ในยุคที่โลกต่างลุกขึ้นมาปลุกกระแสให้เห็นถึงความอันตรายของค่านิยมชายเป็นใหญ่ แน่นอนว่าเป็นเรื่องดีที่มันทำให้เราเกิดความตระหนัก แต่ขณะเดียวกันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้หลายคนเริ่มแปะป้ายกันอย่างง่ายๆ ว่าคนนั้น Red Flag คนนี้ Green Flag ทั้งที่อันที่จริงมนุษย์ต่างซับซ้อน และการดูว่าใครพึงประสงค์หรือไม่สำหรับเรา ก็คงไม่สามารถบอกได้แค่จากพฤติกรรมเพียงบางอย่าง ไม่นับว่าพฤติกรรมบางอย่าง ก็อาจเป็นเพียงการแสดง (Perform) ได้เหมือนกัน

Performative Male อีกหนึ่งการจิกกัดเสียดสี ‘หนุ่มเทสต์ดี’ และ (ดู) Green Flag เมื่อวัฒนธรรมการเหมารวมและแปะป้าย ทำให้บางคนต้องแสดงเป็นอะไรบางอย่าง เพื่อที่จะได้ถูกเลือก

ในยุคที่โลกต่างลุกขึ้นมาปลุกกระแสให้เห็นถึงความอันตรายของค่านิยมชายเป็นใหญ่ แน่นอนว่าเป็นเรื่องดีที่มันทำให้เราเกิดความตระหนัก แต่ขณะเดียวกันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้หลายคนเริ่มแปะป้ายกันอย่างง่ายๆ ว่าคนนั้น Red Flag คนนี้ Green Flag ทั้งที่อันที่จริงมนุษย์ต่างซับซ้อน และการดูว่าใครพึงประสงค์หรือไม่สำหรับเรา ก็คงไม่สามารถบอกได้แค่จากพฤติกรรมเพียงบางอย่าง ไม่นับว่าพฤติกรรมบางอย่าง ก็อาจเป็นเพียงการแสดง (Perform) ได้เหมือนกันนั่นจึงนำไปสู่แฮชเเท็ก #performativemale ที่มียอดวิวมากถึง 28 ล้านวิวใน TikTok เทรนด์หนึ่งบนโซเชียลฯ ในช่วงที่ผ่านมาที่ตั้งคำถามถึงสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นเช่นกันว่า แล้วผู้ชายแบบไหนถึงจะเป็นผู้ชายที่ (ดู) มีคุณภาพ (ดู) ได้มาตรฐานสากล และผู้หญิงยุคนี้ (ดู) น่าจะเปิดใจไฟเขียวให้นะ การตั้งคำถามนี้ยังนำไปสู่การเสียดสีขำๆ ถึงภาพที่ถูกผลิตขึ้นและถึงขั้นมีการจัดประกวด Performative Male Contest ตามหัวเมืองใหญ่ทั่วโลก ทั้งนิวยอร์ก ซีแอตเติล ลามมาจนถึงฝั่งออสเตรเรีย และอินโดนีเซีย ในรูปแบบกิจกรรมฮาๆ เพื่อรวมตัว ‘หนุ่มเทสต์ดี’ ที่สาวๆ ยุคนี้น่าจะชอบกันแบบเป็นเรื่องเป็นราวเลยทีเดียวแล้วหนุ่มเทสต์ดีหรือ (ดู) Green Flag ที่ว่านั้นต้องเป็นอย่างไร ภาพจำที่ชัดเจนก็คือเป็นหนุ่มที่มาพร้อมกับหนังสือวรรณกรรม (ถ้าเป็นวรรณกรรมเฟมินิสม์ก็อาจได้คะแนนเพิ่ม) อีกมือถือแก้วมัทฉะ สะพายกระเป๋าผ้า ว่างๆ ก็เดินแกลเลอรี่ &nbsp;ดูงานศิลปะ หรืออยู่ตามกลุ่มกิจกรรมครีเอทีฟต่างๆ เหล่านี้แหละถึงจะติ๊กถูก น่าจะเป็นคู่รักที่ละมุนใจและเข้าอกเข้าใจผู้หญิงมากแน่ๆ เหมือนกับครั้งหนึ่งที่เคยมีคำจำกัดความผู้ชายอ่อนโยนนุ่มนิ่มว่า Soft Boy หรือ Nice Guy อะไรแบบนั้น&nbsp;Performative Male กลับต่างกันตรงที่มันกลายมาเป็นการเสียดสีล้อเลียนผู้ชายบางส่วนในยุคนี้ที่ชอบ ‘ทำทรง’ (Poser) แสร้งว่าตัวเองเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่แท้จริงแล้วอาจจะไม่ได้เป็น เเต่ทำไปเพียงเพราะต้องการได้รับการยืนยันในคุณค่า (Validation) จากคนอื่น หรืออยากเข้าไปมีส่วนร่วมในสังคมใดสังคมหนึ่ง พร้อมกับมองหาความสัมพันธ์ใดความสัมพันธ์หนึ่ง ซึ่งโดยมากก็คือความสัมพันธ์แบบรักโรแมนติกและวิธีที่พวกเขาเลือกก็คือ Performative หรือการ ‘แสดง’ เป็นอะไรสักอย่างที่อยากให้คนเห็น และมองว่าเป็นแบบนั้น เป็นไปได้ทั้งในพื้นที่ออฟไลน์อย่างชีวิตจริง และพื้นที่ออนไลน์อย่างโซเชียลฯ ผ่านสัญญะต่างๆ ที่จะเรียกว่า ‘พร้อบ’ ก็คงได้ ซึ่งช่วยประกอบสร้างให้ตัวตนนั้นสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น และตัวตนที่สร้างขึ้นมานี้เองที่ก็เวิร์กเสมอ เมื่อคนเรามักจะ Assume อะไรก็ตามจากสิ่งที่เห็นภายนอกกันอยู่แล้ว&nbsp;Performative Male ไม่ได้มีแค่เสื้อผ้าหน้าผม หรือพร้อบภายนอกที่บ่งบอก ‘สเตทเมนต์’ ให้กับคนคนนั้น มันยังรวมถึงความพยายามที่จะแสดงออกถึง ‘วิถี’ ไลฟ์สไตล์ ความคิดความอ่าน ความชอบ ความเชื่อที่ประดิษฐ์หรือปรุงแต่งขึ้นมา โดยมีเป้าหมายปลายทางที่ไม่เพียงต้องแสดงออกถึงรสนิยม แต่ยังต้องการการ ‘ถูกมองเห็น’ ได้รับ ‘การยอมรับ’ จากสังคมด้วย โดยเฉพาะการได้รับความไว้วางใจจากผู้หญิงด้วย&nbsp;ทว่าเราจะโทษคนที่ทำทรงเหล่านั้นเพียงอย่างเดียวก็คงไม่แฟร์สักเท่าไร เพราะหากมองกลับกัน ก็อาจคิดได้ว่าการที่อยู่ๆ ผู้ชายก็ลุกขึ้นมาแต่งตัวและมีไลฟ์สไตล์เหมือนๆ กันหมดราวกับก๊อปปี้โชว์นี้เป็นการพยายามอย่างหนึ่งที่จะ ‘เสิร์ฟ’ สิ่งที่ผู้หญิง โดยเฉพาะคนเจนเนอเรชั่นนี้ต้องการ นั่นคือความพยายามมองหาความสัมพันธ์และคนรักที่โคตรจะ ‘Green Flag’ ไม่ใช่ Alpha Male ไม่ใช่ชายแทร่ แต่ต้องมีความมั่นคงและฉลาดทางอารมณ์ มีเหตุมีผล เป็นผู้ใหญ่ มีลักษณะที่น่าจะสร้างความสัมพันธ์ที่คุณภาพไปด้วยกันได้เท่านั้น แต่เท่านั้นยังไม่ตอบโจทย์ พวกเขายังต้องมากับเทสต์ที่ดีด้วย เช่น ต้องมีสไตล์ มีรสนิยม มีสุนทรียะในการใช้ชีวิต ดูหนังฟังเพลง เสพงานศิลป์ เคารพวิถีทั้ง Slow life และ Analog หรือโหยหาความ Nostalgia ในอดีตได้ยิ่งดี&nbsp;ยังไม่พอ หนุ่ม Green Flag ในมุมมองที่ผู้จัดงานประกวดต้องการจะเสียดสี ยังต้องสุดโต่งไปเลยเรื่องความ Woke และแสดงจุดยืนว่า Call Out ต่อประเด็นอะไรสักอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวด้วย ต้องรักษ์โลก เลือกสะพายกระเป๋าผ้า พกกระติกส่วนตัว แถมต้องใส่ใจสุขภาพ (ที่ไม่ใช่แบบไปยิม เล่นกล้าม แต่เป็นหนุ่มผู้เลือกที่จะดื่มเพียวมัทฉะ หรือใส่นมทางเลือกแทน อะไรแบบนั้น) &nbsp;จึงอดไม่ได้ที่จะทำให้เรามองการมาถึงของ Performative Male ได้อีกแง่ว่า หรือจริงๆ แล้วมันคือการที่ผู้ชายลุกขึ้นมา ‘ประชดประชัน’ ผู้หญิงในยุคนี้ที่มีความปรารถนาและเฝ้าฝันถึงการได้มีคู่ มีความสัมพันธ์ที่สุดแสนจะ ‘เพอร์เฟ็กต์’ แบบสุดโต่ง แต่ไม่แน่ใจว่าในชีวิตจริงจะมีคนแบบนั้นอยู่สักกี่คนกันนะ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็นับว่านี่เป็นการเสียดสี และ Disrupt ทางวัฒนธรรมที่ร้ายกาจทีเดียวและพร้อมกันนั้น Performative Male อาจยังเป็นการตั้งคำถามถึงคุณค่าของ ‘ความเป็นชาย’ ว่าแท้จริงแล้ว จนถึงตอนนี้มันควรต้องเป็นอย่างไร และผู้หญิงต้องการความเป็นชายแบบไหนกันแน่ ในเมื่อค่านิยมความเป็นชายเป็นสิ่งที่ลื่นไหลไปตามบริบทของสังคมที่เปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา จากรุ่นปู่ย่าตายายของเราที่อาจมองความเป็นชายในแบบหนึ่ง จนมาถึงตอนนี้ที่คุณค่าความเป็นชายอาจแค่หมายถึงใครสักคนที่เป็น ‘ไอ้ต้าว Green Flag’ เป็นคู่รักที่ดีพอจะสามารถนำพาไปสู่ควาสัมพันธ์ที่ดีได้ ในโลกที่การหาคู่สิ้นหวังลงทุกทีเช่นเวลานี้&nbsp;สุดท้ายแล้วลักษณะของหนุ่ม Green Flag ไม่น่าจะใช่สิ่งที่ใครสักคนสร้างขึ้นมาแค่เพียงเปลือกนอกแบบฉาบฉวย ผ่านเครื่องแต่งกายหรือพร้อบต่างๆ ได้ แต่มันอาจยังต้องมาจากบุคลิกภาพ ความคิดความอ่าน คุณภาพการจัดการทางอารมณ์ ที่ผ่านการฝึกฝน เรียนรู้ และเติบโตมาจากภายในมากกว่าจะสร้างได้ภายในวันเดียวง่ายๆ อย่างแค่ถือหนังสือและแก้วมัทฉะ แล้วเราก็คงไม่สามารถจะชี้วัด ‘คุณภาพ’ ของคนคนนหนึ่งได้จาก ‘ภาพลักษณ์’ ที่ถูกสร้างขึ้นมาได้ขนาดนั้นเพราะเราจะรู้ได้อย่างไรว่าหนุ่มเทสต์ดีที่เห็นนั่นน่ะ คือผู้ชาย Green Flag ตัวจริง ผู้มาพร้อมกับรักแท้ หรือแค่พยายามทำทรง แต่สุดท้ายแล้วเป็นแค่ ‘อาหวัง’ ที่หวังเรื่องเซ็กซ์ หรือเป็นมนุษย์จอม Manipulate ที่มาออกลาย Red Flag ทีหลังPerformative Male อาจเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าสังคมส่วนใหญ่ยังเคยชินกับการเหมารวม และยังชอบเห็นภาพอะไรที่สุดโต่งของการที่ถ้าหากใครสักคนไม่เพอร์ฟอร์มว่าเป็นคนดีธงเขียว ก็ต้องถูกแปะป้ายให้เป็นชายแทร่ เป็น Incels ที่ไม่มีโอกาสได้ถูกเลือกไปเลย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วมนุษย์ยังมีเฉดของความหลากหลาย และยังมีช่องว่างตรงกลางให้ค้นหาอีกมากมายกว่านั้น&nbsp;คำถามที่น่าสนใจคือ หากความคาดหวังว่าจะได้ใจผู้หญิงด้วยการทำทรงว่าเป็นไอ้ต้าวเทสต์ดี เป็น Green Flag แสนอบอุ่น กลายเป็นสิ่งที่น่าล้อเลียนทั้งสำหรับผู้หญิง หรือแม้แต่ผู้ชายด้วยกันเองแล้ว มันจะทำให้พวกเขากลายเป็น Incels หรือชายโสดที่เจ็บช้ำน้ำใจและเกลียดชังผู้หญิงไปตลอดกาลจากการถูกปฏิเสธด้วยหรือเปล่า… &nbsp;&nbsp;อ้างอิง<a href="https://www.nytimes.com/2025/08/14/style/performative-men.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.nytimes.com/2025/08/14/style/performative-men.html</a><a href="https://www.instagram.com/p/DNRdHHtSsLQ/?igsh=MWs4NmNqMGwyZmIxbw%3D%3D&img_index=1" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.instagram.com/p/DNRdHHtSsLQ/?igsh=MWs4NmNqMGwyZmIxbw%3D%3D&amp;img_index=1</a><a href="https://www.youtube.com/watch?v=0JvBUif8LPMhttps://www.tiktok.com/@flolerigolol/video/7531679824021032214?q=performative%20male%20library&t=1755501619632" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.youtube.com/watch?v=0JvBUif8LPMhttps://www.tiktok.com/@flolerigolol/video/7531679824021032214?q=performative%20male%20library&amp;t=1755501619632</a><a href="https://www.tiktok.com/@corteezyy/video/7533834872322788621?is_from_webapp=1&sender_device=pc" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.tiktok.com/@corteezyy/video/7533834872322788621?is_from_webapp=1&amp;sender_device=pc</a>

ปัญญาประดิษฐ์มีอิทธิพลต่อวงการธุรกิจออนไลน์มากขึ้น โดยแบรนด์ต่างๆ เริ่มออกมาไลฟ์สดขายสินค้าด้วยอวตาร AI ผ่านแพลตฟอร์ม TikTok ก่อให้เกิดการถกเถียงออกเป็น 2 ฝั่ง ผู้ชมส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่า การไลฟ์สดด้วย AI เป็นการขายสินค้าที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ และไม่จริงใจต่อผู้บริโภค ทำให้รู้สึกไว้วางใจในตัวแบรนด์น้อยลง ขณะที่อีกฝั่งตั้งคำถามว่า ทำไมบางคนต้องต่อต้านการใช้เทคโนโลยีใหม่อย่าง AI ด้วย?

AI LIVE STREAMING การไลฟ์สดขายสินค้าโดยใช้อวตาร AI เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยลดต้นทุนผู้ผลิต แต่อาจทำให้ผู้บริโภคไว้วางใจแบรนด์น้อยลง ?

ไซ ศิลปินชาวเมียนมาและคิวเรเตอร์ เดินทางมาร่วมจัดแสดงนิทรรศการศิลปะพร้อมกับภรรยาของเขา ณ แกลเลอรี่ระดับประเทศของเมืองไทย โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าในอีกไม่กี่วันถัดมา ทั้งเขาและภรรยาจะต้องตกอยู่ในสถานะผู้ลี้ภัยที่ต้องขอหลบลี้ออกนอกประเทศไทยอย่างเร่งด่วน โดยมีจุดหมายปลายทางคือประเทศอังกฤษ จากการคุกคามของอำนาจบางอย่างที่มองไม่เห็น 

คำถามใหญ่ถึงเสรีภาพในเมืองไทย เมื่องานศิลปะที่ ‘สนับสนุนเอกราช’ ให้กับธิเบต อุยกูร์ และฮ่องกง ซึ่งจัดที่หอศิลป์กรุงเทพฯ กลับถูกสั่งแบนจากอำนาจนอกประเทศ 

ถ้าจะว่ากันในทางสถิติแล้ว การใช้ความรุนแรงในความสัมพันธ์ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะในความสัมพันธ์หนึ่งๆ แต่มีแนวโน้มจะเกิดซ้ำ เพราะปัญหาหลักเกิดจากพฤติกรรมของฝั่งผู้กระทำเองเสียมากกว่า

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Thoughts

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS