การดูดวงอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิด ‘Cognitive Distortion’ หรือรูปแบบความคิดที่บิดเบือนจนนำมาซึ่งความคิดและอารมณ์ด้านลบ และทำให้เรามองโลกผิดเพี้ยนหรือแย่ไปกว่าความเป็นจริงได้ด้วย

วิธีรับมือกับ ‘Cognitive Distortion’ 
ความนอยด์จากการได้รับฟังคำทำนายร้ายๆ ที่อาจนำไปสู่ความคิดที่บิดเบือนและวิตกกังวลเกินเหตุ

การดูดวงนับเป็นอีกหนึ่งความเชื่อส่วนบุคคล และเป็นทางเลือกที่ช่วยเรื่องความสบายใจเฉพาะปัจเจกที่ไม่มีถูกมีผิด ตราบใดที่ความเชื่อนั้นไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองหรือผู้อื่น แต่แง่หนึ่งก็มีข้อควรระวัง เพราะอย่างที่เราได้เห็นกันในข่าวอยู่บ่อยๆ นั่นคือหลายคนกลับต้องเดือดร้อนจากความไว้เนื้อเชื่อใจหมอดูจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวงให้เสียทรัพย์ หรือกระทั่งการล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง และที่เราอยากหยิบมาบอกเล่าในคราวนี้ คืออีกหนึ่งข้อควรระวังในการดูดวง นั่นคือเรื่องของ ‘Cognitive Distortion’ นั่นเองการดูดวงอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิด ‘Cognitive Distortion’ หรือรูปแบบความคิดที่บิดเบือนจนนำมาซึ่งความคิดและอารมณ์ด้านลบ และทำให้เรามองโลกผิดเพี้ยนหรือแย่ไปกว่าความเป็นจริงได้ด้วยเป็นเรื่องธรรมชาติที่มนุษย์มักจะอยากได้ยินเรื่องดีๆ มากกว่าเรื่องร้ายๆ แล้วก็เป็นธรรมชาติด้วยเช่นกันที่มนุษย์มักจะเชื่อและมีเหตุผลมากมายมาสนับสนุนเวลาได้ยินคำทำนายร้ายๆ มากกว่าคำทำนายในเรื่องดีๆ ซึ่งเมื่อไรก็ตามที่คำทำนายนั้นออกมาในทางลบ มนุษย์จะเกิดความคิดแบบ ‘Automatic Thoughts’ ที่ทำให้เกิดการคาดเดาทึกทักไปต่างๆ นานาโดยอัตโนมัติว่าเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตจะต้องเป็นเรื่องแย่หรือเลวร้ายแน่นอน นั่นเพราะเราเชื่อในสมมติฐาน ซึ่งในทีนี้ก็คือ ‘คำทำนาย’ ไปแล้ว โดยไม่ได้ใช้หลักการคิดแบบ Critical Thinking หรือการคิดแบบวิเคราะห์หาเหตุผลประกอบสมมติฐานนั้นเลย&nbsp;และการเชื่อคำทำนายโดยขาดการพิจารณาบนพื้นฐานของความเป็นจริงนี้เองที่อาจส่งผลให้เกิดภาวะเครียด วิตกกังวล สิ้นหวัง ส่งผลต่อพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเราได้ เช่น ทำให้ไม่มั่นใจ ไม่กล้าทำอะไรเลย เพราะกังวลกับความเสี่ยงที่เหตุการณ์ร้ายๆ นั้น จะเป็นจริงตามคำทำนาย หรือหนักสุดก็นำไปสู่ภาวะซึมเศร้าตามมาได้ง่ายๆจริงๆ แล้วทักษะการคาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าจากประสบการณ์และจากการรับรู้ที่เคยได้รับ เป็นสกิลพื้นฐานที่มนุษย์แต่ละคนมีอยู่ในตัวกันอยู่แล้ว บทความเรื่อง Fortune Telling บนเว็บไซต์ Psychologytools อธิบายไว้ในทางจิตวิทยาว่า ที่เป็นแบบนั้นเพราะมนุษย์มี ‘Cognitive Bias’ หรืออคติทางความคิดที่ทำให้สร้าง ‘รูปแบบความจริง’ ขึ้นมาสักชุดหนึ่งเพื่อสนับสนุนความคิดของตัวเอง แม้ว่าจะคลาดเคลื่อนหรือไม่ตรงกับความเป็นจริงก็ตาม ซึ่งชุดความคิดแบบเข้าข้างตัวเองนี่แหละที่ทำให้เรารู้สึกว่า ‘Better Safe Than Sorry’ พูดง่ายๆ คือสบายใจกว่าที่ได้รู้อะไรล่วงหน้า เวลาเจอสถานการณ์แย่ๆ จะได้ไม่รู้สึกเลวร้ายมากนัก การเชื่อคำทำนายอนาคตจึงมีฟังก์ชันเหมือนกระบวนการ ‘ป้องกัน’ ความรู้สึกแย่ๆ ที่อาจเกิดขึ้น หากต้องเจอกับเหตุการณ์นั้นจริงๆ นั่นเอง &nbsp;แล้วมนุษย์อย่างเราพอจะมีอาวุธอะไรไว้ใช้รับมือ และดึงสติเวลาที่ต้องเจอคำทำนายร้ายๆ ได้บ้าง ก่อนที่เราจะรู้สึกแย่ไปกับมัน&nbsp;รู้เท่าทันความรู้สึกคำแนะนำจาก Cognitive Behavioral Therapy ผู้ให้คำปรึกษาด้านพฤติกรรมบำบัดในลอสแอนเจลิส บอกว่า เมื่อได้ฟังคำทำนายแล้วรู้สึกแย่หรือนอยด์กว่าเดิม ลองตั้งคำถามกับตัวเองดูว่า :- ‘มีประโยชน์อะไรไหมที่เราจะคาดเดาไปในทางลบล่วงหน้า’&nbsp;- ‘คำทำนายเหล่านั้นช่วยทำให้เรารับมือกับความยุ่งยากที่เกิดขึ้นได้จริงหรือเปล่า’&nbsp;- ‘แล้วถ้ามันเกิดเหตุการณนั้นขึ้นจริงๆ มีอะไรที่เราต้องเสียไปบ้าง’- ‘การทำนายนี้ทำเอาเราสับสน ขวัญเสีย หรือวิตกกังวลมากเกินไปหรือเปล่า’การ Work กับตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ จะช่วยให้เรากลับมารู้เท่าทันความรู้สึกแย่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น และทำให้สามารถใคร่ครวญได้ว่าการดูดวงหรือทำนายทายทักนั้นกำลังช่วยเรา หรือกำลังบั่นทอนทำร้ายเราอยู่กันแน่&nbsp;ท้าทายความเป็นไปได้หลังจากดูดวงและได้รับคำทำนายแต่ละครั้ง ลองจดบันทึกหรือโน้ตเอาไว้คร่าวๆ เพื่อใช้เป็นหลักฐานสนับสนุนว่าการทำนายแต่ละครั้งมันจริง มันแม่นแค่ไหนกันเชียว เช่น คำทำนายแบบนี้ สถานการณ์แบบนี้ เคยเกิดขึ้นจริงไหม แล้วเราตัดสินใจหรือรับมืออย่างไรตอนที่มันเกิดขึ้นจริง เวลาเกิดขึ้นจริงมันมีความยากแค่ไหน แล้วมีอะไรที่ผิดไปหรือไม่ตรงกับคำทำนายไหม การลิสต์ความเป็นไปได้ส่วนหนึ่งจะเป็นหนทางที่ช่วยให้เราป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ร้ายๆ ตามคำทำนายเกิดขึ้นได้ ถือว่าเป็นการเซฟตัวเองได้อีกทาง และยังช่วยให้เราสามารถรับมือกับเหตุการณ์ร้ายๆ นั้นได้ หากมันดันเกิดขึ้นจริงในวันใดวันหนึ่งอะไรคอนโทรลได้ อะไรไม่ได้ต่อมาลองตั้งคำถามหรือจดลิสต์กับตัวเองไปด้วยว่า หากเหตุการณ์ตามคำทำนายนั้นเกิดขึ้นจริงๆ ในอนาคต มีอะไรที่เราสามารถทำได้หรือควบคุมได้บ้าง เช่นเดียวกับที่มีอะไรที่อยู่เหนือการควบคุมของเราบ้าง และลอง Work กับมันว่าถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว พอมีทางไหนที่จะช่วยให้เราแก้สถานการณ์ หาทางป้องกัน หรือผ่านเหตุการณ์เลวร้ายนั้นไปได้กันนะมองหาข้อดีให้เจอในทุกๆ เหตุการณ์ของชีวิตล้วนมีแง่งามหรือบทเรียนบางอย่างให้เราได้เสมอ ในเหตุการณ์ร้ายๆ ตามคำทำนายที่ยังไม่เกิดขึ้นนี้ก็เช่นกัน ลองมองหาข้อดีจากสถานการณ์เลวร้ายตั้งแต่ร้ายแบบเบาะๆ จนถึงแบบ Worst-case Scenario ที่พอจะนึกได้อย่างน้อยๆ สัก 3 ข้อ แล้วลองคิดดูว่ามีข้อดีอะไรบ้างที่เราจะได้รับจากมัน แล้วเราจะสามารถทำให้สิ่งดีๆ นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ร้ายๆ เหล่านั้น&nbsp;หลังจากใคร่ครวญความน่าจะเป็นด้วยการตั้งคำถามและวิเคราะห์อย่างมีเหตุมีผลกับตัวเองด้วยวิธีเหล่านี้แล้ว ก็อาจทำให้คำทำนายมีผลกับเราน้อยลง จนช่วยให้รู้สึกมั่นใจกับการรับมือทุกเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไม่ว่าดีหรือร้ายได้ ที่สำคัญคือคำทำนายใดๆ ก็จะไม่มีอำนาจเหนือกว่าตัวเราจนทำให้รู้สึกนอยด์ หรือมีผลกับชีวิตเราได้มากขนาดนั้นอีกต่อไป&nbsp;ที่มา : <a href="https://cogbtherapy.com/cbt-blog/cognitive-distortion-fortune-telling" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://cogbtherapy.com/cbt-blog/cognitive-distortion-fortune-telling</a><a href="https://www.psychologytools.com/resource/fortune-telling/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.psychologytools.com/resource/fortune-telling/</a>

“แผ่นดินไหวทำให้รู้ว่าใครรักและเป็นห่วงเราบ้าง” / “เราเลิกกับแฟนเพราะแผ่นดินไหว” ในช่วงภาวะวิกฤตที่ผ่านมา มีทั้งคนใกล้ตัวเราและคนในโซเชียลมีเดีย ออกมาแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวเองว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ ทำให้ได้เรียนรู้อะไรอย่างมากในความสัมพันธ์

แผ่นดินไหวครั้งนี้…บางคู่รักกันมากขึ้น 
แต่บางคู่ขอเลือกยุติความสัมพันธ์ เพราะ Support System ที่ดีจาก ‘คนรัก’ “สำคัญมาก” ต่อสภาพจิตใจในช่วงภาวะวิกฤต

หายใจลึกๆ แล้วดึงสติ! กับ Aromatherapy 
กลิ่นหอมสมุนไพรที่ช่วยให้ร่างกายกลับมาอยู่จุดศูนย์กลางอีกครั้ง


“สบาย” อาจเป็นคำง่ายๆ คำเดียว แต่ใช้บรรยายความรู้สึกของเราได้ดีที่สุดแล้ว และเชื่อว่าใครที่มีโอกาสได้เข้ามายืนอยู่ตรงนี้แบบเดียวกันในสปา ‘l o m l o m’ (ล ม ล ม) ก็คงรู้สึกคล้ายๆ กัน 

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Mind

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS