บางคนก็ตั้งคำถามขึ้นมาว่า แล้วถ้าโกหกเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจล่ะ? แบบนี้ มันผิดไหม?

White Lies การโกหกเพื่อความสบายใจ เส้นบางๆ ระหว่างช่วยประคองความรัก กับทำให้ความสัมพันธ์แย่ลง

ไม่ว่าจะความสัมพันธ์ไหน เรารู้ดีกันอยู่แล้วว่าไม่มีใครชอบ ‘คำโกหก’ และหลายคนก็ยืนกรานในความสัมพันธ์โรแมนติกบ่อยๆ ว่า “อย่าโกหกกัน” เพราะใครเล่าจะแฮปปี้กับคำหลอกลวง ที่ไม่เคยแฟร์ และไม่เฮลตี้ต่อทุกฝ่ายในระยะยาว ทว่า บางคนก็ตั้งคำถามขึ้นมาว่า แล้วถ้าโกหกเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจล่ะ? แบบนี้ มันผิดไหม? เรากำลังพูดถึง&nbsp;‘White Lies’ หรือคำโกหกที่คุณคิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เพื่อถนอมใจอีกฝ่าย เพราะไม่อยากให้คิดมาก หรือปวดใจกับความเป็นจริง ซึ่งเราคงต้องเฉลยกันตั้งแต่ตรงนี้ว่า มันมีข้อดี ถ้าคำโกหกนั้นไม่กระทบความสัมพันธ์ และทำให้อีกฝ่ายได้รับพลังบวกมากขึ้น อีกด้านหนึ่งก็มีข้อเสีย หากคุณใช้การโกหกสีขาว เป็นข้ออ้างว่าอยากให้คู่ของคุณสบายใจ เพื่อปกปิดความจริงบางอย่าง ที่คุณแอบไปกระทำลับหลัง หรือเป็นเรื่องที่จะส่งผลลบต่อความสัมพันธ์ แบบนั้น…ก็เรียกได้ว่า เข้าข่าย Toxic Relationship เต็มประตู อุ่นเครื่องกันก่อนที่ข้อดี จินตนาการถึงภาพแฟนสาว หรือแฟนหนุ่มของคุณ ที่มีรูปร่างอ้วนท้วนขึ้น ไม่เหมือนตอนคบกันใหม่ๆ หรือใบหน้าเปลือยไร้เครื่องสำอางตอนตื่นนอนที่คุณเพิ่งจะเคยเห็นมัน แม้ลึกๆ คุณจะมองว่ามันไม่ตรงกับค่านิยมความงามตามที่คุณอดจะคาดหวังไม่ได้ แต่คุณเลือกพูดออกไปว่า “วันนี้เธอสวย/หล่อจัง” เพื่อสร้างความมั่นใจให้อีกฝ่าย นั่นแปลว่า คุณมีเจตนาที่ดีต่อคนรัก และการโกหกสีขาวครั้งนี้เป็นการเพิ่มพลังในการใช้ชีวิตของอีกฝ่ายได้มาก เพียงเพราะคำชมไม่กี่คำ ดร.จูเลีย บรูเออร์ (Julia Breur) นักบำบัดด้านครอบครัว และคู่แต่งงาน ในฟลอริดา กล่าวว่า การโกหกแบบ White Lies เป็นการโกหกที่มีเจตนาดี และโดยปกติคำโกหกเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้น จะไม่เป็นอันตราย แต่มักสร้างผลลัพธ์ที่ดีในความสัมพันธ์ อย่างที่เรายกตัวอย่างไปข้างต้น บางครั้งการไม่ต้องพูดทุกสิ่งที่เราคิด หรือรู้สึกลบต่ออีกฝ่าย อาจจะเป็นการเซฟใจอีกคนได้ เพราะลองนึกดู หากแฟนมาพูดว่า “วันนี้เธอไม่สวย”, “ไปแต่งตัวใหม่ไป” อะไรทำนองนี้ ก็คงจะใจร้ายใจดำ และสร้างบาดแผลให้คนฟังเป็นอย่างมาก บรูเออร์ ยกตัวอย่างในกรณีคุณแม่กับลูกสาวที่น้ำหนักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่แม่กลับบอกว่าเธอดูดีมาก แม้จริงๆ แม่อาจจะพอใจที่เห็นลูกสาวผอมเพรียวมากกว่า ว่า “เมื่อเราดูบริบทของแม่ที่พูดว่า เธอดูดีมาก เมื่อเธอเห็นลูกสาวน้ำหนักขึ้น มันเป็นสิ่งที่แม่ยอมรับได้ สะท้อนเจตนาของ White Lies ครั้งนี้ว่า นี่คือการปกป้อง และความรักแบบไม่มีเงื่อนไข” ซึ่งเราสังเกตได้ว่า หากมามองดูแม่เอเชียบางบ้าน ก็อาจจะมีแนวโน้มที่จะพูดกับลูกตรงๆ อย่างที่ใจคิดว่า “แกอ้วนไปแล้ว ไปลดน้ำหนักเดี๋ยวนี้!” หรือ “อ้วนแล้วไม่ควรแต่งตัวแบบนี้!” ก็ชัดเจนแล้วว่า การไม่พูดทุกสิ่งที่ใจคิด ก็อาจจะดีกว่า “คนทุกวัยที่มีความเห็นอกเห็นใจ จะเข้าใจดีว่า บางครั้งการโกหกเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถปกป้องคนอื่นจากความเจ็บปวดที่ไม่จำเป็นได้ และคนส่วนใหญ่ที่ฉันเจอมักจะโกหกเล็กๆ น้อยๆ เพราะพวกเขาเข้าใจว่า ความจริงใจ 100 เปอร์เซ็นต์ตลอดเวลา มันไม่มีประโยชน์” บาร์บารา กรีนเบิร์ก (Barbara Greenberg) นักจิตวิทยาคลินิกกล่าว เราได้เห็นข้อดีที่ฟังแล้วสมเหตุสมผล ทีนี้มาพูดถึงข้อเสีย ที่ก็สมเหตุสมผลเช่นกัน เพราะมันสร้างความเสียหายในความสัมพันธ์ได้ หากคุณใช้ ‘ในทางที่ผิด’ “การโกหกเล็กๆ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ การโกหกเล็กๆ เป็นการโกหกครั้งใหญ่” ออเดรย์ โฮป (Audrey Hope) ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์บอก เธอเสริมอีกว่า “ความสัมพันธ์ของพวกเขาที่ไม่ได้สร้างขึ้นบนความซื่อสัตย์ ไม่สามารถไปรอดได้” สถานการณ์ หรือคำโกหกอะไรบ้าง ที่อาจนำความสัมพันธ์ลงเหวได้ เรามียกตัวอย่างดังนี้ “ฉันสบายดี ฉันไม่เป็นอะไร” ประโยคที่มักได้ยินคู่รักพูดใส่กัน เพราะบางคนก็เชื่อว่าพูดไปก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หรือพูดไปก็กลัวจะทะเลาะใหญ่โต จึงอยากคงความปกติสุขไว้แบบนั้น ซึ่งนั่นอาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ “การแสร้งทำเป็นว่าเรื่องรบกวนจิตใจที่แฟนของคุณกระทำนั้นไม่มีปัญหาอะไร สุดท้ายมันจะปรากฏขึ้นมาอีกภายหลัง ในระหว่างการเถียงกันบางเรื่อง อาจจะโผล่มา 9 ใน 10 ครั้ง ทั้งๆ ที่เรื่องนั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่กำลังเถียง” วิตนีย์ ทิลเลอรี (Whitney Tillery) ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์กล่าว เธอเสริมต่อว่า “มันอาจจะดูเล็กน้อย แต่การโกหกเล็กๆ เนี่ยแหละ จะทำลายความสัมพันธ์ของคุณ” ยังรวมไปถึง การโกหกว่าถึงจุดสุดยอดในผู้หญิง ที่มักโกหกแฟนเพื่อความสบายใจ คิม เซดวิก (Kim Sedgwick) ผู้ร่วมก่อตั้ง Red Tent Sisters ธุรกิจเกี่ยวกับอนามัยเจริญพันธุ์ และสุขภาพทางเพศของผู้หญิง แนะว่า “ไม่มีใครอยากทำร้ายความรู้สึกของแฟน เราจึงรู้สึกปลอดภัยกว่าที่จะเออออตามเมื่อเขาถามว่ารู้สึกดีไหม อย่างไรก็ตาม ผลของการโกหกนี้ ทำให้คุณมีโอกาสน้อยที่จะได้สิ่งที่คุณต้องการจริงๆ และนั่นเป็นสูตรสำเร็จของความหงุดหงิด และขุ่นเคือง” ต่อมา อีกข้อเสียหนึ่ง ที่เชื่อว่าหลายคู่เคยประสบพบเจอ เวลาคุณแฟนแอบทำอะไรลับหลัง และอ้างว่า “กลัวเธอคิดมาก เลยไม่บอก” ซึ่ง ซูซานน์ เดกเกส-ไวต์ (Suzanne Degges-White) นักจิตวิทยา และศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยนอร์ทเทิร์นอิลลินอย อธิบายไว้ในบทความของ Psychology Today ว่า การโกหกสีขาวจะกลายเป็นอันตรายก็ต่อเมื่อใช้เพื่อปกป้องตัวคุณเอง ไม่ใช่ทำเพื่อปกป้องความรู้สึกของผู้อื่นจริงๆ เช่น การโกหกแฟนว่า ผู้หญิงคนหนึ่งเป็น ‘แค่เพื่อน’ ทั้งๆ ที่จริงๆ มีลับลมคมในอะไรซ่อนอยู่ หรือแม้แต่กระทั่ง พูดคำมั่นสัญญาอะไรไว้ แต่ทำไม่ได้ จึงเลือกโกหกออกไป ไม่ว่าจะเป็น การเลิกเจ้าชู้ เลิกนอกใจ เลิกเล่นการพนัน เลิกทำพฤติกรรมที่เราไม่ชอบ ฯลฯ “หากคุณรู้ว่าจะต้องโกหก ก็อย่าแม้แต่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำ เพราะแฟนของคุณจะรู้ และทุกครั้งที่คุณ White Lies คุณกำลังพังความสัมพันธ์ จากการปิดบังความผิด” ซูซานน์ เขียน สรุปสั้นๆ การโกหกเพื่อให้คนอื่นสบายใจ จะกลายเป็นข้อดี หากสิ่งนั้น เราพูดด้วยเจตนาที่อยากเห็นอีกฝ่ายสบายใจ และปลอดภัยจริงๆ โดยไร้ซึ่งเจตนาแฝงความสบายใจของตัวเองเข้าไป แต่ตราบใดที่เราเอาความสบายใจของเรา มาเป็นข้ออ้างในการโกหก เพื่อทำเรื่องที่อีกฝ่ายจะไม่ชอบ แทนที่จะเปิดใจคุยกันตรงๆ นั่นแปลว่าการโกหกครั้งนี้อยู่นอกเหนือความสบายใจของอีกฝ่าย และระยะยาวความสัมพันธ์ก็อาจจะล้มครืนก็ได้ อ้างอิง: <a href="https://www.bustle.com/p/7-seemingly-harmless-white-lies-that-can-actually-ruin-your-relationship-8482835" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.bustle.com/p/7-seemingly-harmless-white-lies-that-can-actually-ruin-your-relationship-8482835</a>&nbsp; <a href="https://www.psychologytoday.com/us/blog/human-kind/201808/white-lies-kind-or-cruel" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.psychologytoday.com/us/blog/human-kind/201808/white-lies-kind-or-cruel</a> <a href="https://www.psychologytoday.com/us/blog/lifetime-connections/201804/4-white-lies-you-should-never-tell-your-partner" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.psychologytoday.com/us/blog/lifetime-connections/201804/4-white-lies-you-should-never-tell-your-partner</a> &nbsp;

ในเดือนฮัลโลวีนแบบนี้ การดูหนังผีหรือหนังประเภทสยองขวัญให้เข้ากับบรรยากาศของเทศกาลก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมท่ีน่าสนใจเหมือนกัน แต่การจะเปิดดูสิ่งที่เรียกว่าหนังผีหรือหนังสยองขวัญสักเรื่องสำหรับคนที่กลัวผีเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้วนั้นก็อาจไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ไม่ว่าจะเลือกไปดูในโรง หรือดูอยู่ที่บ้านก็ต้องอาศัยจิตใจที่แข็งแกร่งพอสมควร และหลายครั้งความหลอนในหนังก็อาจทำเรากลัวเกินกว่าจะต้านทานคนเดียวไหว ฮัลโลวีนปีนี้เราอ่านเจอทิปส์น่าสนใจจาก New York Times ที่จะช่วยให้นักดูหนังผี (แต่ก็กลัวผี) สู้กลับความหลอนนั้นได้ เพื่อให้การดูหนังผีไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป และไม่แน่นะ อาจค้นพบว่าหนังผีหรือหนังสยองขวัญนี่แหละคือทางที่ใช่สำหรับเราก็ได้! 

ผีก็กลัว แต่หนังก็ต้องดู! รวม 5 วิธีที่ช่วยให้การดูหนังผีน่ากลัวน้อยลง สำหรับคนขวัญอ่อนหรือกลัวผีมาก แต่ก็ยังอยากดู

แบรนด์ถุงยางอนามัยเยอรมันอย่าง BILLY BOY และ เอเจนซี่โฆษณา Innocean Berlin ออก ‘CAMDOM’ หรือ ‘ถุงยางอนามัยดิจิทัล’ ครั้งแรกของโลก เพื่อป้องกันการถูกแอบถ่ายจากสมาร์ทโฟน

ครั้งแรกของโลกกับ ‘CAMDOM’ ถุงยางดิจิทัล ที่เป็นแอปฯ บล็อกกล้องและไมค์บนสมาร์ทโฟน ป้องกันการถูกแอบถ่ายโดยไม่ยินยอมขณะมีเซ็กซ์

หมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์หลายตัว ถูกฝึกและได้รับการรับรองให้เป็น ‘สุนัขบำบัด’ ที่ทำงานควบคู่กับเจ้าของและนักบำบัด เพื่อปลอบประโลมใจผู้คนที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากต่างๆ

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Relationship

White Lies การโกหกเพื่อความสบายใจ เส้นบางๆ ระหว่างช่วยประคองความรัก กับทำให้ความสัมพันธ์แย่ลง

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS