ข้อจำกัดของการฝากไข่ ในแง่มุมกฎหมาย เวลา และราคา

‘ฝากไข่’ ทางเลือกผู้หญิงรุ่นใหม่ แต่อาจไม่ใช่ทุกคนจะเลือกได้ ด้วยราคา เวลา และกฎหมาย

หลายคนอาจนึกภาพไว้ว่า เราอาจจะเก็บไข่แล้วฝากหมอไว้ก่อน วันไหนที่พร้อมก็เอาไข่ออกมาผสมกับอสุจิของคนที่ใช่ แล้วเลี้ยงลูกต่อไปอย่างมีความสุขกับพาร์ตเนอร์ หรือกระทั่งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวแบบสวยๆแต่กฎหมายยังไม่เอื้อให้เราทำแบบนั้นได้ตามใจนึกตามประกาศของแพทยสภา ระบุเงื่อนไขไว้ชัดเจนว่าจะต้องเป็น “การเก็บแช่แข็งไข่ของตนเองเพื่อวัตถุประสงค์ในการนำไปปฏิสนธิกับอสุจิของสามีที่ชอบด้วยกฎหมาย” นั่นหมายความว่า การจะนำไข่ออกมาทำเด็กหลอดแก้ว อสุจิที่ใช้ต้องเป็นผู้ชายที่จดทะเบียนสมรสกันเท่านั้น&nbsp;และก็หมายความว่า หากเป็นผู้หญิงโสดที่แฮปปี้จะเลี้ยงลูกคนเดียว หรืออยากเลี้ยงลูกกับคู่รักที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน พวกเธอต้องเผชิญความยากในการจดทะเบียนสมรสกับผู้ชายสักคนเสียก่อน ถึงจะใช้ไข่ของตัวเองได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีลได้ง่ายๆ เลยหรือกระทั่งคู่รักหญิง-ชายก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่อยากจะจดทะเบียนสมรส แต่เมื่อไหร่ที่อยากฝากไข่ไว้แล้วค่อยมามีลูก ก็จำต้องจดทะเบียนกันอยู่ดีถึงแม้ข้อกฎหมายนี้มีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อป้องกันการที่คนจะฝากไข่แล้วนำไปขาย แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสำหรับคนที่อยากมีลูกจริงๆ แต่ไม่พร้อมจดทะเบียนสมรสก็ลำบากใจเหมือนกันและแม้จะผ่านด่านกฎหมายแล้ว ก็ยังมีข้อจำกัดอื่นที่ต้องเคลียร์อย่างแรกคือเรื่องเวลา คนที่อยากฝากไข่ต้องมีเวลาว่างประมาณหนึ่ง เพราะต้องเริ่มจากกระตุ้นรังไข่ และเก็บไข่เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งใน 2 สัปดาห์ต้องไปฉีดยากระตุ้นทุกวันอีกอย่างคือเรื่องราคา การฝากไข่นั้นถือว่าราคาแพง เฉพาะการเก็บไข่ครั้งหนึ่งก็มีค่าใช้จ่ายที่ราวๆ 100,000 บาท และยังมีค่าดูแลไข่รายปีอีกปีละหลักพันบาท และเมื่อจะนำไข่ออกมาปฏิสนธิก็มีค่าใช้จ่ายในการทำเด็กหลอดแก้ว ซึ่งอยู่ที่หลักแสนเช่นกันขณะที่การฝากไข่เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับใครที่อยากเก็บไข่ไว้ก่อนอายุ 35 ปี (เพราะหลังจากนั้นไข่จะไม่สมบูรณ์แข็งแรงอีกแล้ว) แต่ก็น่าเสียดายทีเดียว ที่มันไม่ใช่ทางเลือกที่ทุกคนเลือกได้ ดังนั้นใครที่อยากฝากไข่ ก็คงต้องเคลียร์เงื่อนไขชีวิตตัวเองให้พร้อมสักหน่อยแล้วกันอ่านประกาศแพทยสภาทั้งหมดได้ที่ <a href="http://www.thaisrm.com/images/pdf/95-9.pdf" rel="noopener noreferrer" target="_blank">http://www.thaisrm.com/images/pdf/95-9.pdf</a>&nbsp;

ถึงแม้เหล่านี้จะเป็นการตั้งคำถามปลายเปิดกับข้อสันนิษฐานที่ดูกวนๆ แต่ก็ชวนให้คิดได้ไม่น้อยเลยเหมือนกันว่า จริงๆ แล้วไอ้ความสัมพันธ์ที่ใครหลายคนกำลังมีอยู่ หรือกำลังจะกระโจนเข้าไปหานั้นน่ะ มัน ‘ใช่’ สำหรับตัวเองจริงไหม และเป็นไปได้หรือเปล่าที่ปัจจัยต่างๆ รอบข้างกำลัง ‘เบลอ’ ความเป็นจริง หลอกเราให้เชื่อว่ามันคือความสัมพันธ์ที่ใช่กันนะ

‘แค่เหงา หรือชอบเขาจริงๆ…’ ชวนสำรวจ 4 ปัจจัยที่อาจกำลังทำให้เราเลือกความสัมพันธ์กับคนที่ ‘ไม่ใช่’ 

บางครั้งเวลาความสัมพันธ์เดินมาเจอปัญหาความไม่เข้าใจ หรือความไม่สบอารมณ์ใดๆ ที่ทำให้ใจขุ่นมัว เชื่อว่าหลายคนมีวิธีรับมือแตกต่างกันออกไป และหนึ่งในหลายๆ วิธีนั้นก็อาจเป็นการเลือกที่จะ ‘เงียบ’ เพราะคิดว่าการเงียบราวกับชัตดาวน์ตัวเองไปเลยจะช่วยคลี่คลายปัญหา หรือหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าที่นำมาสู่การกระทบกระทั่งระหว่างกันได้มากกว่า

Silent Treatment อาการผลักไสไล่ส่ง และลงโทษด้วยความเงียบงันที่อาจกลายเป็นความรุนแรงทางความรู้สึกและความสัมพันธ์โดยไม่รู้ตัว

‘อายุ’ ไม่ใช่ข้อจำกัดที่สำคัญที่สุด แต่ ‘ศักยภาพ’ ต่างหากที่จะพาเราไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งศักยภาพนั้นเป็นสิ่งที่สามารถพัฒนาได้ หากเรามีมุมมองการใช้ชีวิตแบบ ‘Growth Mindset’ แนวคิดของนักจิตวิทยา ‘Carol Dweck’ ที่เชื่อว่า ความสามารถของคนเราเติบโตขึ้นได้ผ่านเวลาและความพยายาม

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Health

‘ฝากไข่’ ทางเลือกผู้หญิงรุ่นใหม่ แต่อาจไม่ใช่ทุกคนจะเลือกได้ ด้วยราคา เวลา และกฎหมาย

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS