เคยเป็นกันไหมที่ช่วงเวลาหลังเลิกงาน เมื่อกลับถึงบ้านแล้วอยู่ๆ รู้สึกเหมือนอยากทิ้งตัว และหากมีอะไรมาจุกจิกกวนใจในเวลานั้นเพียงนิดเดียวก็พร้อมจะงอแง หรือระเบิดอารมณ์ขึ้นมาแบบไร้เหตุผล 

‘End-of-Day Meltdowns’ รับมืออย่างไรเมื่อต้องเจอภาวะหมดแรงและพร้อมระเบิดอารมณ์หลังเลิกงาน  

เคยเป็นกันไหมที่ช่วงเวลาหลังเลิกงาน เมื่อกลับถึงบ้านแล้วอยู่ๆ รู้สึกเหมือนอยากทิ้งตัว และหากมีอะไรมาจุกจิกกวนใจในเวลานั้นเพียงนิดเดียวก็พร้อมจะงอแง หรือระเบิดอารมณ์ขึ้นมาแบบไร้เหตุผล&nbsp;จริงๆ แล้วภาวะที่หลายคนน่าจะเคยเป็นเหล่านี้มีคำเรียกเฉพาะว่า ‘After-school restraint collapse’ มาจากการที่เด็กๆ วัยเรียนมักจะระเบิดอารมณ์ออกมาเมื่อกลับถึงบ้านในรูปแบบของพฤติกรรมด้านลบต่างๆ อันเกิดจากความรู้สึกฉุนเฉียว เกรี้ยวกราด หรือหงุดหงิด หลังจากต้องอดทนกักเก็บอารมณ์มาตลอดทั้งวันระหว่างเวลาที่อยู่โรงเรียน ซึ่งนักจิตวิทยาบอกว่าภาวะนี้ไม่เพียงเกิดขึ้นได้แค่เฉพาะแค่กับเด็กๆ วัยเรียนเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติกับคนวัยผู้ใหญ่เช่นกัน โดยเฉพาะกับคนวัยทำงานที่ดูเหมือนว่าจะต้องเจอกับความยุ่งยากทางอารมณ์หลังเลิกงานไม่น้อยไปกว่าเด็กๆ กันเลย&nbsp;บทความหนึ่งใน New York Times ได้นิยามภาวะความพังทลายของการกักเก็บอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับคนวัยผู้ใหญ่ว่า ‘End-of-Day Meltdowns’ เป็นอาการที่แม้ว่าเราจะเหนื่อยและอยากทิ้งตัวมากแค่ไหนหลังเลิกงาน แต่ก็พร้อมจะโมโหจนสามารถเหวี่ยงใส่ทุกสิ่ง หรือทะเลาะกับทุกคนที่ขวางหน้าได้ง่ายๆ เหมือนกับเด็กๆ ที่ยังขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่ทำให้ไม่สามารถจัดการอารมณ์ของตัวเองได้ดีนักนักจิตวิทยาบอกว่าปัจจัยหนึ่งของการที่อยู่ๆ เราก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ในเวลาหลังเลิกงานให้อยู่กับร่องกับรอยได้เหมือนปกตินั้น อาจเป็นเพราะการที่เราต้องทำงานหรือต้องอยู่ในหน้าที่อะไรสักอย่างมาตลอดวันโดยไม่ได้หยุดพัก แถมระหว่างนั้นยังต้อง ‘ควบคุม’ หรืออดทนกักเก็บอารมณ์ความรู้สึก เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล หรือความกดดันต่างๆ ไปพร้อมกันด้วย เมื่อมาถึงจุดหนึ่งที่เรากลับมาอยู่ในพื้นที่เซฟโซนอย่างบ้าน อารมณ์ทั้งหลายที่ถูกกดไว้ตลอดทั้งวันก็จะถูกปลดปล่อยอย่างง่ายดายเมื่อไรก็ตามที่มีอะไรมากวนใจหรือทำให้รู้สึกว่า ‘เสียการควบคุม’ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ดูจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมา เพราะความรู้สึกว่าเราไม่สามารถ ‘ทน’ กับอะไรได้อีกต่อไปแล้ว&nbsp;แน่นอนว่าหากปล่อยให้อาการ ‘End-of-Day Meltdowns’ ดำเนินต่อไปทุกวันจนกลายเป็นพฤติกรรมฝังเเน่น มันอาจสร้างความ Toxic และหายนะทางสุขภาพจิตไม่ใช่แค่กับตัวเราเอง แต่ยังรวมถึงคนรอบข้างหรือคนในบ้านได้ในระยะยาว ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดีเอาเสียเลย&nbsp;นักเขียน แจนซี ดันน์ (Jancee Dunn) ผู้เขียนบทความจาก New York Times ได้เเชร์วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้เรา ‘ดีล’ กับภาวะอารมณ์พังๆ หลังเลิกงานก่อนมันจะทำร้ายตัวเราและคนรอบข้างซึ่งน่าสนใจอย่างมาก และจะมีวิธีไหนบ้าง ไปดูกันMicrobreaks&nbsp;พักแค่ 5 นาทีก็มีความหมาย คนส่วนใหญ่มักชอบคิดว่าการให้เวลาตัวเองได้หยุดพักนิดๆ หน่อยๆ ระหว่างเวลาทำงาน อาจเป็นการ ‘สปอยตัวเอง’ เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างแอบๆ เพราะผิดกฎของการทำงาน ซึ่งนักจิตวิทยาคลินิก มหาวิทยาลัยแพทย์ N.Y.U. Grossman บอกว่า จริงๆ แล้วทุกคน ‘ควร’ ทำสิ่งนั้นเป็นอย่างยิ่ง อย่างงานวิจัยชิ้นหนึ่งในปี 2022 ที่ยืนยันว่าการหยุดพักแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างวันเพียง 5 นาทีระหว่างชั่วโมงของทำงานแบบที่เรียกว่า ‘Microbreaks’ ก็เพียงพอแล้วที่จะช่วยยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะอ่อนล้าทางจิตใจที่จะถาโถมเข้ามาหลังเลิกงานได้&nbsp;Oasis Momentหาโมเมนต์สงบ หลบไปพักใจ&nbsp;นอกจากวิธี ‘Microbreaks’ ท่ามกลางเวลาทำงานที่กำลังเดือดปุดๆ ลองจินตนาการว่าหากเราสามารถนั่งแช่ในแอ่งน้ำเย็นๆ ได้ก็คงจะรู้สึกดีไม่น้อย นักจิตวิทยาเรียกโมเม้นต์ของความรู้สึกนี้ว่า ‘Oasis Moment’ ที่เหมือนกับการได้เจอแอ่งน้ำเย็นๆ ท่ามกลางทะเลทรายแห้งผาก ซึ่งทำได้ไม่ยากแค่หามุมเงียบๆ สงบๆ ที่พอจะหาได้ไม่ว่าจะเป็นในออฟฟิศหรือในบ้านท่ีช่วยให้รู้สึกตัดขาดจากโลกภายนอกสักพัก ร่างกาย จิตใจ และสมองของเราที่ร้อนระอุจากการทำงานจะค่อยๆ กลับมาอยู่ในภาวะที่เย็นลง การบูสต์เอเนอร์จี้ด้วยวิธีนี้จะยิ่งได้ผลดียิ่งขึ้นหากเราไหวตัวทัน เริ่มทำก่อนที่จะรู้สึกเหนื่อยล้าเกินไป เรียกง่ายๆ ก็คือเป็นการเซฟคืนพลังก่อนจะหมดพลังนั่นเอง&nbsp;Transition Timeให้ความสำคัญกับช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านจะเลิกงานจริงๆ กี่โมง? เป็นคำถามที่ไม่ใช่การประชดประชัน หากแต่เป็นคำถาม ‘จำเป็น’ ที่เราอาจต้องกลับมาถามตัวเองเหมือนกัน เพราะต้องยอมรับว่าอิทธิพลของ Working Culture ในโลกของการทำงานทุกวันนี้เหมือนบังคับกลายๆ ว่าเราต้อง Productive อยู่ตลอดเวลา นั่นทำให้ถึงแม้ว่าจะมีกำหนดเวลางาน แต่เอาเข้าจริงงานบางอย่างก็ไม่สามารถจบได้ตามเวลาขนาดนั้น โดยเฉพาะใครหลายคนที่ถึงจะเลิกงานแล้ว แต่ยังคงต้องทำงานระหว่างการเดินทางกลับบ้าน ทำงานขณะอยู่บนรถ หรืออาจจะลากยาวจนถึงเวลาที่กลับเข้าบ้านแล้วด้วยซ้ำ&nbsp;ระหว่างการเดินทางจากที่ทำงานถึงบ้านตรงนี้แหละที่เป็น ‘Transition Time’ หรือช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านที่สมองและร่างกายของเราซึ่งเปรียบได้กับเครื่องยนตร์ที่ร้อนมาตลอดทั้งวันจากการทำงานจะเริ่มผ่อนแรงลง และเปลี่ยนจากการโฟกัสมาเป็นโหมดผ่อนคลาย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบอกว่าช่วงเวลานี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องปิดโหมดการทำงานลงซะ เพื่อเป็นสัญญาณให้ร่างกายได้รับรู้ว่าถึงเวลาพักแล้ว และยังเป็นการกลับมารีเช็กตัวเองว่าหิวไหม ปวดเมื่อยตรงไหน เหนื่อยหรือยัง การกลับมาให้ความสำคัญกับรอยต่อของช่วงเวลานี้เองที่จะช่วยป้องกันภาวะอารมณ์พังทลายแบบ ‘End-of-Day Meltdowns’ ได้อีกวิธีหนึ่งSetting your own routineเซ็ตรูทีนให้ตัวเอง&nbsp;ถ้าพบว่าตัวเองเป็นคนที่ชอบให้ทุกอย่างอยู่ในการควบคุม ชอบทำอะไรตามรูทีน ตามตารางเวลาเป๊ะๆ อีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยไม่ให้เจอกับภาวะอารมณ์พังหลังเลิกงานที่เหมาะที่สุดอาจเป็นการลองเซ็ตรูทีนอะไรสักอย่างขึ้นมาเหมือนกับเป็น ‘นาฬิกาปลุก’ เตือนให้สมองและร่างกายรับรู้ว่าตอนนี้เรากำลังจะเปลี่ยนเข้าสู่โหมด ‘เลิกงาน’ แล้วนะ เช่น สำหรับบางคนอาจเป็นการลุกออกจากโต๊ะทำงานไปเดินยืดเส้นสาย ออกไปสูดอากาศนอกออฟฟิศ ไปพักกินข้าว หรือหากเป็นการทำงานที่บ้าน บางคนอาจเซ็ตตัวเองว่าเวลานี้ต้องพาตัวเองออกไปวิ่ง หรือพาน้องหมาไปเดินได้แล้ว อย่างน้อยที่สุดการแค่ลุกไปอาบน้ำก็เป็นวิธีที่สามารถช่วยเรียกพลังงานและความสดชื่นกลับคืนมาได้เหมือนกัน &nbsp; &nbsp;อ้างอิง<a href="https://www.nytimes.com/2024/09/13/well/adult-meltdowns-tips.html" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.nytimes.com/2024/09/13/well/adult-meltdowns-tips.html</a><a href="https://www.nytimes.com/2024/01/01/well/mind/energy-challenge-daytime-rest.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.nytimes.com/2024/01/01/well/mind/energy-challenge-daytime-rest.html</a>

นอกจากอาการเมาแผ่นดินไหวที่หลายคนกำลังเป็น จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวล่าสุดที่ผ่านมา ร่องรอยจากภัยพิบัติยังอาจทิ้งผลกระทบต่อจิตใจที่ทำให้รู้สึกไม่มั่นคง ไม่ปลอดภัย มากกว่านั้นคือการที่เราไม่รู้จะเอาตัว เอาใจไป ‘วาง’ ไว้ตรงไหน เหตุการณ์ข้างนอกก็ชุลมุลวุ่นวาย ไม่แน่นอน และยังวางใจไม่ได้ แม้ว่าแผ่นดินไหวจะผ่านไปแล้ว แต่กลับพบว่า ‘ข้างใน’ ตัวเราเองนี่แหละที่มันยังคงสั่นไหวหนักยิ่งกว่า

Earthing วิธีพาใจกลับมาจากความตื่นตระหนกหลังภัยพิบัติ ด้วยการหา ‘แกน’ ให้ตัวเองผ่านพลังงานของธรรมชาติ

“ไม่มีอะไรจะใส่เลย” คือคำพูดยอดฮิตของใครหลายคน เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้า เตรียมตัวออกจากบ้าน ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ใด ที่ต้องเร่งรีบไปพบลูกค้า ไปออกเดต ไปเยี่ยมญาติ หรือไปเที่ยวกับเพื่อนสาว แม้ว่าเสื้อผ้าในตู้มีจำนวนเพียงพอให้ใส่ได้ตลอดทั้งปีก็ตาม

ตู้เสื้อผ้า คือ ประตูสู่ตัวตนภายใน! มารู้จัก Closet Cleanse การจัดตู้ใหม่ให้ตรงเป้าหมายชีวิต หมดปัญหา “ไม่มีอะไรใส่เลย” 


ปัจจุบันสังคมไทยเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนป้องกัน HPV ในกลุ่มเพศหญิงมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่า ผู้ชายก็สามารถติดเชื้อ HPV และกลายเป็นพาหะแพร่เชื้อได้เช่นกัน

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Mind

‘End-of-Day Meltdowns’ รับมืออย่างไรเมื่อต้องเจอภาวะหมดแรงและพร้อมระเบิดอารมณ์หลังเลิกงาน

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS