'ความเหนื่อยล้าทางสังคม' เหนื่อยจะออกไปไหนมาไหน จนถึงเหนื่อยจะพูดคุยกับใคร ไม่ว่าจะ Introvert หรือ Extrovert ก็สามารถเกิดสภาวะนี้ขึ้นได้ ใครกำลังเผชิญความรู้สึกนี้อยู่ ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย

ไม่ผิด ถ้าจะมีสเปซกับแฟนหรือปฏิเสธนัดเพื่อนบ้าง เพราะเราต่างมี ‘ความเหนื่อยล้าทางสังคม’ ที่การได้อยู่คนเดียว ถึงจะเป็นการพักที่แท้จริง

อยากอยู่เงียบๆ คนเดียว อยากนอนโง่ๆ อยู่บ้าน วันหยุดเขาออกไปเที่ยวกัน แต่เราออกจากบ้านทีไรเหมือนพลังชีวิตติดลบ หมดแรงเหลือเกิน วอนเพื่อน วอนแฟน วอนครอบครัวเข้าใจที - ความเหนื่อยล้าทางสังคม เหนื่อยจะออกไปไหนมาไหน จนถึงเหนื่อยจะพูดคุยกับใคร ไม่ว่าจะ <a href="https://www.mirrorthailand.com/tags/Introvert" rel="noopener noreferrer" target="_blank">Introvert</a> หรือ <a href="https://www.mirrorthailand.com/tags/Extrovert" rel="noopener noreferrer" target="_blank">Extrovert</a> ก็สามารถเกิดสภาวะนี้ขึ้นได้ ใครกำลังเผชิญความรู้สึกนี้อยู่ ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เพราะเราต่างเป็นมนุษย์ที่ต้องการเวลา ‘พัก’ อย่างแท้จริง และการพักนั้น อาจหมายถึง การปล่อยตัวเองให้อยู่คนเดียว ไม่ต้องสื่อสารกับใครเลยสักคน Social Exhaustion / Social Burnout / Social Fatigue ไม่ว่าจะเลือกใช้คำไหน ก็ต่างมีความหมายคล้ายคลึงกันนั่นก็คือ ‘ความเหนื่อยล้าทางสังคม’ ซึ่งแปลตรงตัวไปได้เลยว่า ฉันเหนื่อยจะออกไปเข้าสังคมข้างนอก โดยความรู้สึกนี้ก็เกิดขึ้นได้ตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมาแล้วรู้สึกถูกเตียงดูด ไม่มีแรงจะลุกไปทำอะไรทั้งสิ้น และประกอบไปด้วยความรู้สึกเครียด วิตกกังวล หนักใจ หงุดหงิด และขาดการเชื่อมต่อ ซึ่งอาจอธิบายได้ว่า ไม่ว่าคุณจะพยายามเข้าสังคมมากแค่ไหน ก็รู้สึกตามเขาไม่ทัน ไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง และจบด้วยความรู้สึกหมดแรง งานวิจัยจาก University of Helsinki ประมาณการไว้ว่า การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่ยาวนานกว่า 3 ชั่วโมง สามารถนำไปสู่ความเหนื่อยล้าหลังการเข้าสังคมสำหรับบางคน ทีนี้ภาพจำของความเหนื่อยล้าจากการเข้าสังคม หลายคนอาจมุ่งไปที่กลุ่มคน Introvert ที่ชอบความสงบ หรือรู้สึกสบายใจที่จะสื่อสารกับตัวเองอย่างเดียว แต่ความจริงแล้ว คนเป็น Extrovert ที่ถูกนิยามว่าเป็นคนชอบเข้าสังคม ก็สามารถเกิดสภาวะความเหนื่อยล้าทางสังคมได้เหมือนกัน และไม่ได้หมายความว่าเขาจะเหนื่อยน้อยกว่าคนเป็น Introvert “Extroverts อาจถูกชักจูงมากเกินไป เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่า ‘ควร’ ทำอะไรบางอย่าง และกลัวว่าจะพลาดบางสิ่งไป หรือเพราะพวกเขาคิดว่าคนอื่นคาดหวังให้พวกเขาทำ” เจนนิเฟอร์ เทปลิน (Jennifer Teplin) นักบำบัดกล่าว ซึ่งหมายความคนเป็น Extrovert มีความกดดันอยู่ในใจ เมื่อคนอื่นรู้ว่าตัวพวกเขาเป็นคนกระตือรือร้นในการเข้าสังคม ฉะนั้นเวลาปรากฏตัวที่ไหน จึงถูกคาดหวังว่า ต้องไป ต้องจอย ต้องเฮฮา แน่นอนว่ามันแลกมากับการใช้พลังมหาศาลในการทำสิ่งนั้น เพื่อเป็นคนเฟรนด์ลี่ในแบบที่คิดว่าควรจะเป็น ลองคิดกลับกันว่าถ้าวันไหนรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาจริงๆ พวกเขาก็อาจต้องฝืนแสดงออกมาเพื่อให้เป็นไปตามที่คนอื่นคาดหวัง หรือเพื่อรักษาการปฏิสัมพันธ์ในสังคมบางอย่าง และนั่นแหละที่ทำให้เหนื่อย ชัดเจนว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นคนแบบไหน คุณก็สามารถเหนื่อยล้าทางสังคมได้ และถึงเวลาที่คุณต้องให้เวลากับตัวเองเพื่อ ‘พัก’ เพราะ “ความอ่อนล้าทางสังคมคือการที่คุณเข้าสังคมจนถึงจุดที่คุณไม่สามารถทำมันได้อีกต่อไป และคุณต้องการเวลาเงียบๆ คนเดียวโดยไม่มีแรงกดดัน ซึ่งการอยู่คนเดียวในวันหยุด ตามมาด้วยน้ำหนักทางอารมณ์มากมาย เพราะคุณจินตนาการว่ามันควรจะเป็นยังไง นอกจากนี้ยังมีข้อสมมติ (ทางสังคม) ที่บอกว่าหากคุณไม่ได้อยู่กับผู้คน คุณจะต้องไม่มีความสุข ซึ่งมันไม่จริงเสมอไป” ดร.เอมี่ ดารามุส (Aimee Daramus) นักจิตวิทยาคลินิกย้ำชัดให้เห็นว่า บางครั้งผู้คนก็กดดันตัวเอง และรู้สึกผิดอยู่เรื่อยเวลาที่ไม่ยอมออกนอกบ้าน หรือปล่อยให้ตัวเองไม่ทำอะไรเลยในวันหยุด ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลก หรือผิดเลยที่เราจะอยู่เฉยๆ หรือนอนโง่ๆ ดร.ดารามุส แนะว่า หากจะต้องเข้าสังคมจริงๆ (แน่นอนว่าเราหลีกเลี่ยงมันไม่ได้ทุกครั้ง) เธอก็มีกลยุทธ์รับมือกับความเหนื่อยล้าทางสังคมที่อาจช่วยพอบาลานซ์ใจไม่ให้เหนื่อยมากเกินไปในมุมจิตวิทยาอยู่บ้าง 1. เลือกไปเฉพาะงานที่คุณคิดว่าเอ็นจอยจริงๆ: “คิดให้ตกว่าอีเวนต์ไหนเป็นอีเวนต์ที่สำคัญสำหรับคุณ ใครคือคนที่คุณอยากอยู่ด้วย และอะไรที่คุณอยากจะทำจริงๆ อีเวนต์นั้นมีระดับความสำคัญสูงสุด และมีสิ่งที่คุณควรทำอยู่ไหม หรือว่านั่นอาจจะท็อกซิกสำหรับคุณ มีระดับความสำคัญที่ต่ำ” ฉะนั้น ไม่ต้องปรากฏตัวทุกงานสังคมก็ได้ ปฏิเสธบ้าง ไม่ผิดเลย 2. ไม่ต้องอยู่จนจบ รับบทนางวาร์ปบ้างก็ได้: “คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นั่นตั้งแต่ต้นจนจบ” ดร.ดารามุสกล่าว และเธอยังบอกอีกว่า หากเรา “รู้สึกเหนื่อยล้ามากๆ แต่ไม่สามารถข้ามบางสิ่งไปได้ ให้ใช้เวลาน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และบางครั้งการหาข้ออ้างจำเป็นขึ้นมา อาจไม่เป็นอะไร ถ้ามันช่วยปกป้องสุขภาพจิตคุณไว้ได้” 3. กำหนดเวลาส่วนตัวของตัวเองไว้บนปฏิทิน: “หาเวลาและสถานที่ที่คุณสามารถอยู่คนเดียวได้ และทำให้ช่วงเวลาที่อยู่คนเดียวของคุณเป็นกิจกรรมที่มีระดับความสำคัญสูง” อาจกล่าวว่า ผู้คนแทบจะไม่ค่อยใส่วันที่ปล่อยให้ใจได้พักผ่อนหรืออยู่คนเดียวจริงๆ กันสักเท่าไร การกำหนดมันลงบนปฏิทินไปเลย อาจช่วยให้คุณมองเห็นความสำคัญของตัวเองมากขึ้น เพราะคุณมีสิทธิ์ที่จะพักบ้าง ถึงบางคนจะมีแฟน ก็ต้องไม่ลืมว่าเรา และเขาต่างต้องมีเวลาส่วนตัวที่ได้อยู่กับตัวเองจริงๆ ได้พักจริงๆ ในวันที่เหนื่อยล้า ไม่อยากพูดกับใคร เช่นเดียวกับการเลื่อนนัดเพื่อน หรือปฏิเสธการไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง ก็ไม่ผิดอะไร ไม่ใช่ว่าเราไม่รักเพื่อน แต่เราต้องไม่หลงลืมจะรักตัวเอง และให้เวลากับตัวเองได้พักบ้าง เพราะการออกไปข้างนอกแต่ละที ไม่ว่าจะกรณีไหนก็ตาม ต่างใช้พลังงานไปมาก ตั้งแต่ความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง จากสภาพอากาศ จากการพูดคุย จากการเจอคนเยอะๆ นั่นเป็นเหตุผลว่า การอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเฉยๆ อาจเป็นเซฟโซนสำหรับบางคนได้ดี และหากแฟน เพื่อน หรือครอบครัว ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณไม่ยอมออกไปหา ก็แนะนำว่าให้เปิดใจ คุยกับพวกเขาตรงๆ สื่อสารถึงความเหนื่อยล้าที่กำลังประสบพบเจอ กำหนดขอบเขตการเจอกันแน่ชัดว่าให้เวลาพวกเขาได้ประมาณไหน พวกเขาอาจเข้าอกเข้าใจมากขึ้นก็ได้ อ้างอิง: <a href="https://fortune.com/well/2022/09/12/what-is-social-exhaustion-tips-to-beat-it/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://fortune.com/well/2022/09/12/what-is-social-exhaustion-tips-to-beat-it/</a> <a href="https://psychcentral.com/blog/social-exhaustion-avoiding-introvert-burnout#signs" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://psychcentral.com/blog/social-exhaustion-avoiding-introvert-burnout#signs</a> <a href="https://www.psychologytoday.com/us/blog/sweet-emotion/202207/are-you-dealing-social-burnout" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.psychologytoday.com/us/blog/sweet-emotion/202207/are-you-dealing-social-burnout</a> <a href="https://www.wellandgood.com/can-extroverts-get-socially-exhausted/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.wellandgood.com/can-extroverts-get-socially-exhausted/</a> <a href="https://www.wellandgood.com/social-exhaustion/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.wellandgood.com/social-exhaustion/</a>&nbsp;

บ่อยครั้งที่คนเป็น ‘เมียหลวง’ เลือกใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงอีกคนของสามีหรือชายคนรัก ตบ ตี ถ่ายคลิปรุมทำร้าย สาดน้ำกรด ฯลฯ ซึ่งสร้างบาดแผลหรือกระทั่งทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตของอีกฝ่าย ไม่ว่าเธอคนนั้นจะอยู่ในสถานะเมียน้อยหรือคนทำที่งานบริการทางเพศ

‘เมียหลวง’ กับการเลือกใช้ความรุนแรง จากความรู้สึกถูกแย่งชิงสิ่งสำคัญ และไม่ทันตระหนักถึงทางเลือกอื่นๆ ในการจัดการปัญหา

21-27 เมษายนนับเป็นสัปดาห์แห่งการมองเห็นเลสเบี้ยน (Lesbian Visibility Week) เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้ผู้คนมองเห็นและเข้าใจเลสเบี้ยนมากขึ้น

ความเข้าใจผิดที่คนยังมีต่อ ‘เลสเบี้ยน’ เนื่องใน Lesbian Visibility Week และมากกว่าการมองเห็น คือความเข้าใจ

เรื่องราวของเด็กชายวัย 13 ที่ลงมือก่อเหตุฆาตกรรมเพื่อนเด็กผู้หญิงโรงเรียนเดียวกันอย่างโหดเหี้ยมใน Adolescence ลิมิเต็ดซีรีส์อังกฤษที่ฉายทาง Netflix และกลายเป็นกระแสไปทั่วโลกเมื่อช่วงที่ผ่านมาไม่ได้สร้างขึ้นจากเหตุการณ์จริง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซีรีส์เรื่องนี้ ‘ไม่ไกล’ เกินความเป็นจริงเลย เพราะเหตุอาชญากรรมและการทำร้ายร่างกายด้วยการแทงด้วยของมีคมในสหราชอาณาจักรนั้นพบว่ามีสถิติพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างมีนัยสำคัญ 

Smartphone Free Chilhood แคมเปญของกลุ่มผู้ปกครองในอังกฤษที่เรียกร้องให้เด็กใช้สมาร์ทโฟนหลังอายุ 14-16 ขึ้นไป เพื่อปกป้องเด็กๆ จากอันตรายของคอนเทนต์ที่บ่มเพาะความรุนแรง

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Relationship

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS