ทางเลือกอย่างถุงยางอนามัยและการทำหมัน ยังคงเป็นทางเลือกในการคุมกำเนิดของผู้ชายที่มีประสิทธิภาพที่สุดในปัจจุบัน แต่ล่าสุดยาคุมกำเนิดสำหรับผู้ชายชนิดเม็ดแบบไร้ฮอร์โมน ชื่อ YCT-529 ซึ่งผ่านการทดลองทางคลินิกในมนุษย์ระยะที่ 1 เป็นที่เรียบร้อย อาจกลายเป็นความหวังที่เข้าใกล้การคุมกำเนิดผู้ชายและช่วยให้เราสามารถวางแผนครอบครัวได้ดีขึ้นอีกหนึ่งสเต็ป 

YCT-529 ยาคุมกำเนิดสำหรับผู้ชาย
ผ่านการทดลองทางคลินิกในมนุษย์ระยะที่ 1 เป็นที่เรียบร้อย และอาจเป็นความหวังใหม่ของการคุมกำเนิดอย่างเท่าเทียมในอนาคต  

ทางเลือกอย่างถุงยางอนามัยและการทำหมัน ยังคงเป็นทางเลือกในการคุมกำเนิดของผู้ชายที่มีประสิทธิภาพที่สุดในปัจจุบัน แต่ล่าสุดยาคุมกำเนิดสำหรับผู้ชายชนิดเม็ดแบบไร้ฮอร์โมน ชื่อ YCT-529 ซึ่งผ่านการทดลองทางคลินิกในมนุษย์ระยะที่ 1 เป็นที่เรียบร้อย อาจกลายเป็นความหวังที่เข้าใกล้การคุมกำเนิดผู้ชายและช่วยให้เราสามารถวางแผนครอบครัวได้ดีขึ้นอีกหนึ่งสเต็ป &nbsp;ผลการทดลองในมนุษย์ระยะที่ 1 ของยาคุม YCT-529 นี้ ได้เผยแพร่ในวารสาร Communications Medicine เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่ายาคุมกำเนิดแบบไร้ฮอร์โมน YCT-529 มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการผลิตโปรตีนที่สำคัญต่อการสร้างสเปิร์มในภาวะปกติ คือ Retinoci Acid receptor alpha (RAR-a) ซึ่งจะไปหยุดปฏิกิริยาลูกโซ่ทั้งหมด และหยุดการผลิตสเปิร์มที่จะว่ายไปปฎิสนธิกับไข่ &nbsp;ข้อดีของยาคุมกำเนิดชนิดนี้คือไม่มีผลข้างเคียงอย่างการไปรบกวนหรือเปลี่ยนแปลงการทำงานของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญของเพศชาย ไม่ส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจ รวมถึงยังไม่ส่งผลต่ออารมณ์และสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายด้วย&nbsp;ยาคุม YCT-529 ถูกพัฒนาโดย YourChoice Therapeutics บริษัทผู้พัฒนายาร่วมกับมหาวิทยาโคลัมเบีย และมหาวิทยาลัยมินเนโซตา ภายใต้การวิจัยที่นำโดย ดร. Gunda Georg ศาสตราจารย์ระดับสูงของมหาวิทยาลัยมินเนโซตา ที่ทำการวิจัยและทดลองยาคุมกำเนิดสำหรับผู้ชายมานานกว่า 2 ทศวรรษ โดยได้เคยเคยทดลองกับหนูเพศผู้มาแล้ว และพบว่าสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากถึง 99% ซึ่งข้อดีอีกอย่างของตัวยานี้ก็คือการที่มันไม่ได้ไปรบกวนภาวะเจริญพันธุ์ในระยะยาว เพราะภาวะเจริญพันธุ์จะกลับมาภายในเวลา 4-6 หลังจากหยุดการใช้ยา หลังจากที่ทดลองกับหนูเพศผู้แล้วพบว่าพวกมันสามารถกลับมาผลิตอสุจิได้ภายในระยะเวลา 6 วันหลังจากการหยุดยา&nbsp;และการทดสอบในมนุษย์ครั้งแรกนี้เองที่โฟกัสไปที่ความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการดูดซึมตัวยาเมื่อเข้าสู่ร่างกาย โดยทำทดลองกับกลุ่มผู้ชายที่มีสุขภาพสมบูรณ์จำนวน 16 คน ช่วงอายุประมาณ 32 - 59 ปี ผลการทดลองพบว่าตัวยา YCT-529 มีประสิทธิภาพในการดูดซึมได้ดีและรวดเร็ว และในเวลานี้การทดลองในระยะที่สองก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เพื่อค้นหาต่อไปว่าปริมาณโดสที่เหมาะสมของการใช้ยาคุมตัวนี้จะเป็นอย่างไร สำหรับผู้ชายที่ได้รับยาเป็นเวลา 28 และ 90 วัน หากได้รับการยืนยันว่ามันสามารถไปยับยั้งการผลิตสเปิร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ และปลอดภัยต่อมนุษย์ในระยะยาว ก็จะสามารถผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ และจะนำมาสู่การวางจำหน่ายต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้&nbsp;อย่างไรก็ตาม แม้การทดลองครั้งนี้ไม่ได้ระบุเรื่องผลข้างเคียงของตัวยา YCT-529 แต่ Nadja Mannowetz หนึ่งในผู้ก่อตั้ง YourChoice Therapeutics กล่าวว่า ในทางทฤษฎีแล้วยาตัวนี้อาจให้ผลข้างเคียงต่อการตอบสนองต่ออารมณ์ทางเพศ หรือทางด้านอารมณ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น&nbsp;ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อมไร้ท่อ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ดร. Stephanie Page ผู้ศึกษาเรื่องยาคุมกำเนิดสำหรับผู้ชายมานานกว่า 20 ปี ให้ความเห็นกับเว็บไซต์ Scientific American ว่า มันอาจจะยังเร็วเกินไปและเกินจริงไปหน่อยที่จะบอกได้ว่ายาตัวนี้จะไม่มีผลข้างเคียงเลย เพราะเธอมองว่ายาทุกตัวในท้องตลาดล้วนมีผลข้างเคียงไม่มากก็น้อยแตกต่างกันไป แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ยังคงต้องการยาคุมกำเนิดสำหรับผู้ชายแบบ ‘Reversible’ ที่สามารถย้อนกลับหรือแก้ไขได้ โดยไม่ทิ้งผลกระทบถาวรต่อสุขภาพหรือการเจริญพันธ์ุของผู้ชายในระยาวดร. Gunda Georg ศาสตราจารย์ระดับสูงของมหาวิทยาลัยมินเนโซตา ที่ทำการวิจัยและทดลองยาคุมกำเนิดชนิดนี้ มองว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะทั่วโลกเองก็ต่างกำลังเปิดใจมองหาทางเลือกใหม่ๆ ในการคุมกำเนิด ยาคุมที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คู่รักมีทางเลือกสำหรับการคุมกำเนิดและการวางแผนครอบครัวได้มากขึ้น นอกจากนั้นแล้ว มันยังสามารถช่วยในการแบ่งเบาภาระหน้าที่ของการคุมกำเนิดที่เดิมอาจมีเพียงแค่ผู้หญิงที่ต้องรับผิดชอบมากกว่า ให้เกิดความเท่าเทียม และยังช่วยให้ผู้ชายมีสิทธิเหนือร่างกายตัวเอง มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ และมีทางเลือกที่จะดูแลการเจริญพันธุ์ของตัวเองได้มากขึ้นด้วยอ้างอิง<a href="https://www.instagram.com/p/DMxfuBNzvo4/?igsh=MWNmN3VlajM4eXN2Ng==" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.instagram.com/p/DMxfuBNzvo4/?igsh=MWNmN3VlajM4eXN2Ng==</a><a href="https://www.scientificamerican.com/article/male-birth-control-pill-yct-529-passes-human-safety-test/" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.scientificamerican.com/article/male-birth-control-pill-yct-529-passes-human-safety-test/</a><a href="https://techsauce.co/news/male-birth-control-pill-yct529" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://techsauce.co/news/male-birth-control-pill-yct529</a><a href="https://www.sciencealert.com/hormone-free-male-birth-control-pill-enters-clinical-trials-for-the-first-time" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.sciencealert.com/hormone-free-male-birth-control-pill-enters-clinical-trials-for-the-first-time</a>

ภาพยนตร์แอนิเมชันสัญชาติลัตเวีย ‘Flow’ ไม่แปลกใจว่าทำไมเขาถึงได้รางวัลระดับโลกมาครอง แม้ภาพยนตร์จะไม่มีเสียงพูดของสัตว์ทั้งหลายในเรื่องเลยสักนิด ทว่าสารที่ได้รับกลับส่งเสียงดังและทัชใจมากพอที่จะตกตะกอนความคิดบางอย่างจนถึงเสียน้ำตาให้กับมัน

ยื่นมือขอความช่วยเหลือไม่ใช่ความอ่อนแอ และหากจะ “Let It Flow” ปล่อยวางในสิ่งที่ควบคุมไม่ได้บ้าง อาจทำให้ใจเราเบาลง...ค่อยๆ เอาชนะ ‘เสียงในหัว’ ฉบับคนขี้กลัว ขี้กังวล หรือกำลังแบกโลกหนักๆ ไว้คนเดียว ไปพร้อมกับแมวดำในแอนิเมชัน ‘Flow’

ทุกวันนี้การ Doom Scrolling หรือการไถหน้าฟีด พร้อมๆ กับกดดูสตอรี่ของใครต่อใครในอินสตาแกรมไปเรื่อยๆ กลายเป็นรูปแบบพฤติกรรมที่เชื่อว่าใครหลายคนทำกันเป็นเรื่องปกติ นับตั้งแต่วินาทีที่ตื่นนอนยันเข้านอน เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันไปแล้ว

Someone liked your story…
ชวนสำรวจพฤติกรรมเสพติดการดูสตอรี่ IG ตัวเองซ้ำๆ ของคนยุคนี้ที่อาจหมายถึงความต้องการ ‘รีเช็ก’ คุณค่าในตัวเอง ผ่านการมองเห็นของคนอื่น

ยังจำกันได้ไหม ย้อนกลับไปเมื่อสักประมาณสิบปีก่อนตอนที่เรายังบรรรจงถ่ายรูปอาหารเช้าบนที่ถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะสวยๆ ถ่ายเป็นสิบๆ รูป แล้วก็คัดให้เหลือเพียงแค่รูปเดียว จากนั้นก็ใช้เวลาครึ่งเช้านั้นหมดไปกับการใส่ฟิลเตอร์ (ยังไม่นับเวลาที่ใช้ไปกับการคิดแคปชั่นอีก!) ทำอย่างไรก็ได้ให้รูปเดียวที่ว่า มันปัง มันสวย มันเล่าเรื่องที่สุด เพื่อโพสต์อวดเพื่อนๆ ในอินสตาแกรม 

Photo Dump เทรนด์การโพสต์รูปในอินสตาแกรมของคนยุคนี้ที่ท้าทายและ Disrupt การคุมโทน แต่เปลี่ยนเป็นการลงอะไรมั่วๆ เละๆ (ที่ก็ถูกคัดเลือกและจัดวางมาอย่างดี ไม่ต่างกัน)

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Health

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS