญหาสุขภาพจิต

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า ‘Imposter Syndrome’ หรือภาวะของคนที่ชอบคิดว่าตัวเองไม่เก่งกันมาก่อนหน้านี้ แต่ Imposter Syndrome ยังอาจกล่าวได้ว่ามีอะไรมากกว่าการคิดว่าตัวเองไม่เก่งหรือไม่ดีพอ นั่นคือภาวะที่ทำให้เกิดความรู้สึกสงสัย เกิดการตั้งคำถามในคุณค่าของตัวเอง จนท้ายที่สุดอาจนำมาสู่ความรู้สึก ‘ว่างเปล่า’ คล้ายกับว่าเราทำตัวตนหล่นหายได้เลยทีเดียว 

รู้จัก 5 รูปแบบของมนุษย์ที่เสี่ยงต่อภาวะ  Imposter Syndrome ที่ชอบคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพและสุขภาพจิตได้ในระยะยาว 

การที่นักกีฬาทีมชาติสักคนจะตัดสินใจถอนตัวจากการแข่งขันใหญ่ที่สุดอย่างโอลิมปิก ด้วยเหตุผลเพราะ "จิตใจไม่ไหว" อาจเป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้นในยุคหนึ่ง แต่หลังการตัดสินใจครั้งใหญ่ของ ซิโมน ไบลส์ (Simone Biles) อะไรๆ อาจเปลี่ยนไป

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Relationship

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS