Post-infidelity Stress Disorder (PISD) อาการเจ็บปวดของคนถูกนอกใจที่เป็นเรื่องสะเทือนใจของใครบางคน จนกระทบต่อสุขภาพจิตหลายข้อ จนนักบำบัดมีคำเรียกอย่างไม่เป็นทางการสำหรับอาการนี้โดยเฉพาะ

Post-infidelity Stress Disorder (PISD) ภาวะสะเทือนอารมณ์เรื้อรังของคนโดนนอกใจ ที่ส่งผลต่อจิตใจไม่ต่างจาก PTSD

การถูกนอกใจ นับเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่หลายคนน่าจะเคยเจอสักครั้งในชีวิต ซึ่งแต่ละคนก็มีวิธีรับมือที่ต่างกัน บางคนอาจเจ็บไม่นาน สามารถเยียวยาตัวเองได้ไว นั่นก็นับเป็นเรื่องดีๆ ที่ไม่ต้องจมอยู่กับความรู้สึกแย่ แต่สำหรับบางคนอาจเจ็บปวดขั้นเจียนตาย และยากมากกว่าจะสามารถกอบกู้สภาพจิตใจตัวเองได้ ฉะนั้นเวลาคนถามว่าโดนคนรักนอกใจนั้นเจ็บมากไหม หรือใช้ต้องใช้เวลาฮีลใจเท่าไร คงไม่อาจมีคำตอบเดียว แต่ที่น่าสนใจคือ อาการเจ็บปวดของคนถูกนอกใจนั้นเป็นเรื่องสะเทือนใจของใครบางคน ที่กระทบต่อสุขภาพจิตหลายข้อ จนนักบำบัดมีคำเรียกอย่างไม่เป็นทางการสำหรับอาการของคนที่ถูกนอกใจว่า Post-infidelity Stress Disorder (PISD) PISD เป็นคำที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 2005 โดยนักจิตวิทยา ดร.เดนนิส ออร์ทแมน (Dennis Ortman) ซึ่งตีพิมพ์ผลการศึกษาใน Journal of Psychosocial Nursing and Mental Health Services บรรยายถึงประสบการณ์ของผู้หญิงที่จับได้ว่าสามีมีชู้กับเพื่อนสนิทของเธอเอง ในการศึกษานี้ ดร.เดนนิส ออร์ทแมน ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ผู้หญิงจะตัดสินใจหย่ากับสามี และไล่เขาออกจากบ้านเป็นที่เรียบร้อย แต่ความรู้สึกมันไม่ได้จบง่ายเหมือนตัดกระดาษ เธอยังไม่สามารถลืมประสบการณ์อันเจ็บปวดของการถูกหักหลังได้ ไม่สามารถหยุดคิดถึงเรื่องนี้ได้ และเต็มไปด้วยความโกรธ เครียด หดหู่ ฝันร้ายและร้องไห้อยู่บ่อยๆ ภาวะที่ว่านี้แทบไม่ต่างจากภาวะ PTSD (Post-traumatic Stress Disorder) หรือ ภาวะความผิดปกติทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นหลังพบเหตุการณ์ความรุนแรง ซึ่งในบางการศึกษา ก็มองว่าการถูกนอกใจนั้นสามารถนำไปสู่ภาวะ PTSD ได้ เช่นการศึกษาปี 2021 ในชื่อ Is romantic partner betrayal a form of traumatic experience? A qualitative study ได้ประมาณการว่า 30-60% ของผู้ที่ถูกนอกใจจะมีอาการวิตกกังวล ซึมเศร้า และเป็น PTSD หลังจากพบว่าคนรักของตัวเองนอกใจ เช่นเดียวกับคำอธิบายของ กาเบรียล ยูซาตินสกี้ (Gabrielle Usatynski) ผู้ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตมืออาชีพ (LPC) ที่กล่าวว่า บางครั้งผู้เข้ารับบริการของเขาที่มีประสบการณ์การถูกคนรักนอกใจก็เข้าเกณฑ์ PTSD เมื่อเราถูกนอกใจ ไม่ว่าจะเลือกที่จะเคลียร์กับคู่ของตัวเองเพื่อหาทางออกว่าจะให้อภัย ไปต่อ หรือยุติความสัมพันธ์ลง ถ้าคุณรักคู่ของคุณมาก แน่นอนว่า ความเจ็บปวดไม่อาจบรรเทาลง แม้ปัญหาจะถูกคลี่คลายลงไปเรียบร้อยแล้วก็ตาม การถูกนอกใจสามารถส่งผลต่อสมองคนเรา เนื่องจากขึ้นชื่อว่าความรัก เรารู้กันดีอยู่แล้วว่ามันเป็นความรู้สึกที่ทำให้มนุษย์เราปลดปล่อยโดปามีน และกระตุ้นความสุข การมีความรักยังผลิตออกซิโตซิน หรือที่เรียกว่าฮอร์โมนความรักแห่งความรักอีกด้วย นั่นทำให้บางคนอาจเสพติดการมีความรักไปโดยปริยายเมื่อมีคนรัก ทีนี้เมื่อถูกนอกใจปุ๊บ เส้นทางที่ทำให้เกิดการปลดปล่อยสารเคมีที่ว่าก็ชะงัก ไปจนถึงช็อกเพราะไม่คิดว่าคนที่เรารักจะหักหลังกัน และเกิดการถอนตัวจากอะไรที่เคยเสพติดมากๆ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในสมอง บางคนอาจส่งผลระยะสั้น หรือบางคนอาจส่งผลระยะยาวต่อเคมีในสมอง คุณอาจนึกย้อนถึงเรื่องราวในอดีตทุกวันโดยไม่ตั้งใจ ฝันร้าย หมกมุ่นอยู่กับเหตุการณ์สะเทือนใจ มีอาการตื่นตัวมากเกินไป (hyperarousal) ตกใจ และหวาดกลัว มีการรับรู้ถึงภัยคุกคาม (Perceived Threat) ต่อตัวเอง และความสัมพันธ์ พูดง่ายๆ ว่าคุณอาจจะระแวงมากขึ้นกว่าเดิมมาก ส่งผลให้อาจมีปัญหาการนอนหลับ รบกวนการกินของคุณ ฟุ้งซ่าน มีพฤติกรรมและอารมณ์ที่ผิดปกติ ซึมเศร้า ฯลฯ ซาบรีนา โรมานอฟ (Sabrina Romanoff) นักจิตวิทยาคลินิกและศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Yeshiva ผู้เชี่ยวชาญในประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ บอกว่า การถูกคนรักนอกใจอาจทำให้เกิดการพังทลายทางอารมณ์ ทำให้คุณบอบช้ำ และยากต่อคุณที่จะฟังก์ชันได้ ซึ่งเหมือนกับการเป็น PTSD โดยเธออธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการของ PISD ว่าแต่ละคนก็มีอาการที่ต่างกันไป ขณะที่บางคนอาจโกรธ และเจ็บปวดมาก บางคนอาจรู้สึกชาไปเลย และรู้สึกไร้อารมณ์แทน ขณะที่บางคนอาจคิดถึงเรื่องนี้ซ้ำๆ บางคนอาจพยายามแสร้งทำเป็นว่าเรื่องทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้น (ปฏิเสธความจริง) ขณะที่บางคนแยกตัวออกจากสังคม ปลีกตัวจากเพื่อนและครอบครัว เพราะต้องการจะอยู่คนเดียว และทำให้ไม่อาจสนุกกับกิจกรรมที่เคยมอบความสุขอีกต่อไปได้อีก บางคนก็อาจลุยต่อในเรื่องความสัมพันธ์ แต่เกิดปัญหาความไม่เชื่อใจคนรอบข้าง โดยเฉพาะคนรัก เช่น อาจไม่สบายใจเมื่อคนรักได้รับข้อความบางอย่างในโทรศัพท์มือถือ ที่ทำให้คุณย้อนไปถึงตอนที่เจ็บปวด และแน่นอน ทั้งหมดทั้งมวล อาจส่งผลต่อการเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่ในอนาคต ที่คนที่เคยถูกนอกใจมาก่อน อาจไม่ได้มีความรู้สึกเชื่อใจคนรักได้มากเท่าที่ควร หรืออาจจะต้องใช้เวลาอย่างมาก เพื่อให้กอบกู้ความเชื่อใจขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งในบางคู่ก็อาจเกิดปัญหาท็อกซิกตามมาอย่างเลี่ยงได้ยาก เมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลือกจะไม่เชื่อใจตั้งแต่ต้น แม้อีกฝ่ายจะบริสุทธิ์ใจก็ตาม อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่า ความรู้สึกเจ็บปวดจากเหตุการณ์สะเทือนใจของแต่ละคนนั้นไม่มีทางเท่ากัน บางคนอาจรู้สึกโล่งมากก็ได้ที่ได้หลุดพ้นจากคนคนนั้น ตามที่ อัฟชาน โมฮาเมดาลี (Afshan Mohamedali) นักจิตวิทยาคลินิกบอกว่า “มันเป็นไปได้เหมือนกันที่จะรู้สึกโล่งอกที่การนอกใจได้ผ่านพ้นไปแล้ว มันหมายถึงการยุติความวิตกกังวลที่มักมาพร้อมกับความลับและการหลอกลวง” ซึ่งหากมองมันในแง่มุมดีๆ แบบนี้ก็ได้เหมือนกัน และอาจทำให้เรามูฟออนได้ไวขึ้น แต่สำหรับบางคนก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากความเสียใจ หรือมองหาข้อดีจากการเลิกกันได้ในทันที เหมือนที่ พาริซา กานาบาริ (Parisa Ghanbari) นักจิตบำบัดชี้ว่า “โดยปกติจะใช้เวลา 6 เดือนถึง 1 ปี ในการกลับสู่สภาพปกติทางอารมณ์ ถ้าใครใช้เวลานานกว่านี้ในการฟื้นตัว เป็นไปได้ว่าเธอหรือเขากำลังเผชิญกับความเศร้าโศกที่ซับซ้อน” และนั่นอาจถึงเวลาที่คุณจะอนุญาตให้ตัวเองได้ลองพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญเรื่องสุขภาพจิตดู เพื่อหาหนทางให้คุณกลับมายิ้มได้อีกครั้งหลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจนี้ อ้างอิง: <a href="https://ct.counseling.org/2020/04/recovering-from-the-trauma-of-infidelity/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://ct.counseling.org/2020/04/recovering-from-the-trauma-of-infidelity/</a> <a href="https://psychcentral.com/health/long-term-psychological-effects-of-infidelity" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://psychcentral.com/health/long-term-psychological-effects-of-infidelity</a> <a href="https://psychcentral.com/relationships/how-to-close-the-door-after-an-affair" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://psychcentral.com/relationships/how-to-close-the-door-after-an-affair</a> <a href="https://www.verywellmind.com/post-infidelity-stress-disorder-6374057" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.verywellmind.com/post-infidelity-stress-disorder-6374057</a>&nbsp;

เป็นเรื่องไม่ง่ายเลยที่คนเราจะจัดการกับอารมณ์ใดๆ ที่เจอมาทั้งวันได้อย่างง่ายดายเหมือนกับปิดสวิตช์ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมอารมณ์ของเรามักจะไปถึงจุด ‘Overwhelm’ เอ่อล้น ท่วมท้นไปหมดในช่วงท้ายของวัน

เศร้าจริง หรือแค่ดิ่งดาวน์ ชวนทำความเข้าใจ ‘Nighttime Depression’ ภาวะซึมเศร้าที่มักเกิดในเวลากลางคืน และพีคสุดช่วง ‘ตีสาม’

ในเดือนฮัลโลวีนแบบนี้ การดูหนังผีหรือหนังประเภทสยองขวัญให้เข้ากับบรรยากาศของเทศกาลก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมท่ีน่าสนใจเหมือนกัน แต่การจะเปิดดูสิ่งที่เรียกว่าหนังผีหรือหนังสยองขวัญสักเรื่องสำหรับคนที่กลัวผีเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้วนั้นก็อาจไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ไม่ว่าจะเลือกไปดูในโรง หรือดูอยู่ที่บ้านก็ต้องอาศัยจิตใจที่แข็งแกร่งพอสมควร และหลายครั้งความหลอนในหนังก็อาจทำเรากลัวเกินกว่าจะต้านทานคนเดียวไหว ฮัลโลวีนปีนี้เราอ่านเจอทิปส์น่าสนใจจาก New York Times ที่จะช่วยให้นักดูหนังผี (แต่ก็กลัวผี) สู้กลับความหลอนนั้นได้ เพื่อให้การดูหนังผีไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป และไม่แน่นะ อาจค้นพบว่าหนังผีหรือหนังสยองขวัญนี่แหละคือทางที่ใช่สำหรับเราก็ได้! 

ผีก็กลัว แต่หนังก็ต้องดู! รวม 5 วิธีที่ช่วยให้การดูหนังผีน่ากลัวน้อยลง สำหรับคนขวัญอ่อนหรือกลัวผีมาก แต่ก็ยังอยากดู

ริวตะ วาตานาเบะ (Ryuta Watanabe) คือชายชาวญี่ปุ่นวัย 36 ปี ที่ได้รับฉายา ‘God of Marriage’ หรือเทพเจ้าแห่งการแต่งงาน เพราะเขามีภรรยาถึง 4 คน มีแฟนสาวอีก 2 คน มีลูกไปแล้ว 10 คน และตั้งเป้าไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะมีลูกให้ได้ถึง 54 คน! 

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Health

Post-infidelity Stress Disorder (PISD) ภาวะสะเทือนอารมณ์เรื้อรังของคนโดนนอกใจ ที่ส่งผลต่อจิตใจไม่ต่างจาก PTSD

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS