งานวิจัยจากจีนเมื่อไม่นานมานี้ เปิดเผยว่ามลพิษทางอากาศสามารถเพิ่มอัตราการฆ่าตัวตายของผู้คนได้ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 65 ปี

‘ฝุ่น’ ฆ่าคนได้ และไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เมื่องานวิจัยใหม่พบว่ามลพิษทางอากาศส่งผลไปถึงสุขภาพจิต ที่อาจไปถึงขั้นการฆ่าตัวตาย

ทุกวันนี้ คนไทยเผชิญความเสี่ยงต่อสุขภาพทุกครั้งที่ออกจากบ้าน เนื่องจากปัญหาเรื่อง ‘ฝุ่น’ หรือ PM 2.5 ประเทศเรายังไม่สามารถแก้ปัญหาใหญ่ครั้งนี้ซึ่งมีมาอย่างยาวนานได้จริงๆ โดยในหลายพื้นที่ก็ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่สีแดง ที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน ซึ่งนับว่านอกจาก<a href="https://mirrorthailand.com/tags/%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8" rel="noopener noreferrer" target="_blank">มลพิษทางอากาศ</a>จะกระทบกับสุขภาพกายเข้าเต็มๆ แล้ว ยังสามารถกระทบ<a href="https://mirrorthailand.com/tags/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95" rel="noopener noreferrer" target="_blank">สุขภาพจิต</a> ที่มีงานวิจัยจากจีนเมื่อไม่นานมานี้ เปิดเผยว่ามลพิษทางอากาศสามารถเพิ่มอัตราการฆ่าตัวตายของผู้คนได้ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 65 ปีงานวิจัยในวารสาร Nature Sustainability พบว่ามลพิษทางอากาศในระดับสูงสามารถเพิ่มอัตราการฆ่าตัวตายของผู้คน เนื่องจากสามารถเปลี่ยนแปลงเคมีในสมองของเราได้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วคนก็จะทราบกันอยู่แล้วว่าฝุ่นส่งผลต่อสุขภาพกายของเรากันอยู่แล้ว และมีบางคนต้องเสียชีวิตลงจากมลพิษทางอากาศอย่างน่าเศร้า เช่น กรณีการเสียชีวิตของ หมอกฤตไท ซึ่งเป็นมะเร็งปอด และออกมาแชร์แง่มุมความรุนแรงที่เกิดจากฝุ่นที่ประเทศเราควรให้ความสำคัญมากขึ้น นักวิจัยจึงอยากย้ำว่า มลพิษทางอากาศสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจ เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และมะเร็งปอด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรประมาณ 7 ล้านคนในแต่ละปี ตามรายงานจาก โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme) ซึ่งอีกแง่มุมที่อยากให้คนได้รู้กันเพิ่มเติม คือหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่ามันส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตเช่นกัน&nbsp;การศึกษาทางชีวประสาท และสิ่งแวดล้อม ชี้ให้เห็นว่าฝุ่น PM 2.5 สามารถเปลี่ยนแปลงเคมีในสมองอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนเกิดความก้าวร้าว สูญเสียการควบคุมทางอารมณ์ และไม่สามารถรับมือกับภาวะวิกฤติได้ ทั้งยังเชื่อมโยงกับภาวะซึมเศร้า, วิตกกังวล, โรคทางจิตเวช และภาวะสมองเสื่อม ซึ่งผลการศึกษาชี้ว่าอาจเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายเพิ่มสูงขึ้นภายใน 7 วัน เช่นเดียวกับงานวิจัยที่ตีพิมพ์บนวารสาร NeuroToxicology ที่มุ่งเน้นไปที่ผลกระทบของมลพิษทางอากาศที่มีผลต่อสุขภาพจิตและสมองที่ควบคุมอารมณ์ ได้แก่ ฮิบโปแคมปัส (Hippocampus), อะมิกดาลา (Amygdala) และสมองส่วนหน้า (Preconfrontal Cortex) พบว่า 73% มีอาการและพฤติกรรมด้านสุขภาพจิตที่สูงขึ้น เมื่อสัมผัสกับมลพิษทางอากาศในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย และ 95% พบการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและฟังก์ชั่นที่สำคัญภายในบริเวณสมองส่วนควบคุมอารมณ์ในผู้ที่สัมผัสกับมลพิษทางอากาศที่เพิ่มขึ้นกลับมาที่งานวิจัยจากจีน หากลงดีเทลลึกลงไปอีกนิด สำหรับการเชื่อมโยงระหว่างการฆ่าตัวตายในจีนกับปัญหามลพิษทางอากาศ พบว่า ข้อมูลสภาพอากาศที่รวบรวมจากทั่วประเทศจีน และการสังเกตการณ์จากเครื่องติดตามมลพิษทางอากาศ 1,400 เครื่อง แสดงให้เห็นว่า โดยเฉลี่ยแล้ว มณฑลต่างๆ เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ (thermal inversion) 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งแต่ละครั้งจะใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง แต่สามารถเพิ่มระดับ PM 2.5 1% ต่อสัปดาห์ และเมื่อรวบรวมข้อมูลนี้ไปพร้อมๆ กับรายงานการฆ่าตัวตายในระดับเทศมณฑลเกือบ 140,000 ฉบับต่อสัปดาห์ นักวิจัยพบว่าการผกผันของอุณหภูมิสัมพันธ์กับอัตราการฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ และพบว่าเกือบ 10% ของอัตราการฆ่าตัวตายโดยรวมที่ลดลงระหว่างปี 2013 ถึง 2017 มีสาเหตุมาจากการลดมลพิษทางอากาศ ที่จีนได้เปิดตัวแผนป้องกันและควบคุมมลพิษ หรือที่เรียกว่า Air Pollution Prevention and Control Action Plan ในปี 2013 ที่สนับสนุนการเปลี่ยนถ่านหินเป็นก๊าซธรรมชาติเพื่อใช้ทำความร้อนในที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ ควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในยานพาหนะ ส่งเสริมพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลบ และตั้งเป้าหมายการลดมลพิษทางอากาศโดยรอบ ซึ่งทำให้ 74 เมืองในปี 2017 มีคุณภาพอากาศที่ดีขึ้น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตน้อยลง 47,240 ศพ และได้ช่วยป้องกันการฆ่าตัวตายประมาณ 45,970 ศพ ตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2017ดังนั้น คุณภาพอากาศที่ดีขึ้นจึงส่งผลให้อัตราการฆ่าตัวตายมีแนวโน้มลดลง ขณะเดียวกัน ถ้าผู้คนยังคงอยู่กับคุณภาพอากาศที่ย่ำแย่ ก็มีแนวโน้มที่เราจะมีสุขภาพจิตที่แย่ลง และนำไปสู่การฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งสำหรับผู้หญิงเอง จะมีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากขึ้น เช่น การแท้งลูก ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ การมีบุตรยาก มะเร็งเต้านม โรคกระดูกพรุน ฯลฯ ที่แง่หนึ่ง (สามารถอ่านรายละเอียดผลกระทบจากฝุ่นที่ส่งผลต่อผู้หญิง ที่เราเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ได้ที่ <a href="https://mirrorthailand.com/self/health/100921" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://mirrorthailand.com/self/health/100921</a>) เมื่อสุขภาพกายแย่ สุขภาพจิตของหลายๆ คนก็อาจแย่ลงไปอีก การที่ทุกคน ไม่ว่าจะเพศอะไร วัยอะไร ทำอาชีพอะไร หรือเป็นใครก็ตามในสังคมได้ใช้ชีวิตท่ามกลางอากาศสะอาดๆ จึงมีส่วนสำคัญต่อความสุขในชีวิตของทุกคน และเป็นสิทธิ์ที่จะมีอากาศสะอาดไว้หายใจ ก็นับเป็นสิ่งทุกคนควรได้รับอ้างอิง:<a href="https://www.science.org/content/article/spikes-air-pollution-may-increase-suicide-risk" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.science.org/content/article/spikes-air-pollution-may-increase-suicide-risk</a><a href="https://airqualitynews.com/health/study-finds-suicide-rate-climbs-within-a-week-of-air-pollution-events/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://airqualitynews.com/health/study-finds-suicide-rate-climbs-within-a-week-of-air-pollution-events/</a><a href="https://www.weforum.org/agenda/2022/11/impact-air-pollution-brain-mental-health/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.weforum.org/agenda/2022/11/impact-air-pollution-brain-mental-health/</a>

พอปีใหม่เวียนมาทีไร หลายคนจะมีเพลงเศร้าๆ เหงาๆ ดังเข้ามาในหัวทุกที โดยเฉพาะคนที่ต้องอยู่คนเดียวในคืนข้ามปี ทั้งที่จริงแล้ว ค่ำคืนปีใหม่ที่ได้อยู่คนเดียว อาจเป็นโอกาสดีๆ ในการเฉลิมฉลองให้กับความสันโดษและความแข็งแกร่งของเราเอง

ไม่เป็นไร... ถ้าเราจะผ่านปีใหม่ไปเพียงลำพัง

โรงแรมอิซุ แมริออท ชูเซ็นจิ (Izu Marriott Shuzenji) ที่จังหวัดชิซูโอกะ เสนอทริปที่คุณสามารถเอาบรรดาของต่างหน้าเมนไปฝากให้ศาลเจ้าในท้องถิ่นช่วยพาไปสู่ที่ชอบๆ แทนได้ แถมยังได้พักผ่อนฮีลใจไปกับออนเซ็นและอาหารแสนอร่อยอีกด้วย

รร. Izu Marriott Shuzenji เสนอแพ็กเกจฮีลใจแฟนคลับที่สูญเสียเมน ท่ามกลางวัฒนธรรมไอดอล ศิลปิน คาแรกเตอร์ ฯลฯ สุดเข้มข้นในญี่ปุ่น

“My clothes are pajamas, straight from the cold plunge” อีกหนึ่งท่อนที่คุ้นหูใครหลายคนจากเพลง Mantra ของ Jennie Kim ชวนให้เรานึกถึงไลฟ์สไตล์ของใครหลายคนโดยเฉพาะฝั่งตะวันตกที่เลือกจะดูแลตัวเองด้วย Cold Plunge หรือ ‘การแช่น้ำเย็นจัด’ เหมือนที่เจนนี่บอกเอาไว้ในเพลงว่าตอนกลางวันเธอจะสวมชุดพาจามาสบายๆ เพราะเพิ่งไปแช่น้ำเย็นมา นั่นก็เพื่อเตรียมร่างให้พร้อมสำหรับค่ำคืนอันสุดเหวี่ยงแบบสาวแอลเอชิคๆ

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Health

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS