Cuffing Season ฤดูกาลที่คนมักจะรู้สึกว่าอยากหาใครสักคนมาอยู่ข้างๆ ในรูปแบบความสัมพันธ์แบบใดแบบหนึ่ง ‘ชั่วคราว’ โดยไม่ได้จำเป็นต้องผูกมัดอะไรกัน แค่เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงสิ้นปีไปได้ก็พอ

บรรยากาศเฉลิมฉลอง ยิ่งทำให้บางคนเหงา! รู้จัก Cuffing Season ฤดูกาลที่ชวนให้เราอยากหาคนข้างๆ หรือ ‘ใครก็ได้’ ที่จะพากันพ้นภัยความเหงาในช่วงสิ้นปี

ท่ามกลางปาร์ตี้มากมายในช่วงปลายปี บรรยากาศของการเดต โมเมนต์โรแมนติกของคู่รัก โมเมนต์อบอุ่นของการอยู่พร้อมหน้ากันของเพื่อนฝูง คนรัก ครอบครัว ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข แต่บางทีก็แอบทำร้ายหัวใจใครบางคนได้เหมือนกัน โดยเฉพาะกับคนที่ต้องอยู่ลำพังในช่วงเวลาที่เรียกว่า ‘Cuffing Season’&nbsp;แบบนี้คำว่า Cuffing Season ถึงกับเคยถูกบรรจุไว้ใน Urban Dictionary เมื่อปี 2011 หมายถึงฤดูกาลที่คนมักจะรู้สึกว่าอยากหาใครสักคนมาอยู่ข้างๆ ในรูปแบบความสัมพันธ์แบบใดแบบหนึ่ง ‘ชั่วคราว’ โดยไม่ได้จำเป็นต้องผูกมัดอะไรกัน แค่เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงฤดูหนาวกับบรรยากาศของการเฉลิมฉลองในช่วงสิ้นปีไปได้ก็พอแต่อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าเหตุเกิดจากความเหงา หรือเป็นอารมณ์อ่อนไหวส่วนตัวของเราเพียงอย่างเดียวที่ทำให้อยากกระทำความหว่องกับใครแบบไม่มีเหตุผลในช่วงนี้ เพราะปรากฏการณ์ Cuffing Season สามารถอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์ได้ว่าการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาลนั้นมีส่วนกระตุ้นให้เกิด Seasonal Affective Disorder (SAD) หรือภาวะซึมเศร้าตามฤดูกาลได้จากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นอากาศที่เริ่มเย็นลง ความมืดเข้ามาแทนทีเร็วขึ้น เวลากลางคืนยาวนานกว่ากลางวัน รวมถึงปัจจัยทางกายภาพอย่างระดับการหลั่งสารเซโลโทนิน (Serotonin) ในร่างกายที่เปลี่ยนเปลี่ยนไปในช่วงฤดูหนาวซึ่งเหล่านี้ล้วนแต่มีผลต่ออารมณ์ของมนุษย์ทั้งสิ้นไหนจะปัจจัยเชิงสังคมที่เราถูกค่านิยม วัฒนธรรม บวกกับอิทธิพลของโซเชียลฯ และสื่อต่างๆ กล่อมให้รู้สึกว่าช่วงเวลาแบบนี้มันต้อง ‘มีโมเม้นต์’ สิ! (ยกตัวอย่างเช่นบรรดาหนังรักโรแมนติกที่ในยุคหนึ่งขยันออกมากันทุกปลายปี จนเราติดภาพจำไปแล้วว่าคริสต์มาสก็คือเทศกาลแห่งความโรเเมนติกเทศกาลหนึ่งเหมือนวันวาเลนไทน์) ยิ่งสร้างความคาดหวังและแรงกดดันทางสังคมให้กับคนโสด คนไม่มีคู่ ไม่มีครอบครัว หรือคนที่ต้องอยู่ตามลำพังในช่วงเทศกาลด้วยเหตุผลต่างๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้หลายคนอาจไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน ไม่เคยรู้สึกเหงา รู้สึกแย่กับการอยู่คนเดียว หรือไม่เคยมีความโหยหาการอยู่กับใครสักคนมาก่อนเลยในชีวิต สุดท้ายอาจจะพบว่าตัวเองนั่งไถแอพฯ หาคู่อย่างเอาเป็นเอาตายเพียงเพื่อจะหา ‘ใครก็ได้’ ที่จะพากันหลบหนีจากภัยความเหงาช่วงเทศกาลนี้ไปได้เสียที&nbsp;ปรากฏการณ์นี้ยืนยันได้จาก Bumble แอพพลิเคชั่นหาคู่รายหนึ่งที่เปิดเผยกับเว็บไซต์ Masable ว่าช่วงเวลาแห่งเทศกาลนี้สิ้นปีนี่แหละที่คนจะพร้อมใจกันหลั่งไหลเข้ามาใช้บริการหาคู่เดตเป็นจำนวนมากโดยมิได้นัดหมาย แต่จริงๆ แล้วความคิดที่จะหาใครสักคนเพราะต้องการหนีความเหงาในช่วงเทศกาลอาจส่งผลร้ายกว่าที่คิด อย่างแรกคือสุขภาพใจของเราเอง นักบำบัดด้านความสัมพันธ์อธิบายว่า ความรู้สึกเหงาหรือเศร้าเกิดขึ้นได้กับคนส่วนใหญ่เป็นเรื่องธรรมดาในช่วงเทศกาลสิ้นปีแบบนี้ และมันทำให้หลายคนอยากหาอะไรสักอย่าง หรือใครสักคนมาช่วยให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นในช่วงเวลานั้นๆ แต่นั่นไม่ใช่หนทางที่ดีสักเท่าไร เพราะผลลัพธ์ของมันอาจทำให้รู้สึกแย่กว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ&nbsp;“เหมือนกับคุณอยากของหวานมากๆ มันอาจจะทำให้รู้สึกดีในช่วงเวลาหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็คือ…พัง” เรเชล ซัสเเมน นักบำบัดด้านความสัมพันธ์ กล่าว&nbsp;แล้วสิ่งที่เรียกว่า ‘Situationships’ ก็มักจะเกิดขึ้นในช่วง Cuffing Season นี่แหละ ซึ่งโค้ชด้านความสัมพันธ์เตือนว่าก่อนเริ่มความสัมพันธ์ลักษณะนี้กับใคร ควรถามตัวเองให้ดีๆ ว่านั่นเป็นสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงไหม เพราะมันเหมือนกับการวิ่งเข้าชนความเสี่ยง เป็นการวิ่งเข้าไปด้วยอารมณ์ ด้วยสภาพจิตใจที่ว้าวุ่นล้วนๆ นอกจากไม่รู้ว่าจะเติมเต็มสิ่งที่เราต้องการได้หรือเปล่า ยังอาจไม่ตอบโจทย์สำหรับใครที่กำลังมองหาความมสัมพันธ์ที่จริงจัง ยั่งยืนในระยะยาวด้วย เหมือนกับผู้ใช้แอพฯ หาคู่ eHarmony กว่า 56% ที่ยอมรับว่าเคยอกหักอย่างหนักมาแล้วจากความสัมพันธ์แบบ Situationships หนำซ้ำหลายคนยังบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามัน ‘เจ็บกว่า’ การอกหักจากความสัมพันธ์ที่คบกันแบบจริงจังเสียอีก&nbsp;“ความสัมพันธ์ที่จะอยู่ได้ในระยะยาวไม่ได้เริ่มต้นมาจากความรู้สึกสิ้นหวังหรอกนะคะ คุณจะรู้ว่านั่นคือความสัมพันธ์ที่ใช่ที่สุดหรือไม่ก็ต่อเมื่อคุณรู้สึกดีกับตัวเองก่อน และมันโอเคมากๆ ด้วยที่จะไม่ต้องเดตกับใครเลยในช่วงเวลานี้แล้วหันกลับมาเวิร์กกับตัวเองแทน” เรเชล ซัสเเมน นักบำบัดด้านความสัมพันธ์ กล่าวสุดท้ายเราอาจต้องกลับมากอดตัวเองแน่นๆ โดยไม่ลืมความจริงที่ว่าไม่ว่าฤดูกาลไหน เทศกาลอะไร จะคริสต์มาส ปีใหม่ วาเลนไทน์ ก็คือวันธรรมดาๆ เหมือนกับวันอื่นๆ บนปฏิทิน ที่รู้สึกกับมันอย่างเข้มข้นรุนแรงขึ้นมาเพราะอะไรกันแน่ และเราต้องการใครสักคนเพื่อแค่ให้เขาช่วยบรรเทาความรุนแรงของมันเท่านั้นหรือเปล่า นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของปีที่จะได้ ‘ดึงสติ’ กลับมาแล้วหาคำตอบให้กับใจตัวเองจริงๆ ก็ได้นะอ้างอิง<a href="https://www.refinery29.com/en-us/tired-of-dating-during-the-holidays" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.refinery29.com/en-us/tired-of-dating-during-the-holidays</a><a href="https://mashable.com/article/cuffing-season-survival-single-person" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://mashable.com/article/cuffing-season-survival-single-person</a>

แม้การเผชิญกับอารมณ์เชิงลบจะเป็นสิ่งที่ยาก แต่การยอมรับความรู้สึกทั้งด้านบวกและลบ คือส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์ บางครั้งการเก็บกดความรู้สึกมากเกินไป อาจยิ่งทำให้ปัญหาภายในใจรุนแรงขึ้น ซึ่งส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์และสุขภาพจิตในระยะยาว

ทำไมบางครั้งเราถึงรู้สึกไม่ดีกับเพื่อนที่มองโลกบวกตลอดเวลา? พลังบวกเชิงลบจาก ‘Toxic Positivity’ การมองโลกในแง่ดีมากเกินไปในทุกสถานการณ์ จนละเลยอารมณ์เชิงลบของตนเองและผู้อื่น

หากใครรู้สึกอ่อนไหวต่อสิ่งรอบตัวได้ง่าย ไม่ว่าจะรู้สึกเศร้าเพียงเพราะเรื่องเล่าจากเพื่อน เสียใจมากเมื่อได้รับคำวิจารณ์ เซนซิทีฟกับคำพูดเล็กๆ น้อยๆ ของคนอื่น อินกับหนังจนรู้สึกเหมือนเป็นตัวละครในนั้น หรือแม้แต่ไวต่อแสง สี เสียง และกลิ่น บางทีคุณอาจจะไม่ใช่คนงี่เง่าไร้เหตุผลหรือคิดมากเกินไป แต่เป็น Highly Sensitive Person หรือคนที่มีบุคลิกภาพละเอียดอ่อนสูง

อ่อนไหวง่ายไม่ได้แปลว่างี่เง่า ร้องไห้บ่อยไม่ได้แปลว่าอ่อนแอ 4 วิธีรับมือเมื่อเป็น Highly Sensitive Person หรือคนที่มีบุคลิกภาพไวต่อสิ่งรอบตัวมากเป็นพิเศษ

ไม่ใช่เรื่องผิด หากใครจะตัดสินใจคบกับแฟนต่อแม้จะถูกนอกใจ มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เอามากๆ ขณะเดียวกัน การตัดสินใจที่จะคบกันต่อก็ไม่ได้เรื่องง่ายๆ 

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Mind

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS