ปฏิเสธไม่ได้ว่านาฬิกาชีวภาพของผู้หญิง (Biological Clock) ในเเง่หนึ่งก็เป็นเหมือนตัวเร่งเร้าและสร้างความกดดันทางสังคมให้กับผู้หญิงได้เสมอ เมื่อผู้หญิงก้าวเข้าสู่วัยหนึ่ง ความคาดหวังที่จะได้พบความรัก เจอความสัมพันธ์ จนถึงขั้นพัฒนาสู่การแต่งงาน กลายเป็นหนึ่งใน ‘เช็คลิสต์’ สำคัญของชีวิต และถ้าหากใครพิชิตยอดเขาของการมีคู่ที่ว่ามานี้ไม่ได้ทันตาม ‘เดดไลน์’ ก็อาจจะถูกตีตราว่าเป็นความล้มเหลวของชีวิตไปโดยปริยาย  

Emma Watson แชร์มุมมองผ่านรายการพอตเเคสต์ On Purpose เรื่องความสัมพันธ์และการแต่งงาน ซึ่งอาจไม่ใช่เช็คลิสต์สำคัญของชีวิต

ปฏิเสธไม่ได้ว่านาฬิกาชีวภาพของผู้หญิง (Biological Clock) ในเเง่หนึ่งก็เป็นเหมือนตัวเร่งเร้าและสร้างความกดดันทางสังคมให้กับผู้หญิงได้เสมอ เมื่อผู้หญิงก้าวเข้าสู่วัยหนึ่ง ความคาดหวังที่จะได้พบความรัก เจอความสัมพันธ์ จนถึงขั้นพัฒนาสู่การแต่งงาน กลายเป็นหนึ่งใน ‘เช็คลิสต์’ สำคัญของชีวิต และถ้าหากใครพิชิตยอดเขาของการมีคู่ที่ว่ามานี้ไม่ได้ทันตาม ‘เดดไลน์’ ก็อาจจะถูกตีตราว่าเป็นความล้มเหลวของชีวิตไปโดยปริยาย &nbsp;แต่สำหรับบางคน การแต่งงานอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของความสัมพันธ์ เช่นเดียวกับการที่ผู้หญิงสักคนเลือกจะ ‘โสด by Choice’ ก็ไม่ได้แปลว่าคนคนนั้นล้มเหลวเอ็มม่า วัตสัน (Emma Watson) นักแสดงสาววัย 35 คือหนึ่งคนที่เข้าใจความกดดันข้อนี้ดี เธอให้สัมภาษณ์ครั้งแรกในรายการพอตแคสต์ On Purpose เปิดใจถึงมุมมองความสัมพันธ์ และยังเป็นหนึ่งในผู้ประสบภัยซึ่งมักถูกถามด้วยคำถามเหล่านี้เหมือนกันว่า ‘เมื่อไหร่จะเเต่งงาน’ ไม่ก็ ‘ทำไมอายุเท่านี้แล้วยังไม่ลงเอยกับใครสักที’&nbsp;นักแสดงผู้แจ้งเกิดจากหนังดังแห่งยุค Harry Potter และโลดแล่นในวงการบันเทิงมาตั้งแต่เด็ก มองว่ามันเป็นเรื่องโหดร้ายไม่น้อยเลย หากคุณค่าของผู้หญิงคนหนึ่งจะถูกผูกโยงไว้กับ ‘สถานะ’ ของพวกเธอมากขนาดนั้น&nbsp;“ฉันมีความสุขมากกว่าที่ยังไม่ได้ต้องหย่ากับใคร” เอ็มม่า วัตสัน เปิดใจกับพิธีกร Jay Shetty เมื่อถามว่าเธอคิดอย่างไร เวลาเจอคำถามเหล่านี้ซ้ำเเล้วซ้ำเล่าจากคนรอบข้าง&nbsp;“มันอาจฟังดูรวนๆ เหมือนแง่ลบนะ แต่ฉันคิดว่าเราต่างรู้สึกเหมือนกำลังถูกกดดันและถูกบังคับให้ต้องรีบกับสิ่งเหล่านี้เกินไป ซึ่งจริงๆ ฉันเชื่อว่ามันคือสิ่งมหัศจรรย์ และฉันก็หวังว่ามันจะเกิดขึ้นกับฉันเหมือนกัน หรือฉันอาจจะไม่คู่ควรกับมันเลยก็ได้ แต่ฉันแค่ไม่อยากถูกแปะป้ายขนาดนั้น”&nbsp;วัตสัตบอกว่าการที่สังคมกดดันและเร่งรัดให้ผู้หญิงลงเอยกับความสัมพันธ์อะไรสักอย่าง เพื่อที่จะได้เช็คลิสต์ว่าพวกเธอ ‘เลิกโสด’ นับเป็นการตัดรอนเสน่ห์ของความรักโรแมนติกในความสัมพันธ์ไปอย่างน่าเสียดาย&nbsp;“ถ้าหากฉันแต่งงานจริงๆ ไปสักปีก่อนหน้านี้ มันคงจะเหมือนการ ‘ตายหมู่’ เลยละ เพราะฉันเองก็ยังไม่รู้จักตัวเองดีเลยด้วยซ้ำ ยังไม่ชัดเจนเลยว่าเป้าหมายในชีวิต หรือการมองโลกของฉันในตอนนั้นคืออะไร และฉันจะจัดการยังไงกับเรื่องเหล่านี้”นอกจากนั้นแล้ว เธอยังมองว่าแรงกดดันจากค่านิยมของสังคมในเรื่องการแต่งงานหรือมีคู่ยัง ‘อันตราย’ ด้วย“ฉันคิดว่ามันเป็นความรุนแรงรูปแบบหนึ่ง แล้วมันก็ใจร้ายมาก โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ กับผู้หญิง ที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าไม่มีคุณค่า หรือไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต เพียงเพราะยังไปไม่ถึงจุดหมายอย่างการแต่งงานที่ว่านั่น อะไรบางอย่างที่ฉันคิดว่ามันไม่ควรถูกกดดัน แต่มันคืออะไรที่ต้องอาศัยความเพียรพยายาม ต้องทำงานกับมันอย่างหนัก เพื่อที่จะได้อยู่ในจุดที่ฉันสามารถมองตาใคร และบอกเขาได้ว่าฉันเป็นใคร มีอะไรบ้างที่เราจะปรับเปลี่ยนและเติบโตไปด้วยกัน ซึ่งนั่นเป็นงานที่หนักนะคะ บ่อยครั้งที่ฉันนั่งคุยกับตัวเองด้วยคำถามยากๆ พวกนี้ สิ่งนี้มันยังไม่เกิดขึ้นกับฉัน”&nbsp;เพราะความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นสำหรับวัตสันอาจไม่ใช่การได้แค่เช็คลิสต์ในช่องแต่งงาน แต่คือการได้เจอใครสักคนที่เห็นคุณค่าและความสำคัญในตัวตน กับสิ่งที่เธอทำอย่างแท้จริงมากกว่า และมันจะดีมากๆ ด้วยหากคุณค่าที่เธอมีนั้นสำคัญต่อชีวิตของอีกคนหนึ่งด้วย“การได้อยู่กับใครสักคน การที่คนสองคนจะได้แชร์กัน มันเป็นสิ่งที่วิเศษจริงไหมคะ แต่ถ้าหากเรายังสามารถทำให้อีกคนรู้สึกว่าเขามีเกียรติ มีความภาคภูมิใจในสิ่งเขาทำ ไม่ว่าเขาเกิดมาเพื่อทำอะไรบนโลกใบนี้ นั่นจะเป็นสิ่งที่ยั่งยืนกว่ามากเลย”&nbsp;นักแสดงสาวยังบอกด้วยว่า ถ้าหากเธอเจอใครสักคน คนนั้นจะต้องเป็นคนที่สามารถทำให้เธอพูดกับเขาได้อย่างภาคภูมิใจว่า “เฮ้ ฉันคือเอ็มม่า นี่คือสิ่งที่ฉันแคร์ และคุณค่าของฉันในการอยู่บนโลกนี้คือสิ่งเหล่านี้ แล้วมันก็จะทำให้เราต่างเห็นว่า เราจะสามารถเติมเต็มคุณค่าในสิ่งนั้นต่อกันและกันได้หรือเปล่า”&nbsp;อ้างอิง<a href="https://www.youtube.com/watch?v=9CWd7Cp9eKA" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.youtube.com/watch?v=9CWd7Cp9eKA</a><a href="https://www.businessinsider.com/emma-watson-pressure-to-get-married-women-youth-society-2025-9" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.businessinsider.com/emma-watson-pressure-to-get-married-women-youth-society-2025-9</a>

นิกกี้ ลิลลี่ (Nikki Lilly) คืออินฟลูสายแฟฯ ที่มาแรงที่สุดคนหนึ่งในปีนี้ เธอป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็ม หรือ Arteriovenous Malformation (AVM) มาตั้งแต่เกิด และนั่นเองกลายเป็นอีกจุดเด่นที่เธออยากให้โลกมองเห็น

Nikki Lilly ใบหน้าที่โลกแฟชั่นหลงรัก และเธอเองหวังให้โลกจริง ยอมรับ ‘ทั้งสองซีก’ ที่เป็นเธอ

ซานนา มาริน (Sanna Marin) คืออดีตนายกรัฐมนตรีประเทศฟินแลนด์ที่ดำรงตำแหน่งในช่วงปี 2019-2023 และหนึ่งในแนวคิดของเธอที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดก็คือความต้องการผลักดันให้ลดวันทำงานลงเหลือ 4 วันต่อสัปดาห์

แนวคิดที่อยากให้คนทำงาน 4 วัน วันละ 6 ชม. ของ Sanna Marin อดีตนายกฯ ฟินแลนด์ กลับมาเป็นไวรัลอีกครั้ง

กลับมาที่แฟนคลับมาหยิกหน้าคืน ซึ่งหลายคนมองเอาความสะใจที่ได้แก้แค้นให้กับศิลปินที่รัก หรือมองว่าผู้หญิงคนนี้คือ ‘ตัวแทนหมู่บ้าน’ ในการเอาคืน ซึ่งเจ้าตัวที่โดนกระทำยังไม่รู้สึกพอใจเช่นกัน

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Thoughts

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS