มาช่วยกัน Empower ความงามที่มีได้แม้จะไร้ผม และส่งเสียงให้สังคมเลิกตีตรา

‘โรคผมร่วงเป็นหย่อม’ ความทุกข์ทรมานของใครหลายคน ท่ามกลางค่านิยม ‘ผมสวยสุขภาพดี’

หลายต่อหลายหนสังคมเชิดชูคนผมหนา ยาว สลวย ให้เป็นแบบแผนความงามตามสื่อโฆษณา หรือแม้กระทั่งชีวิตจริงที่หลายคนอยากมีผมแบบนั้น ซึ่งไม่ได้ผิดอะไร ถ้านั่นคือความงามที่คุณชื่นชอบ แต่ปัญหาอยู่ที่ เรายังพบการล้อเลียนคนผมบางด้วยชื่อโรคต่างๆ ที่ดูจะสนุกปาก มองเป็นปกติไปแล้วในสังคม หรือตีตราคนผมร่วง ไม่ว่าจะจากความเครียด กรรมพันธุ์ ภาวะหลังคลอด ผลกระทบจากการรักษาโรคต่างๆ และเป็นโรคผมร่วงเป็นหย่อม หรือ Alopecia Areata อย่างเลือกไม่ได้ “น่าสงสาร” “ดูอ่อนแอ” “เป็นคนป่วยระยะสุดท้าย” กลายเป็นภาพจำที่ทำให้คนผมร่วง รู้สึกไม่มั่นใจในการดำเนินชีวิต และมีความภาคภูมิใจในตัวเองน้อยลง เราจึงอยากชวนทุกคนมองมุมใหม่ มาช่วยกัน Empower ความงามที่มีได้แม้จะไร้ผม และส่งเสียงให้สังคมเลิกตีตรา เพราะความงาม และคุณค่าสามารถกำหนดได้ด้วยตัวเอง Alopecia Areata คือโรคผมร่วงเป็นหย่อม ซึ่งเกิดจากภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานผิดปกติ ทำให้ผมร่วงที่หนังศีรษะ ใบหน้า หรือส่วนต่างๆ ในร่างกาย ข้อมูลจาก National Alopecia Areata Foundation พบว่าโรคนี้ส่งผลกระทบต่อผู้คนมากถึง 6.8 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา และ 147 ล้านคนมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบตลอดชีวิต 2.1% อีกทั้งงานวิจัย Shedding Light on Female Alopecia ยังพบว่า ผู้หญิงมากกว่า 20 ล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะผมร่วงอย่างกะทันหัน จะส่งผลให้เกิดความรู้สึกเศร้า โกรธ สับสน โดดเดี่ยว และเป็นอุปสรรคในชีวิต ตอกย้ำผลกระทบในการใช้ชีวิตดังกล่าว เมื่อ MONPURE แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมรายแรกของโลกที่กล้าพูดอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับประเด็นนี้ด้วยการจัดทำแคมเปญ It’s Not Just Hair เพื่ออยู่ข้างผู้หญิงที่สูญเสียเส้นผมไป ทางแบรนด์พบว่า 88% ของผู้หญิงที่ผมร่วงเป็นทุกข์ เพราะผลกระทบด้านลบต่อชีวิตประจำวัน และ 81% ของผู้หญิงรู้สึกว่ามีตราบาปทางสังคมติดอยู่กับอาการผมร่วงมากกว่าผู้ชาย โดยในแคมเปญ MONPURE ได้สัมภาษณ์ผู้หญิงที่เป็นโรค Alopecia Areata ที่เผชิญกับมายาคติลบๆ มาทั้งชีวิต แต่วันนี้สามารถลุกขึ้นมามั่นใจในตัวเองได้อย่างสง่างาม เราขอยกตัวอย่างสปีชของพวกเธอมาให้อ่านกัน เบธ ฟินเลย์ (Beth Finlay) อาชีพที่ปรึกษาด้านโซเชียลมีเดีย . “นับตั้งแต่ฉันโกนหัว ฉันรู้เสมอว่าประสบการณ์ของฉัน สามารถเป็นส่วนหนึ่งของอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น และช่วยคนอื่นๆ ที่ต้องเผชิญชีวิตแบบเดียวกัน แม้ว่าการพูดเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันผ่านมาจะทำให้ฉันรู้สึกอ่อนแอ แต่ถ้ามันสามารถช่วยคนอื่นได้แม้จะเพียงคนเดียวก็คุ้มค่าแล้ว” “ฉันเคยรู้สึกไม่เป็นที่ยอมรับ น่าเกลียด แตกต่าง ไม่ปลอดภัย และเครียด ฉันไม่รู้ว่าจะควบคุมมันยังไง ไม่รู้ว่าจะยอมรับมันยังไง (แล้วก็ไม่คิดว่าอยากจะยอมรับด้วย) ฉันแค่อยากมีผมเหมือนคนอื่นๆ แต่อยู่มาวันหนึ่งฉันก็ตัดสินใจโกนหัว ซึ่งฉันก็ไม่เคยรู้สึกเหมือนตัวเอง หรือมั่นใจขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน” “ผู้คนคิดว่าพวกเขาสามารถตัดสินคุณได้ เพราะรูปลักษณ์ของคุณ ฉันถูกคนที่ไม่มีสิทธิ์มาตัดสินฉันพูดเรื่องไร้สาระ และน่าหงุดหงิด เพียงเพราะฉันไม่มีผมเต็มหัว” “ตอนนี้ฉันมั่นใจขึ้นมาก และลืมไปเลยว่าการเดินทางทั้งหมดนั้นยากลำบากขนาดไหน ตอนที่ถ่ายแคมเปญนี้ ฉันรู้สึกสะเทือนอารมณ์มาก เพราะคิดว่าฉันยังมีเรื่องในใจอยู่มากมาย ถึงจะคิดว่าคงไม่กระทบแล้ว บางครั้งเวลาพูดเรื่องนี้กับคนอื่น ฉันก็ยังจุก ซึ่งคนก็จะไม่ค่อยรู้ เพราะฉันไม่ได้แสดงออก ดังนั้นการนำความรู้สึกกลับบ้าน แล้วปล่อยมันออกมา ก็ไม่เป็นอะไร มันเป็น 10 ปีที่บอบช้ำทางจิตใจ ฉันจึงคิดว่าคงเป็นเรื่องปกติที่เราจะร้องไห้ และมีอารมณ์กับมันบ้าง” คริสตาลา เฟล็ทเชอร์ (Christala Fletcher) อาชีพผู้ผลิตวิกผมมืออาชีพ ซึ่งจัดหาวิกผมให้กับผู้ป่วยโรค NHS มะเร็ง และโรคผิวหนัง . “ตอนที่ฉันเริ่มผมร่วง ฉันรู้สึกอับอาย วิตกกังวล และหดหู่ ตอนนั้นอายุแค่ 9 ขวบ และไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น หรือจะควบคุมยังไง ผ่านมา 20 ปี ฉันพอใจกับอาการผมร่วง และรูปลักษณ์ของฉัน ฉันสามารถพูดได้ว่า ความมั่นใจของฉันเกิดจากอาการผมร่วง เพราะมันทำให้ฉันได้สำรวจว่าฉันเป็นใครมากกว่าแค่รูปลักษณ์ พร้อมทั้งเห็นอกเห็นใจ และแข็งแกร่งขึ้นมาก” “ความเข้าใจผิดของสังคมที่พบบ่อยที่สุดคือฉันทำให้สิ่งนี้ (อาการผมร่วง) เกิดขึ้นกับตัวเอง พวกเขาโยนมาเป็นนิสัยแย่ๆ ที่ทำให้ผมร่วง ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วฉันเป็นโรคแพ้ภูมิตนเอง” “ครั้งแรกที่ฉันได้รับการติดต่อให้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ ฉันคิดว่านี่น่าจะเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการปลุกจิตสำนึกเรื่องผมร่วงของผู้หญิง เนื่องจากไม่มีการพูดคุยกันในวงกว้างของสื่อเลย ผู้หญิงคนอื่นจะต้องไม่รู้สึกโดดเดี่ยว และสามารถพูดคุยกันนอกชุมชนได้” มีมี่ ดรูว์ (Mimi Drew) อาชีพนักแสดงและนางแบบ . “ฉันรักอิสระ และความคิดสร้างสรรค์ในอาชีพของฉัน และวิธีที่ฉันสามารถเป็นใครก็ได้หน้ากล้อง มันน่าตื่นเต้น และเป็นโอกาสที่มีความเสี่ยง โดยไม่ปล่อยให้อาการผมร่วงมารั้งตัวฉันไว้ ซึ่งฉันพบว่าการผมร่วงก็ทำให้ฉันมีโอกาสได้สำรวจบทบาทต่างๆ มากขึ้นไปอีก!” “ผมร่วงในผู้หญิงนั้นถูกตีตรา และมีความเข้าใจผิดมากมายรอบตัว ขณะที่ฉันก้าวออกไปในที่สาธารณะโดยแสดงให้เห็นว่าฉันภาคภูมิใจ หลายคนก็จะจ้องมอง และเข้าใจว่าฉันไม่สบาย หรือป่วยหนัก ซึ่งมันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด” “พวกเขาปฏิบัติต่อวิกผมของฉันราวกับเป็นปัญหาร้ายแรงที่ทุกคนเลี่ยงจะพูด ขณะที่ฉันมีความสุขมากเมื่อพูดถึงมัน” นอกจากสาวๆ ในแคมเปญนี้แล้ว นักวอลเลย์บอลแชมป์ NCAA ระดับชาติ อย่าง เดจา แม็คเคลนดอน (Deja McClendon) ซึ่งเป็นโรคผมร่วงเป็นหย่อมที่เกิดขึ้นตั้งแต่อายุ 12 ปี ก็เคยให้สัมภาษณ์ว่า การต่อสู้กับอคติเรื่องเส้นผมนั้น คือการต่อสู้เชิงความคิดเรื่องความเป็นหญิง ที่เส้นผมมีค่าเท่ากับสุขภาพ และความสวยงามของผู้หญิง ครั้งหนึ่งก่อนเธอจะตัดสินใจโกนผม เธอมีผมหยิกยาวจำนวนมาก ซึ่งสังคมยังมองว่านี่คือผมที่ดี แต่เธอต้องเก็บความลับเรื่องหัวล้านบางจุดบนศีรษะไว้ไม่กล้าบอกใคร ยกเว้นเพื่อนสนิทและครอบครัว ทว่าสุดท้ายกีฬาวอลเลย์บอลนี่แหละที่ช่วยบรรเทาความเครียด และนำไปสู่การตัดสินใจโกนหัวของเธออย่างสมบูรณ์แบบ ดร.อนิล คูเรียน (Dr. Anil Kurian) แพทย์ผิวหนังในเอดมันตันตอนใต้ กล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยผมร่วงที่คลินิกของเขามีเพิ่มขึ้นท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 จากปกติที่จะพบผู้ป่วย 2-3 รายต่อวัน เพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% ต่อวันแทน ซึ่งทุกคนควรมองเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ “เราต้องการให้ผู้หญิงรู้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่คนเดียว และเราก็ต้องการให้ผู้ชายรู้เช่นกัน” “มันคือการทำลายการตีตราให้หมดไปโดยสิ้นเชิง และแสดงให้เห็นว่าผู้หญิง ผู้ชาย และเด็กเหล่านี้มีความสามารถ productive ในสังคม พวกเขามีอะไรอีกมากมายที่จะนำเสนอ และเป็นได้มากกว่าเส้นผมของพวกเขา” เขาหวังว่าทัศนคติในสังคมจะดีขึ้น นิยามความงามที่ผูกโยงกับ ‘ผม’ ในโลกปัจจุบันยังมีอยู่อย่างเห็นได้ชัด แต่เราสามารถค่อยๆ ซึมซับ และโอบรับความหลากหลายใหม่ๆ ได้ด้วยการไม่ตีตราใครให้บอบช้ำ ไม่ตอกย้ำว่าพวกเขาเป็นอื่นถ้าพวกเขาไม่มีผม…มนุษย์เราเกิดมาแตกต่างกันอยู่แล้ว และนั่นทำให้โลกนี้พิเศษ การเคารพความงามที่ไม่จำกัดกรอบก็เช่นกัน ที่สามารถทำให้โลกนี้พิเศษ และน่าอยู่มากขึ้น อ้างอิง: <a href="https://www.cbc.ca/news/canada/edmonton/alopecia-awarness-1.6181020" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.cbc.ca/news/canada/edmonton/alopecia-awarness-1.6181020</a>&nbsp; <a href="https://monpure.com/pages/itsnotjusthair" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://monpure.com/pages/itsnotjusthair</a>&nbsp; <a href="https://www.naaf.org/alopecia-areata#:~:text=Alopecia%20areata%20is%20a%20common,groups%20can%20develop%20alopecia%20areata" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.naaf.org/alopecia-areata#:~:text=Alopecia%20areata%20is%20a%20common,groups%20can%20develop%20alopecia%20areata</a>.&nbsp; <a href="https://www.usatoday.com/story/sports/2021/09/29/alopecia-doesnt-have-us-athletes-bravely-fight-autoimmune-disease/5890591001/" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.usatoday.com/story/sports/2021/09/29/alopecia-doesnt-have-us-athletes-bravely-fight-autoimmune-disease/5890591001/</a>&nbsp; <a href="https://www.uspharmacist.com/article/shedding-light-on-female-alopecia#:~:text=More%20than%2021%20million%20females%20in%20the%20U.S.%20are%20affected%20by%20alopecia.&text=Alopecia%20occurs%20for%20many%20different,diet%2C%20medications%2C%20and%20childbirth" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer noopener noreferrer noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.uspharmacist.com/article/shedding-light-on-female-alopecia#:~:text=More%20than%2021%20million%20females%20in%20the%20U.S.%20are%20affected%20by%20alopecia.&amp;text=Alopecia%20occurs%20for%20many%20different,diet%2C%20medications%2C%20and%20childbirth</a>.&nbsp; รูปภาพจาก: MONPURE

ในเดือนฮัลโลวีนแบบนี้ การดูหนังผีหรือหนังประเภทสยองขวัญให้เข้ากับบรรยากาศของเทศกาลก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมท่ีน่าสนใจเหมือนกัน แต่การจะเปิดดูสิ่งที่เรียกว่าหนังผีหรือหนังสยองขวัญสักเรื่องสำหรับคนที่กลัวผีเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้วนั้นก็อาจไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ไม่ว่าจะเลือกไปดูในโรง หรือดูอยู่ที่บ้านก็ต้องอาศัยจิตใจที่แข็งแกร่งพอสมควร และหลายครั้งความหลอนในหนังก็อาจทำเรากลัวเกินกว่าจะต้านทานคนเดียวไหว ฮัลโลวีนปีนี้เราอ่านเจอทิปส์น่าสนใจจาก New York Times ที่จะช่วยให้นักดูหนังผี (แต่ก็กลัวผี) สู้กลับความหลอนนั้นได้ เพื่อให้การดูหนังผีไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป และไม่แน่นะ อาจค้นพบว่าหนังผีหรือหนังสยองขวัญนี่แหละคือทางที่ใช่สำหรับเราก็ได้! 

ผีก็กลัว แต่หนังก็ต้องดู! รวม 5 วิธีที่ช่วยให้การดูหนังผีน่ากลัวน้อยลง สำหรับคนขวัญอ่อนหรือกลัวผีมาก แต่ก็ยังอยากดู

คุณสมบัติของคนที่มีอารมณ์ขันในตัวเองโดยธรรมชาติจนทำให้คนรอบข้างยิ้มออกได้ในหลายสถานการณ์แม้วันนั้นฝ่ายตรงข้ามจะกำลังเครียดอยู่ก็ตาม นั่นถือเป็นสกิลชั้นดีที่ช่วยประคองแทบจะทุกความสัมพันธ์

คนที่ตลกขนาดนี้…เป็นของคุณนะ! การประคองความรักด้วย ‘Sense of Humor’ เมื่ออารมณ์ขันที่เข้าขา คือยาชั้นดีในความสัมพันธ์

‘Hand Fetish’ เมื่อมือของคนรักหรือคู่นอนช่างเย้ายวนใจและเซ็กซี่โดนใจเสียเหลือเกิน เพราะ ‘มือ’ เป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่สำหรับบางคนมันสามารถเร้าอารมณ์ และกระตุ้นความต้องการทางเพศได้ 

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Health

‘โรคผมร่วงเป็นหย่อม’ ความทุกข์ทรมานของใครหลายคน ท่ามกลางค่านิยม ‘ผมสวยสุขภาพดี’

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS