‘การไม่กล้าตัดสินใจด้วยตัวเอง’ หรือ Indecisiveness ที่หลายคนอาจเผชิญอยู่ เพราะรู้สึกไม่หนักแน่นพอกับใจตัวเอง หรือไม่เชื่อว่าตัวเองจะเลือกเส้นทางนั้นอย่างถูกต้องที่สุด จึงทำให้วันนี้มานั่งนึกย้อนว่า ถ้าวันนั้นตัดสินใจอีกแบบ…อาจจะดีกว่านี้

ไม่กล้าตัดสินใจด้วยตัวเอง เพราะกลัวผิดพลาด แต่ถ้าไม่ลอง เราก็อาจพลาดบางอย่างไปเช่นกัน ชวนฝึกเชื่อมั่นในเสียงของตัวเอง ที่แม้จะไม่รู้ปลายทาง แต่เราจะไม่นึกเสียดายที่ได้ลงมือทำ

เคยรู้สึกเสียดายที่ ‘ไม่ได้ทำ’ บางอย่าง เพราะ ‘ไม่กล้า’ ตัดสินใจด้วยตัวเองบ้างมั้ย? หลายคนอาจนึกเรื่องราวที่น่าเสียดายบางอย่างขึ้นมาได้เลยทันที แล้วอาจทวนถามตัวเองต่อทันทีเช่นกันว่า ทำไมตอนนั้นถึงไม่ทำแบบนั้น หรือ เลือกแบบนี้ ทำไมเวลานั้น ไม่ยอมเชื่อในความคิดของตัวเอง เพราะหลายๆ ครั้ง หลายคนก็เสียดายที่พลาดโอกาสบางอย่างไปเนื่องจากไม่มีคนรอบข้างมาช่วยยืนยันในการตัดสินใจว่ามันดีแล้ว ถูกแล้ว หรือกระทั่งกลัวความผิดหวังหรือความโดดเดี่ยว จึงทำให้วันนี้มานั่งนึกย้อนว่า ถ้าวันนั้นตัดสินใจอีกแบบ…อาจจะดีกว่านี้ก็ได้เราจึงอยากชวนคุยกันถึงเรื่อง ‘การไม่กล้าตัดสินใจด้วยตัวเอง’ หรือ Indecisiveness ที่หลายคนอาจเผชิญอยู่ เพราะรู้สึกไม่หนักแน่นพอกับใจตัวเอง หรือไม่เชื่อว่าตัวเองจะเลือกเส้นทางนั้นอย่างถูกต้องที่สุด ซึ่งแน่นอนว่า ไม่มีไทม์แมชชีนใดพาย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งที่ผ่านมาแล้วได้ แต่สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ คือการไม่กล่าวโทษตัวเองในอดีต แล้วหันมาใช้ทุกวินาที ค่อยๆ ฝึกมีความสุขที่จะเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเองโดยไม่เอาตัวเองไปผูกอยู่กับใคร และปล่อยให้สิ่งที่เคยพลาดไปเป็นบทเรียนสอนให้เรา รู้จัก ‘รักตัวเอง’ และเชื่อในตัวเองมากขึ้น&nbsp;ในช่วงเริ่มต้น การจะบอกให้ทุกคนรักและเชื่อในตัวเองเลย มันอาจจะยากด้วยข้อจำกัดที่ต่างกันของแต่ละคน เพราะการที่คนคนหนึ่งไม่กล้าตัดสินใจด้วยตัวเอง และคาดหวังให้มีเพื่อนหรือคนรอบข้างมาเดินร่วมทางในทุกการตัดสินใจ เกิดได้จากหลายสาเหตุ บางคนกลัวความล้มเหลว จึงอยากมีคนข้างๆ ให้อุ่นใจ หรือบางคนอาจผูกโยงการตัดสินใจนั้นๆ ไว้กับคุณค่าในตัวเอง ว่าถ้าฉันตัดสินใจผิดสักครั้ง คุณค่าของฉันก็จะลดลงไปด้วย ตามที่ Carla Marie Manly นักจิตวิทยา กล่าวไว้ว่า “คนที่โตมาในสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้ตัดสินใจจะมองว่าการตัดสินใจนั้นๆ เป็นโอกาสที่ได้เรียนรู้และเติบโต นำไปสู่ความสบายใจในการเลือกสิ่งต่างๆ เพื่อตัวเองมากขึ้น”นั่นไม่หมายความว่า ในอีกด้านหนึ่ง หากบางคนอยู่ในครอบครัวที่ตำหนิกันอยู่บ่อยๆ เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจบางอย่างแล้วไม่ถูกใจคนที่บ้าน หรือบางคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองมากนักอยู่แล้ว ดันถูกเพื่อนรอบข้างคอยบงการว่า ทำแบบนั้น แบบนี้ ดีกว่า ก็อาจเพิ่มความรู้สึก ‘ไม่กล้าตัดสินใจ’ มากขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งนำไปสู่ความเครียด และปัญหาสุขภาพจิตต่างๆ ร้ายแรงกว่านั้น อาจถึงขั้นถูกเอาเปรียบจากคนรอบข้างได้ เมื่อเราได้ยินแต่เสียงของคนอื่น แต่ไม่ได้ยินเสียงของตัวเองเลย&nbsp;ดร. Kristin Neff นักวิจัยเรื่องความเมตตากรุณาต่อตนเอง (self-compassion) กล่าวว่า มนุษย์เราหลายคนมักมีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นมากกว่าตัวเอง นั่นจึงไม่แปลกที่ทำให้หลายคนอาจเป็น People Pleaser หรือคนที่อยากจะทำให้ทุกคนพึงพอใจอยู่ตลอดเวลา ความสุขของคนอื่นมาก่อน ของตัวเองเป็นรอง โดยทั้งรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ทำให้หลายครั้งไม่กล้าปฏิเสธทางเลือกต่างๆ ที่เข้ามาหากทางเลือกนั้นสวนทางกับความคิดของคนรอบข้าง ซึ่งโอกาส ความฝัน หรือสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ ก็อาจหลุดลอยหายไปอย่างน่าเสียดาย เช่น ลึกๆ แล้วเรามีไอเดียอย่างหนึ่ง แต่เมื่อได้ยินเพื่อนพูดถึงไอเดียอีกแบบหนึ่ง ก็ทำให้เราไม่กล้าพูดของเราออกไป เพราะกลัวจะไม่ถูกใจคนอื่นเขาการไม่มีความมั่นใจในตัวเอง จึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้หลายคนไม่กล้าที่จะเชื่อในเสียงของตัวเอง โดย Haley Perlus นักจิตวิทยา อธิบายไว้ว่า บางคนอาจรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองอยากเดินไปในทิศทางไหน เพียงแต่รู้สึกไม่ปลอดภัย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องดิ้นรนกับความสงสัยในตัวเองและความไม่มั่นใจในตัวเอง จึงอยากให้ทุกคนเชื่อมั่นว่า “ไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่ถูกที่สุดแก่เราได้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา นอกจากตัวเราเอง” ฉะนั้นแล้วอย่าปล่อยให้คนอื่นมาตัดสินใจเกี่ยวกับเป้าหมายของเรา เราจึงอยากจับมือให้กำลังใจทุกคน แล้วชวนมาค่อยๆ ฝึกที่จะเชื่อ เลือก และตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยไม่เอาชีวิตไปผูกกับใคร ผ่านวิธีการคร่าวๆ ดังนี้1. เตือนตัวเองเสมอว่า ทุกการตัดสินใจ ไม่อาจตัดสินทั้งหมดของชีวิตเรา: เพราะทุกการผิดพลาด ไม่ได้กำหนดความเป็นเรา อยากให้ทุกคนหันมาใจดีกับตัวเอง แล้วมองความผิดพลาดนั้นเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่งที่ทำให้เราเติบโตขึ้นไปได้อย่างแข็งแรงมากขึ้น บนโลกนี้ไม่มีใครไม่เคยตัดสินใจผิดหรอก2. ลองใช้ชีวิตคนเดียวดูบ้าง จะทำให้เราได้ทบทวนความต้องการมากขึ้น: เชื่อว่าหลายคนกลัวการอยู่คนเดียว เพราะความเหงาเป็นเรื่องที่กระทบกับจิตใจได้ไม่น้อย แต่การหาเวลาให้ตัวเองได้ใช้เวลากับตัวเองบ้าง จะทำให้เรารู้ว่าแท้จริงแล้ว เราต้องการอะไร มีความชอบแบบไหน คุณค่าในตัวเราคืออะไร ความปรารถนาลึกๆ ในใจมีอะไรบ้าง และนั่นอาจทำให้เมื่อมีสถานการณ์ให้ตัดสินใจ เราก็อาจเลือกตัดสินใจด้วยตัวเองมากขึ้น โดยไม่ต้องฟังคนอื่นทุกครั้งก็ได้ เพราะอย่าลืมว่า เราไม่มีทางอยู่กับทุกคนไปได้ตลอด ดังนั้นคนที่ควรสนิทมากที่สุดคือตัวเราเอง ช่วงแรกอาจยากสักนิด แต่หากค่อยๆ ฝึกใช้เวลากับตัวเอง โดยการแบ่งเวลาให้ตัวเองบ้าง จะช่วยสร้างความคุ้นชินให้สมองเราหรือใจเราเชื่อได้ว่า เราก็อยู่ได้ด้วยตัวเองได้เหมือนกันนะ และคุณอาจพบว่า คุณน่ะเก่งมากกว่าที่เคยคิดไว้เลย3. หมั่นเช็กความรู้สึกของตัวเองว่ากำลังรู้สึกแบบไหน: Hilary Hancock นักจิตวิทยา เคยกล่าวไว้ว่า หากไม่แน่ใจว่าการตัดสินใจของเรามันจะดีหรือเปล่า ให้เราคอยเช็กความรู้สึกของตัวเองอยู่เป็นประจำว่า กำลังรู้สึกอะไรอยู่กันแน่? เช่น หากจินตนาการว่า ถ้าเพื่อนไม่ยอมไปงานสำคัญงานหนึ่งกับเรา เราจึงไม่ไปด้วย เราจะรู้สึกดีจริงหรือไม่? หากคำตอบคือเราคงเสียดายที่ไม่ได้ไป เพราะเราอยากไปมาก ให้กลับมาทบทวนและวางแผนการตัดสินใจใหม่ เช่นเดียวกับที่ Andreas Wilke ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยคลาร์กสัน แนะว่า “คุณต้องมีความสุขในระยะยาวและซื่อสัตย์กับตัวเอง”&nbsp;4. ชมตัวเองเยอะๆ และพูดออกมาเลยว่ากำลังต้องการอะไร!: ในวันที่ไม่มีใครมายืนยันว่าเราดีพอหรือเปล่า กระทั่งไม่มีใครมาบอกว่า ทางเลือกของเรามันถูกหรือไม่ ถ้าใจเราเชื่อว่ามันถูกต้องและการกระทำนั้นไม่ทำร้ายตัวเราหรือคนอื่น ลองพูดออกมาดังๆ ทั้งกับตัวเอง หรือคนรอบข้างที่เราไว้ใจได้เลยว่า เรากำลังต้องการอะไรอยู่ และกล่าวชื่นชม พูดคำเชิงบวกกับตัวเองบ้าง จะทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นเยอะเลย และเชื่อสิ คนรอบข้างที่หวังดีกับเรา เขาก็จะคอยเชียร์ให้เราไปต่อในเส้นทางของเราด้วยเช่นกัน!ท้ายที่สุด ทุกการตัดสินใจ เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า ปลายทางมันจะเป็นอย่างไร แต่หากตัดสินใจไปแล้ว ก็ไม่ต้องไปคาดเดาอะไรจากมันมาก เพียงแค่ยอมรับในการตัดสินใจของเราและก้าวไปข้างหน้า เพราะไม่ว่าจะเจออะไรระหว่างทาง เราก็จะไม่นึกเสียดายแน่นอน เพราะได้ลงมือทำตามเสียงหัวใจของตัวเองแล้วอ้างอิง:<a href="https://psychcentral.com/health/coping-with-indecision" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://psychcentral.com/health/coping-with-indecision</a><a href="https://www.wondermind.com/article/indecisiveness/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.wondermind.com/article/indecisiveness/</a><a href="https://psychcentral.com/relationships/how-to-develop-self-trust#alone-time" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://psychcentral.com/relationships/how-to-develop-self-trust#alone-time</a><a href="https://www.choosingtherapy.com/how-to-be-happy-alone/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.choosingtherapy.com/how-to-be-happy-alone/ </a>

Harry Borden ช่างภาพสารคดี-พอร์ตเทรตชาวอังกฤษผู้ทำงานถ่ายภาพบรรดาคนดังทั่วโลกมาแล้วมากมาย แต่ ‘Single Dad’ คือผลงานซีรีส์ภาพถ่ายครั้งแรกที่เขาตั้งใจจะเล่าเรื่องราวธรรมดาๆ ของคนธรรมดาผ่านประสบกาณ์ของการเป็น ‘พ่อเลี้ยงเดี่ยว’ 

‘Single Dad’ ซีรีส์ภาพถ่ายจากช่างภาพ Harry Borden ที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตผู้ชาย 48 คน ในมุมเข้มเเข็งและเปราะบางของการเป็น ‘พ่อเลี้ยงเดี่ยว’ 

หากมีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว เราไม่สามารถจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้า ไม่รู้เท่าทันความรู้สึกของตัวเอง รวมถึงตอบกลับอีกฝ่ายด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล ก็อาจส่งผลให้ความขัดแย้งทวีคูณความรุนแรงมากขึ้น จึงอยากชวนมารู้จักวิธีการสื่อสารแบบ ‘I Message’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการสื่อสารอย่างสันติ เพื่อลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้คำพูดทำร้ายกันและกัน

บอกความต้องการและความรู้สึกของตัวเอง แทนการกล่าวโทษ ตำหนิ หรือโจมตีอีกฝ่าย ชวนรู้จักวิธีการสื่อสารแบบ ‘I Message’ เพื่อลดความขัดแย้งในความสัมพันธ์

ต้องยอมรับว่าวิกฤติเศรษฐกิจที่หนักหน่วงขึ้นจากความไม่แน่นอนของโลกทุกวันนี้ส่งผลกระทบทั่วถึงแทบจะทุกๆ ด้านของชีวิตเรา ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องการกินการอยู่ การทำมาหากิน หรือเรื่องปากท้อง เพราะหนึ่งในนั้นยังรวมถึงเรื่อง ‘ความรักความสัมพันธ์’ ของคนยุคนี้ที่ได้รับผลพวงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Mind

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS