ออกกำลังกายหน้ากระจกอาจกระทบต่อสุขภาพจิต และกดดันให้เราเร่งออกให้หนัก

ออกกำลังกายหน้ากระจก ไม่ได้เวิร์กสำหรับทุกคน เพราะบางคนอาจเผลอเทียบหุ่นตัวเอง กับหุ่นในอุดมคติ จนกดดัน เครียด นอยด์

จะยิม จะฟิตเนส หรือจะที่บ้าน การออกกำลังกาย ‘หน้ากระจก’ เป็นสิ่งที่หลายคนเลือกทำ เพราะการได้เห็นท่าทางการขยับตัวของตัวเองว่าถูกต้องตามความต้องการหรือไม่ กระทั่งสายตาของเราที่จดจ่ออยู่กับการออกกำลังกายตรงหน้า มันก็มอบสมาธิ และความมุ่งมั่นบางอย่างที่เวิร์กสำหรับบางคน แต่ทีนี้ ด้านกลับของการออกกำลังกายหน้ากระจกก็อาจให้ผลลัพธ์ตรงข้ามที่กระทบต่อสุขภาพจิต เมื่อมันเปลี่ยนเป็นความกดดันให้เราเร่งออกให้หนักขึ้น ไปจนถึงเกิดความรู้สึกแย่ๆ ต่อหุ่นตัวเองที่เราเผลอไปเปรียบเทียบกับหุ่นในอุดมคติที่เราอยากไปให้ถึง แต่ยังไปไม่ถึงจุดนั้น ออกตัวไว้ก่อนว่า ความรู้สึกแย่จากการออกกำลังกายหน้ากระจกนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน ใครที่ออกหน้ากระจกแล้วแฮปปี้ดี และมองว่าปังแล้ว ก็ลุยต่อได้เลย เพียงแต่ว่านี่อาจจะเป็นอีกแง่มุมที่ยังมีอีกหลายๆ คนกำลังเผชิญอยู่ จนโรงยิม หรือฟิตเนสบางประเทศถึงขนาดเอากระจกออกจนหมดเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกดีขึ้นเลย ยกตัวอย่าง โมริต ซัมเมอร์ (Morit Summers) เทรนเนอร์ที่ได้รับการรับรองจาก NSCA และเจ้าของ ‘Form Fitness Brooklyn’ ในนิวยอร์ก ตัดสินใจถอดกระจกออกจากฟิตเนส เพราะ “ไม่ต้องการให้ผู้คนรู้สึกเหมือนกำลังส่องกระจกอยู่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนชอบทำ” ซัมเมอร์ก่อตั้งฟิตเนสนี้ขึ้นมาเพื่อต้องการสร้างพื้นที่ปลอดภัย เป็นมิตรกับทุกคนที่มาออกกำลังกาย โดยไม่คำนึงถึงรูปร่าง หรือความสามารถในการออกกำลัง และนั่นก็เป็นเหตุผลหลักที่เธอเอากระจกฟิตเนสขนาดใหญ่ออกไป ทุกคนจะได้ต่างคนต่างออกโดยไม่ต้องโฟกัสการมองตัวเองในกระจกที่อาจจะแตกต่างกับคนอื่นๆ ทั้งด้านรูปร่าง และความฟิตในการออกแรง เพราะเธอมองว่า “ฟิตเนสมีด้านที่หลงตัวเองอยู่มาก” ซึ่งสำหรับเธอมันอาจจะทำให้ผู้คนเสียสมาธิ และรู้สึกแย่มากขึ้น แทนที่จะโฟกัสการออกกำลังกายในแง่ดูแลสุขภาพจริงๆ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บขณะออกกำลังกายได้ด้วย เช่น หากขณะทำ weighted squat แล้วคุณหันคอไปด้านข้างเพื่อส่องกระจก และดูว่าคุณหลังตรงไหม คุณอาจเกร็งกล้ามเนื้อตามแนวกระดูกสันหลังได้ เป็นต้น ที่แคลิฟอร์เนียอย่าง ‘The Queer Gym’ ผู้ก่อตั้ง นาตาลี ฮูเอร์ตา (Nathalie Huerta) ก็เลือกไม่ใส่กระจกภายในยิมเช่นกัน เธอกล่าวว่า “เมื่อคุณมองภาพสะท้อนของตัวเอง และคนอื่นๆ ก็กำลังมองมาที่คุณ สำหรับฉันมันให้ความรู้สึกอึดอัดมากกว่าจะเป็นประโยชน์ อันนี้แค่ประสบการณ์การออกกำลังกายของฉันนะ” แล้วเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านออกกำลังกาย และทางจิตวิทยาเขาคิดเห็นยังไงบ้าง? เจฟฟ์ คาทูล่า (Jeff Katula) นักวิจัยด้านการออกกำลังกายที่ Wake Forest University บอกว่าปรากฏการณ์นี้สามารถอธิบายได้ด้วยทฤษฎีการตระหนักรู้ในตนเอง (Theory of Objective Self-awareness) “ปกติแล้ว เราผ่านกระบวนการประเมินตนเอง โดยเปรียบเทียบตัวตนปัจจุบันกับตัวตนในอุดมคติ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเราไม่ได้ใช้ชีวิตกับตัวตนในอุดมคติ นั่นจึงมีช่องว่างระหว่างตัวตนปัจจุบัน กับตัวตนในอุดมคติ และช่องว่างนั้นแหละ ที่สร้างความอึดอัด” คาทูล่า อธิบาย ซึ่งก็มีงานวิจัยซัพพอร์ตนี้อยู่บ้าง อย่างในงานวิจัยของโทมัส แพลนท์ (Thomas Plante) นักจิตวิทยาด้านการออกกำลังกายจาก Santa Clara University ที่นำแนวคิดนี้ไปทดสอบกับคนมากกว่า 100 คน พบว่าผู้หญิงหลายคนรายงานว่า รู้สึกตึงเครียดที่สุดเมื่อออกกำลังกายหน้ากระจก + มีโปสเตอร์คนหุ่นดีๆ อยู่ในนั้นด้วย ซึ่งทำให้พวกเธอสามารถเปรียบเทียบตัวเองกับร่างกายในอุดมคติอย่างง่ายดาย ซึ่งเราว่าหากเปลี่ยนจากโปสเตอร์ เป็นคนหุ่นดีๆ รอบยิมที่ทำให้เรามองเห็นเขาพร้อมๆ กับเห็นตัวเราผ่านภาพสะท้อนของกระจก มันก็อาจสร้างความรู้สึกเสียเซลฟ์ได้ในบางคน ตัวแพลนท์เองจึงคิดว่า วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างสภาพแวดล้อมในยิมให้ครอบคลุมทุกคน อาจจะเป็นการจัดสเปซให้มีทั้งบางส่วนที่มีกระจก และบางส่วนที่ไม่มี เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกคน เพราะสำหรับบางคนที่แฮปปี้ดีกับกระจก เวลาส่องกระจกดูตัวเองแล้วก็อาจเพิ่มแรงฮึบในออกกำลังกายได้เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม กระจก ไม่ใช่ตัวร้ายอะไร มันมีข้อดีมากมายในการออกกำลังกาย ดร.นาดีน แคสโลว์ (Nadine Kaslow) อดีตประธานสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน ก็ย้ำว่ากระจกเป็นเลนส์ที่ทำให้นักเต้นเกิดความสัมพันธ์กับร่างกาย ซึ่งนั่นหมายความว่ามันจะทำให้เรามีสมาธิตลอดการออกกำลังกาย สำหรับเรา เราก็เห็นประโยชน์ของกระจกดีว่า บางครั้งมันก็ช่วยทำให้เห็นท่าทาง และตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บขณะออกกำลังกาย หรือพัฒนาการออกกำลังกายให้มีประสิทธิภาพได้เหมือนกัน มากไปกว่านั้น การได้เห็นตัวเองในกระจกทุกๆ วัน และค่อยๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ก็อาจสามารถทำให้เรามีแรงออกกำลังกาย เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายโดยไม่ยอมแพ้ สรุปแล้ว ใครอยากออกกำลังกายโดยมองตัวเองในกระจกก็ทำไป ส่วนใครรู้สึกว่าการออกกำลังกายหน้ากระจกนั้นสร้างความกดดัน ก็อาจจะต้องลองหลีกเลี่ยงดู ซึ่งหากลองปรับให้เข้ากับตัวเองแล้ว มันอาจจะช่วยพัฒนาการออกกำลังกายของคุณให้ดีอย่างก้าวกระโดดไปเลยก็ได้! อ้างอิง: <a href="https://barmethod.com/blog/the-science-behind-working-out-in-front-of-a-mirror/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://barmethod.com/blog/the-science-behind-working-out-in-front-of-a-mirror/</a>&nbsp; <a href="https://www.shape.com/fitness/motivation/exercise-without-mirrors" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.shape.com/fitness/motivation/exercise-without-mirrors</a>&nbsp; <a href="https://slate.com/technology/2023/01/mirrors-gyms-weightlifting-unnecessary-research.html" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://slate.com/technology/2023/01/mirrors-gyms-weightlifting-unnecessary-research.html</a>&nbsp;

มีคนจำนวนมากที่ถูกคนหลงตัวเองเข้ามาควบคุมชีวิตโดยไม่รู้ตัว เมื่อรู้ตัวอีกที ตัวเองก็เจ็บปวดบ่อยๆ แต่หันไปทางไหนก็เจอแต่เขาคนนั้นและหนีไม่พ้นการโทษตัวเอง ซึ่งสถานการณ์ทำนองนี้นับเป็นการถูกล่วงละเมิดอย่างหนึ่ง ในชื่อ Narcissistic Abuse

Narcissistic Abuse Syndrome บาดแผลทางอารมณ์และจิตใจ จากการดีลกับ ‘คนหลงตัวเอง’

ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ในหลายๆ สังคมจะค่อนข้างเปิดกว้างเรื่องความหลากหลายของอัตลักษณ์ทางเพศ ไปจนถึงการสมรสอย่างเท่าเทียมกันของคนทุกเพศมากขึ้น แต่กระแสหนึ่งจากโลกโซเชียลฯ เมื่อไม่นานมานี้เองที่หลายคนพูดถึงการแต่งงานแบบที่เรียกว่า Lavender Marriage จนกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของความสัมพันธ์ในยุคนี้ ซึ่งเราว่าทั้งน่าสนใจและน่าตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดคนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งถึงกลับไปให้คุณค่าและโอบรับกับสิ่งนี้กันนะ 

Lavender Marriage เมื่อคนเพศหลากหลายเลือกแต่งงานตามเพศกำเนิด
ไม่ใช่แค่เพื่อปิดบังความเควียร์ 
แต่ยังเป็น ‘ทางเลือก’ ใหม่ๆ ที่อาจตอบโจทย์รูปแบบความสัมพันธ์ในโลกยากๆ ใบนี้

ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากต่างเห็นตรงกันว่า ‘คลิตอริส’ คืออวัยวะสำคัญที่สุดในการนำไปสู่จุดสุดยอดไม่ว่าจะในการมีเซ็กซ์หรือการช่วยตัวเอง

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Health

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS