ดาราก็คน มีรัก มีเลิก มีพบ มีจาก มีดี มีร้าย และความสัมพันธ์ไม่มีอะไรจีรังแน่นอน

คนที่อินหนัก เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของ ‘ดารา’  ลึกๆ แล้วในทางจิตวิทยา หลายคนคาดหวัง อยากมีความสัมพันธ์ที่เพอร์เฟกต์เอง

ไม่ว่าดาราคนนี้จะรักกับคนนั้น ดาราคนนั้นจะเลิกกับคนนี้ ดาราคนนู้นจะแต่งงานกับคนโน้น ปรากฏการณ์ความสัมพันธ์ดาราบนสนามข่าวบันเทิงได้กลายเป็นอาหารจานร้อนที่ทำให้หลายคนอิน (มาก) ถึงขนาดยกสุดแขนเชียร์คู่นั้นคู่นี้สุดใจ เช่นเดียวกับแสดงออกว่าไม่ชอบคู่นั้นคู่นี้อย่างเปิดเผย บางครั้งเลยไปคอมเมนต์ถึงในโซเชียลมีเดียของเขา ทำไมทุกครั้งเราถึงอินตามความสัมพันธ์โรแมนติกของดารา หรือเซเลบริตี้ ไม่ว่าจะช่วงรักกันหวานชื่น ที่เห็นคู่นี้ก็ยิ้มจนแก้มปริ หรือช่วงขมขื่นเลิกรา บางคนก็เสียใจจนต้องออกโรงแบ่งพรรคแบ่งทีม สาปส่งหาคนผิดของสาเหตุการเลิก จริงๆ ก็สามารถอธิบายตามหลักจิตวิทยาได้เหมือนกันว่าลึกๆ แล้วคุณมองความรักของดารา เหมือนเทพนิยายโรแมนติกแฟนตาซีที่แสนอุดมคติ ไม่อยากให้ความเพอร์เฟกต์นั้นมีรอยร้าวแม้แต่นิดเหมือนความสัมพันธ์ที่ตัวเองเคยเผชิญ หรือเป็นความรักแย่ๆ ที่เห็นจากคู่อื่นๆ ทั่วไป ดังความเห็นของ ดร.เม็ก อาร์โรลล์ (Dr. Meg Arroll) สรุปสั้นๆ ว่า เมื่อความสัมพันธ์ทุกอย่างของดาราพังทลาย ความรู้สึกสูญเสียที่มากมายก่ายกองจะเกิดขึ้นในบางคน เพราะคนเหล่านั้นต้องการที่จะเชื่อในเทพนิยายเรื่องนั้น ซึ่งปูมาแล้วให้คนสองคนมาเจอกัน ตกหลุมรักกัน และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป แต่ความจริง ดาราก็เป็นเพียงมนุษย์เหมือนกับเรา สาเหตุที่คนไม่พอใจจึงไม่ใช่แค่ยืนเพื่อพวกเขา เหมือนที่เราอยู่ข้างเพื่อนๆ แต่เพราะว่าพวกเขาเป็นตัวแทนของชีวิตอุดมคติต่างหาก และความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจหลายคนก็อาจจะเป็น “ถ้าเรื่องรักของเซเลบยังไม่เวิร์ก แล้วชีวิตรักของคนอื่นจะเวิร์กเหรอวะ?” อะไรทำนองนี้ ถ้าลองถอยออกมาหนึ่งก้าว และมองดูความสัมพันธ์ของดาราให้เหมือนคู่รักทั่วไป เราอาจจะเข้าใจสัจธรรมความรักได้ง่ายกว่าเดิม ว่าสาเหตุที่เขารักกัน หรือสาเหตุที่เขาเลิกกัน มันเป็นเรื่องปัจเจกบุคคล ที่เราไม่สามารถเอามีดไปจี้คอให้ใครตอบสิ่งที่เราอยากรู้ได้ทุกกระเบียดนิ้ว และการที่เขาเลือกจะตอบเท่าที่อยากตอบ นั่นมันก็คือสิทธิของเขา เหมือนกับการที่เราก็ไม่อยากตอบคำถามบ่อยๆ ว่าทำไมถึงเลิกกับแฟนของตัวเองเหมือนกัน กลายเป็นว่าอะไรที่เราไม่ชอบในชีวิตรัก หรืออะไรที่เราไม่คิดจะทำในชีวิตจริง เราเอาสิ่งเหล่านั้นไปผูกรวมกับความสัมพันธ์ของดาราที่เรารู้จักเขาเพียงด้านเดียว หวังให้เขาทำแทนเรา ใช้ชีวิตรักให้ดีกว่าเรา เป็นหลุมหลบภัยจากความเป็นจริง และเครื่องจรรโลงใจให้ได้ผ่อนคลายกับตัวเอง “ผู้คนชอบแฟนตาซี เพราะเป็นหนทางหนีจากชีวิตความเป็นจริงของพวกเขา และการดูความสัมพันธ์ของคนดัง มักจะสร้างหนทางให้ผู้คนหันเหความสนใจจากตัวเอง ไปโฟกัสอย่างอื่นที่พวกเขามองว่า วิเศษจัง” คิมเบอร์ลี่ เฮอร์เชนสัน (Kimberly Hershenson) นักบำบัดในนิวยอร์กกล่าวกับ SheKnows ความวิเศษที่เฮอร์เชนสันว่า สำหรับบางคนมันก็วิเศษจริงๆ เธอมองว่า เรื่องความสัมพันธ์สามารถทำให้คนรู้สึกสิ้นหวังได้เลย คนที่อยู่ในความสัมพันธ์บางคนอาจจะรู้สึกว่ากำลังติดกับดัก หรือกับบางคนที่ไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์ ก็อาจจะรู้สึกเหมือนกับว่าไม่เคยเจอใครสักคนเลย การมองดูชีวิตของคนดังจึงสามารถทำให้รู้สึกมีความหวังมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตตัวเอง ฟังดูก็อาจจะมีข้อดีเหมือนกันในการติดตามชีวิตรักๆ ใคร่ๆ ของดารา เฮอร์เชนสันชี้ว่า “บางครั้งมันก็ง่ายที่จะโฟกัสเรื่องของคนอื่นมากกว่าเรื่องของตัวเอง และเมื่อชีวิตลำบาก การได้มองคนที่มีในสิ่งที่คุณต้องการ อาจทำให้คุณมีความหวังได้บ้าง” หรือแม้แต่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ของดารามาเป็นบทเรียนให้กับชีวิตตัวเอง เช่น ดาราคนนี้เลิกกันเพราะเรื่องนั้น เรื่องนี้ มีปัญหาตรงนั้น ตรงนี้ คุณก็เก็บเอาความรู้เข้าคลัง และเอาไปพัฒนาความสัมพันธ์ของตัวเองให้ดีขึ้น เพื่อจะได้ไม่จบแบบเดียวกัน การติดตามข่าวคู่รักดาราให้เป็นสีสันชีวิตพอกรุบกริบ และเลือกเอาแง่มุมที่น่าสนใจของเหตุการณ์ที่เขากล่าวถึงในวันที่เลิกกัน และรักกันมาปรับใช้ในชีวิตของตัวเอง ก็พอมีข้อดีอยู่บ้าง แต่การที่อินหนักถึงขนาดคิดแทนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ว่าเขาต้องคิดแบบนั้น แบบนี้ รู้สึกแย่ รู้สึกดี ทั้งหมดล้วนเป็นจิตปรุงแต่งที่คุณสร้างขึ้นมาเอง เพราะอยากจะเชื่อแบบนั้น ในวันที่คู่รักอุดมคติที่ชื่นชอบของคุณแยกทางกัน และคุณก็ไม่มีอะไรให้ยึดเหนี่ยวจิตใจ และสำหรับใครที่อินหนักจัดเต็ม ด่ากราดด้วยคำพูดหยาบคาย นอกจากจะเสี่ยงโดนฟ้องแล้ว ยังส่งผลต่อความสัมพันธ์ของคุณเองได้ด้วย ซึ่งเฮอร์เชนสันทิ้งท้ายว่า ถ้าใครให้ความสำคัญกับรักแฟนตาซีของดาราที่แทบจะรู้เพียงเสี้ยวเดียวที่มีให้เห็นตามข่าว ก็อาจจะได้รับความคาดหวังที่ไม่สมจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เฮลตี้ได้ ดาราก็คน มีรัก มีเลิก มีพบ มีจาก มีดี มีร้าย และความสัมพันธ์ไม่มีอะไรจีรังแน่นอน ถ้าคนข้างบ้านยังเลิกกับแฟนที่คบกันมา 10 ปีได้ เพื่อนสนิทแต่งงานกับแฟนที่คบกันแค่ไม่กี่เดือนได้ หรือแม้แต่ตัวคุณเองที่เคยหย่าร้างกับใครสักคนที่สร้างแผลใจขนาดใหญ่ไว้ได้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ความรักมันแปรปรวน และเปลี่ยนแปลงเป็นรายวัน ไม่ได้มีดาราเป็นข้อยกเว้น อ้างอิง: <a href="https://www.sheknows.com/health-and-wellness/articles/1139699/fascinated-by-celeb-love-lives/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.sheknows.com/health-and-wellness/articles/1139699/fascinated-by-celeb-love-lives/</a> <a href="https://www.shepherdandlong.com/2020/09/15/obsessed-with-celebrity-relationships-it-could-end-up-ruining-your-own/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.shepherdandlong.com/2020/09/15/obsessed-with-celebrity-relationships-it-could-end-up-ruining-your-own/</a>&nbsp;

เป็นเรื่องไม่ง่ายเลยที่คนเราจะจัดการกับอารมณ์ใดๆ ที่เจอมาทั้งวันได้อย่างง่ายดายเหมือนกับปิดสวิตช์ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมอารมณ์ของเรามักจะไปถึงจุด ‘Overwhelm’ เอ่อล้น ท่วมท้นไปหมดในช่วงท้ายของวัน

เศร้าจริง หรือแค่ดิ่งดาวน์ ชวนทำความเข้าใจ ‘Nighttime Depression’ ภาวะซึมเศร้าที่มักเกิดในเวลากลางคืน และพีคสุดช่วง ‘ตีสาม’

‘Hand Fetish’ เมื่อมือของคนรักหรือคู่นอนช่างเย้ายวนใจและเซ็กซี่โดนใจเสียเหลือเกิน เพราะ ‘มือ’ เป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่สำหรับบางคนมันสามารถเร้าอารมณ์ และกระตุ้นความต้องการทางเพศได้ 

Hand Fetish ความคลั่งไคล้ ‘มือ’ ของคนรักหรือคู่นอน ที่ปลุกเร้าอารมณ์ผ่านการลูบ จับ เลีย จูบ หรือแค่มอง ก็ทั้งเสวและเสร็จได้

เป็นไปได้ยากหรือแทบจะเป็นไปไม่ได้ ที่เราจะหาคนรักที่ได้ดั่งใจเรา 100% และหลายครั้งความคาดหวังที่สูงเกินไปเหล่านี้ก็สร้างความวุ่นวายใจในความสัมพันธ์หรือบางครั้งก็นำไปสู่การแตกหักทั้งที่จริงอาจยังมีจุดที่ต่างฝ่ายต่างปรับเข้าหากันได้ 

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Mind

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS