เริ่ม 'งดน้ำตาล' ทีไร เขี้ยวก็เริ่มงอก หงุดหงิด วุ่นวายใจ และกลายร่างเป็นนางวีนขึ้นมาได้ ขณะที่บางครั้ง บางคนที่ติดกินของหวานมากเกินไป อยู่ดีๆ ระหว่างวันก็รู้สึกหดหู่ ซึมๆ เศร้าๆ เหนื่อยๆ ล้าๆ ตกลงจะเอายังไงดี ถ้าร่างกายจะเอาใจยากขนาดนี้!

งดน้ำตาลทีไร ทำไมต้องกลายร่างเป็นนางวีน! เข้าใจระดับน้ำตาลในเลือด ที่ส่งผลต่ออารมณ์สวิง คอนโทรลยาก และหากเราเสพติดน้ำตาลไปแล้ว ไม่กินแป๊บเดียว ก็อาจหดหู่ได้เลย

แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่ากินน้ำตาลหรือของหวานมากไปมันไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ทำไมหนอ ตอนเริ่มงดน้ำตาลทีไร เขี้ยวก็เริ่มงอก หงุดหงิด วุ่นวายใจ และกลายร่างเป็นนางวีนสุดอารมณ์ร้อนขึ้นมาได้ ขณะที่บางครั้ง บางคนที่ติดกินของหวานมากเกินไป อยู่ดีๆ ระหว่างวันก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมา ซึมๆ เศร้าๆ เหนื่อยๆ ล้าๆ จนไม่รู้แล้วว่าต้องทำยังไง ตกลงจะเอายังไงดี ถ้าร่างกายจะเอาใจยากขนาดนี้! ใจเย็นๆ ก่อน ทุกท่าน เพราะใจความสำคัญของการบริโภคน้ำตาลคือ ‘ความพอดี’ ไม่กินเลยก็ไม่ดี ติดกินจนเป็นนิสัยก็ไม่ไหว เดินทางสายกลางน่ะ เวิร์กสุดแล้วทำไมตอนงดน้ำตาล เราถึงกลายร่างเป็นคนวีนๆ? ทำความเข้าใจกันก่อนว่า กลูโคสหรือน้ำตาลในเลือด เป็นสิ่งที่ ‘จำเป็น’ ต่อร่างกายมนุษย์ เพราะกลูโคสจะทำหน้าที่เป็นพลังงานหลักสำหรับทุกๆ เซลล์ในร่างกาย สมองจึงต้องพึ่งพากลูโคสเพื่อความสมดุล อีกทั้งน้ำตาลยังส่งผลต่อระดับของฮอร์โมนแห่งความสุขและความรู้สึกดีต่างๆ ทั้ง เซโรโทนิน และ โดปามีน นั่นหมายความว่าน้ำตาลส่งผลต่อความเป็นอยู่ของผู้คนโดยตรงเลยทีเดียว แต่ทีนี้ อย่างที่รู้กันว่า กินหวานมากไปจะส่งผลต่อสุขภาพในหลายๆ ทาง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ฯลฯ หลายคนจึงเลือกควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งก็มีบางคนที่ตัดสินใจหักดิบ งดน้ำตาลแบบสุดโต่ง ด้วยการไม่กินมันเลย หรือกินน้อยเกินไป จนทำให้เกิดอารมณ์หงุดหงิด ฉุนเฉียว และพร้อมจะวีนใส่คนอื่นตลอดเวลา นั่นเป็นเพราะเมื่อน้ำตาลในเลือดของเราลดฮวบ ร่างกายจะพยายามสูบฉีดอิพิเนฟริน หรืออะดรีนาลีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนประเภทสู้หรือถอย ที่ช่วยสั่งการให้ตับสร้างกลูโคสให้กับร่างกายทีนี้เจ้าอะดรีนาลีนก็จะทำให้หัวใจเราเต้นแรงขึ้น ทำให้ฝ่ามือของเราเหงื่อออก ทำให้รู้สึกไม่มั่นคงทางอารมณ์ และกระวนกระวายได้ง่าย นอกจากนี้นักวิจัยจาก University of California ก็พบว่า น้ำตาลจะช่วยยับยั้งการหลั่งคอร์ติซอล ที่มีหน้าที่จัดการความเครียดได้ นั่นแปลว่า พอเราลดน้ำตาล จากที่เราอาจมีความเครียดอยู่แล้ว เราก็จะยิ่งเครียดได้ง่ายมากกว่าเดิม โดยไม่มีอะไรมาบรรเทาระบบในร่างกายของเรา จนตู้ม ระเบิดอารมณ์ออกมาดร. Uma Naidoo ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและอารมณ์ที่ Harvard Medical School กล่าวว่า การหยุดน้ำตาลแบบเฉียบพลัน ก็คล้ายๆ กับการเลิกใช้สารเสพติด แล้วมีอาการตื่นตระหนกต่างๆ ยิ่งสำหรับคนที่ชอบกินของหวานมากๆ อยู่แล้ว จะยิ่งรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงไปของร่างกายได้ง่าย ถึงขนาดที่การศึกษาของ Proceedings of the National Academy of Sciences พบว่า คู่แต่งงานจะโกรธกันมากขึ้น ก้าวร้าวต่อกันมากขึ้น และใจร้ายต่อกันมากขึ้นเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ อย่างไรก็ตาม การบริโภคน้ำตาลมากเกินไป นอกจากจะเกิดปัญหาสุขภาพอย่างที่รู้ๆ กันอยู่แล้ว ก็ใช่ว่าจะไม่ทำให้เกิดปัญหาทางด้านอารมณ์เลยนะ&nbsp;ทำไมกินน้ำตาลมากไป เราถึงเศร้าซึม? นั่นเป็นเพราะ แม้ช่วงแรกในการบริโภคน้ำตาลจะทำให้รู้สึกอารมณ์ดีเวอร์ แต่ผ่านไปสักพัก เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดลงระหว่างวัน มันจะส่งผลต่อสุขภาพจิตของเรา โดย ดร. Harold Hong ผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดผู้ติดยาเสพติด กล่าวว่า &nbsp;“ความไม่สมดุลของเซโรโทนินในสมองสามารถส่งผลต่อภาวะซึมเศร้าได้อย่างแน่นอน” เนื่องจากการกินน้ำตาลจะทำให้ระดับคอร์ติซอลสูงขึ้นได้ “แต่เมื่อระดับคอร์ติซอลสูง มันก็จะรบกวนการควบคุมอารมณ์ของสมองไปด้วย การเติมน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายมันก็จะทำให้เกิดความผันแปรของระดับน้ำตาลในกระแสเลือด ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการถูกรบกวนทางอารมณ์ ทำให้เราอยู่ไม่สุข วิตกกังวล และเหนื่อยล้า” เช่นเดียวกับความคิดเห็นในด้านจิตวิทยาของ Sheila Forman นักจิตวิทยา พบว่า “น้ำตาลในเลือดทำให้เกิดพลังงานที่เพิ่มขึ้น แต่เมื่อน้ำตาลในเลือดลดลง เราก็จะรู้สึกเฉื่อยชา เหนื่อย และเศร้า”นั่นหมายความว่า ถ้าเรา ‘เสพติด’ น้ำตาลไปแล้ว กินของหวานมากมายอยู่เป็นประจำ แล้วมีช่วงที่ไม่ได้กิน อารมณ์ของเราก็อาจจะสวิง เพราะเมื่อระดับน้ำตาลพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว ตอนระดับมันลดลง เราก็อาจปรับตัวไม่ทันเช่นเดียวกัน เผลออีกที ก็ต้องยัดของหวานเข้าปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อให้อารมณ์ดี กลายเป็นว่าอาจช่วยเรื่องสุขภาพจิตก็จริง แต่เป็นบ่อเกิดของการเกิดโรคต่างๆ ตามมา ที่ท้ายที่สุด ก็อาจทำให้เราเครียดได้อยู่ดีดังนั้น งดน้ำตาลไปเลยอย่างหักดิบ อาจไม่ใช่ทางออก กินน้ำตาลมากเกินไป ก็ไม่ดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดอาจอยู่ที่การบาลานซ์ระดับน้ำตาล ด้วยการกินมันอย่างพอประมาณ กินอย่างมีสติ หรือหากใครที่เป็นกังวลเรื่องนี้อยู่ จัดการด้วยตัวเองแล้วยังไม่พบทางออกที่ใช่ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เราอาจจะได้คำตอบที่ดีในการดูแลสุขภาพให้ดียิ่งขึ้นมากก็ได้นะอ้างอิง:<a href="https://www.webmd.com/diabetes/low-blood-sugar-anxiety-link" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.webmd.com/diabetes/low-blood-sugar-anxiety-link </a><a href="https://www.healthline.com/health/mental-health/how-sugar-harms-mental-health#highs-and-lows" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.healthline.com/health/mental-health/how-sugar-harms-mental-health#highs-and-lows </a><a href="https://www.vox.com/2014/4/15/5614554/the-science-of-hangry-hungry-and-angry" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.vox.com/2014/4/15/5614554/the-science-of-hangry-hungry-and-angry </a><a href="https://www.medicalnewstoday.com/articles/sugar-and-depression" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.medicalnewstoday.com/articles/sugar-and-depression </a><a href="https://www.healthcentral.com/condition/depression/depression-and-sugar" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.healthcentral.com/condition/depression/depression-and-sugar </a>

ในเดือนฮัลโลวีนแบบนี้ การดูหนังผีหรือหนังประเภทสยองขวัญให้เข้ากับบรรยากาศของเทศกาลก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมท่ีน่าสนใจเหมือนกัน แต่การจะเปิดดูสิ่งที่เรียกว่าหนังผีหรือหนังสยองขวัญสักเรื่องสำหรับคนที่กลัวผีเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้วนั้นก็อาจไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ไม่ว่าจะเลือกไปดูในโรง หรือดูอยู่ที่บ้านก็ต้องอาศัยจิตใจที่แข็งแกร่งพอสมควร และหลายครั้งความหลอนในหนังก็อาจทำเรากลัวเกินกว่าจะต้านทานคนเดียวไหว ฮัลโลวีนปีนี้เราอ่านเจอทิปส์น่าสนใจจาก New York Times ที่จะช่วยให้นักดูหนังผี (แต่ก็กลัวผี) สู้กลับความหลอนนั้นได้ เพื่อให้การดูหนังผีไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป และไม่แน่นะ อาจค้นพบว่าหนังผีหรือหนังสยองขวัญนี่แหละคือทางที่ใช่สำหรับเราก็ได้! 

ผีก็กลัว แต่หนังก็ต้องดู! รวม 5 วิธีที่ช่วยให้การดูหนังผีน่ากลัวน้อยลง สำหรับคนขวัญอ่อนหรือกลัวผีมาก แต่ก็ยังอยากดู

ริวตะ วาตานาเบะ (Ryuta Watanabe) คือชายชาวญี่ปุ่นวัย 36 ปี ที่ได้รับฉายา ‘God of Marriage’ หรือเทพเจ้าแห่งการแต่งงาน เพราะเขามีภรรยาถึง 4 คน มีแฟนสาวอีก 2 คน มีลูกไปแล้ว 10 คน และตั้งเป้าไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะมีลูกให้ได้ถึง 54 คน! 

ความรักของหนุ่มญี่ปุ่น ‘Ryuta 
Watanabe’ ผู้มีภรรยา 4 คน แฟน 2 คน 
โดยที่สาวๆ ทุกคนเลือกออกไปทำงาน ส่วนเขาขอเป็นพ่อบ้าน ดูแลบ้าน ดูแลลูกเอง!

แบรนด์ถุงยางอนามัยเยอรมันอย่าง BILLY BOY และ เอเจนซี่โฆษณา Innocean Berlin ออก ‘CAMDOM’ หรือ ‘ถุงยางอนามัยดิจิทัล’ ครั้งแรกของโลก เพื่อป้องกันการถูกแอบถ่ายจากสมาร์ทโฟน

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Health

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS