พอปีใหม่เวียนมาทีไร หลายคนจะมีเพลงเศร้าๆ เหงาๆ ดังเข้ามาในหัวทุกที โดยเฉพาะคนที่ต้องอยู่คนเดียวในคืนข้ามปี ทั้งที่จริงแล้ว ค่ำคืนปีใหม่ที่ได้อยู่คนเดียว อาจเป็นโอกาสดีๆ ในการเฉลิมฉลองให้กับความสันโดษและความแข็งแกร่งของเราเอง

ไม่เป็นไร... ถ้าเราจะผ่านปีใหม่ไปเพียงลำพัง

พอปีใหม่เวียนมาทีไร หลายคนจะมีเพลงเศร้าๆ เหงาๆ ดังเข้ามาในหัวทุกที โดยเฉพาะคนที่ต้องอยู่คนเดียวในคืนข้ามปี ไม่ว่าจะด้วยความเป็นโสด ไม่มีที่ให้กลับไป ไม่มีใครให้อยู่ด้วย หรือห่างไกลจากคนที่รัก ฯลฯ ยิ่งเมื่อรู้ว่าคนอื่นๆ กำลังเฉลิมฉลองกับคนที่เขารัก ก็ยิ่งตอกย้ำให้หลายคนรู้สึกเหงาเศร้ายิ่งกว่าเดิมทุกที&nbsp;โอกาสนี้ เราเลยอยากบอกกับทุกคนว่า ไม่เป็นไรเลย… ถ้าเราต้องผ่านปีใหม่ไปเพียงลำพัง และคุณก็ไม่ใช่คนเดียวบนโลกที่อยู่คนเดียวในคืนปีใหม่ในฐานะเทศกาลสำคัญของคนทั่วโลก ปลายปีได้กลายเป็นอีกช่วงเวลาที่สังคมสร้างบรรทัดฐานร่วมกันว่าทุกคนต้องเฉลิมฉลองร่วมกับคนอื่นๆ ทั้งที่จริง มันไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้นเสมอไป ยิ่งเมื่อประกอบกับภาพที่ถูกเน้นย้ำผ่านสื่อและโซเชียลมีเดียตลอดเวลาว่าเราควรต้องได้ออกไปรื่นเริง จนคุณเผชิญกับ FOMO หรือความกลัวว่าจะพลาดโมเมนต์สำคัญอย่างคนอื่นเขาไป บวกกับความเชื่อที่ว่าการอยู่คนเดียวนั้นหมายถึงความโดดเดี่ยว จึงทำให้หลายคนเอาแต่ทับถมตัวเองและกลายเป็นความเศร้าในใจโดยไม่รู้ตัว&nbsp;ทั้งที่จริงแล้ว หากมองอีกด้าน ค่ำคืนปีใหม่ที่ได้อยู่คนเดียว อาจเป็นโอกาสดีๆ ในการเฉลิมฉลองให้กับความสันโดษและความแข็งแกร่งของเราเอง เพราะการอยู่คนเดียวได้ไม่ได้แปลว่าจะต้องเหงา แต่ในเวลาเดียวกันมันยังแปลว่าเราสามารถมีความสุขได้โดยไม่ต้องยึดติดกับคนอื่น เช่นเดียวกัน มันไม่ได้แปลว่าคุณถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว แต่แปลว่าคุณเองก็เป็นคนเลือกที่จะอยู่คนเดียวได้เช่นกัน ซึ่งภาพเหล่านี้จะยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อเราเติบโตขึ้นหรือลองฝึกที่จะรู้สึกถึงคุณค่าในตัวเองโดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับใครอื่น&nbsp;ไม่เพียงเท่านั้น คืนปีใหม่ยังเป็นช่วงเวลาที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการได้ใช้เวลากับตัวเอง เพื่อตกตะกอนกับตัวเอง และพาตัวเองให้ก้าวไปข้างหน้าในปีถัดไปได้อย่างมั่นคงกว่าเดิม ซึ่งการวางแผนเฉลิมฉลองกับตัวเองคนเดียวก็เป็นอีกไอเดียที่น่าสนใจ เราอาจลองเตรียมเพลย์ลิสต์ที่ใช่เอาไว้ฟัง ลิสต์หนังที่ชอบเอาไว้ดู หรือลองทำกิจกรรมสนุกๆ อย่างเช่นเตรียมมื้ออาหารที่ชอบเอง สั่งมื้อปังๆ แบบที่ไม่ค่อยได้สั่งมาฉลองให้ตัวเอง หรืออาจเป็นการเดินทางภายในผ่านการเขียนความรู้สึกออกมาเป็นตัวหนังสือ หรือตั้ง New Year Resolutions ให้ตัวเองสดๆ ในคืนปีใหม่ ฯลฯ เรียกได้ว่าคุณสามารถใช้ความสงบนี้ เป็นโอกาสในการกลับมาให้เวลากับตัวเองอย่างจริงๆ จังๆ ในรอบปี ซึ่งสำหรับหลายคน อาจจะดีกว่าการออกไปฉลองท่ามกลางผู้คนที่เบียดเสียดกันด้วยซ้ำและหากการอยู่คนเดียวในคืนปีใหม่ทำให้คุณร้องไห้ นั่นก็ไม่เป็นไรอีกเช่นกัน เพราะอย่างน้อยการร้องไห้ก็เป็นการระบายความเศร้าในใจออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหลังจากร้องไห้คุณก็จะแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม&nbsp;ท้ายที่สุด ประเด็นสำคัญคือการทำความเข้าใจเรื่องการอยู่คนเดียวกันเสียใหม่ เพราะเมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคมผ่านไป เราก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตกันเหมือนเดิม และคงจะดีหากเราจะถือโอกาสเริ่มต้นปีโดยไม่ต้องแปะป้ายให้ตัวเองกลายเป็นคนเหงาผู้น่าสงสาร แต่คือคนเริ่ดๆ ที่เติบโตขึ้นอีกปีแถมเข้าใจตัวเองมากกว่าเดิม และแทนที่จะวิ่งหาคนมาอยู่รอบหาย การเลือกจะอยู่คนเดียวต่อไปก็ไม่ใช่ทางเลือกที่เลวร้ายเลยสักนิด&nbsp;

‘การจัดบ้านที่ตั้งใจคุมโทนมาอย่างดี หากมีเคทเทิลเบลล์สีชมพูตั้งตระหง่านไว้ก็ทำให้ขัดอารมณ์ได้ไม่น้อย แต่หากเก็บไว้มิดชิด ก็ทำให้เราลืมหยิบ และละเลยการออกกำลังกายไปเลย’ 

Subtle Impacts ออกแบบอุปกรณ์ยกเวท
ให้เป็นของแต่งบ้านสุดมินิมัล ดูน้อยแต่มาก วางตรงไหนก็ไม่ขัดมู้ด 

ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ในหลายๆ สังคมจะค่อนข้างเปิดกว้างเรื่องความหลากหลายของอัตลักษณ์ทางเพศ ไปจนถึงการสมรสอย่างเท่าเทียมกันของคนทุกเพศมากขึ้น แต่กระแสหนึ่งจากโลกโซเชียลฯ เมื่อไม่นานมานี้เองที่หลายคนพูดถึงการแต่งงานแบบที่เรียกว่า Lavender Marriage จนกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของความสัมพันธ์ในยุคนี้ ซึ่งเราว่าทั้งน่าสนใจและน่าตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดคนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งถึงกลับไปให้คุณค่าและโอบรับกับสิ่งนี้กันนะ 

Lavender Marriage เมื่อคนเพศหลากหลายเลือกแต่งงานตามเพศกำเนิด
ไม่ใช่แค่เพื่อปิดบังความเควียร์ 
แต่ยังเป็น ‘ทางเลือก’ ใหม่ๆ ที่อาจตอบโจทย์รูปแบบความสัมพันธ์ในโลกยากๆ ใบนี้

หากใครรู้สึกอ่อนไหวต่อสิ่งรอบตัวได้ง่าย ไม่ว่าจะรู้สึกเศร้าเพียงเพราะเรื่องเล่าจากเพื่อน เสียใจมากเมื่อได้รับคำวิจารณ์ เซนซิทีฟกับคำพูดเล็กๆ น้อยๆ ของคนอื่น อินกับหนังจนรู้สึกเหมือนเป็นตัวละครในนั้น หรือแม้แต่ไวต่อแสง สี เสียง และกลิ่น บางทีคุณอาจจะไม่ใช่คนงี่เง่าไร้เหตุผลหรือคิดมากเกินไป แต่เป็น Highly Sensitive Person หรือคนที่มีบุคลิกภาพละเอียดอ่อนสูง

อ่อนไหวง่ายไม่ได้แปลว่างี่เง่า ร้องไห้บ่อยไม่ได้แปลว่าอ่อนแอ 4 วิธีรับมือเมื่อเป็น Highly Sensitive Person หรือคนที่มีบุคลิกภาพไวต่อสิ่งรอบตัวมากเป็นพิเศษ

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Mind

ไม่เป็นไร... ถ้าเราจะผ่านปีใหม่ไปเพียงลำพัง

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS