เมื่อปี 2023 อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 40 แห่งนิวซีแลนด์ จาซินดา อาร์เดิร์น (Jacinda Ardern) ตัดสินใจประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศท่ามกลางความประหลาดใจของชาวนิวซีแลนด์ รวมทั้งชาวโลก ด้วยเหตุผลที่เธอรู้ตัวว่าตัวเธอเอง ‘ไม่เหมาะ’ จะทำหน้าที่ผู้นำอีกต่อไป 

A Different Kind of Power หนังสือบันทึกความทรงจำของ Jacinda Ardern
อดีตนายกฯ หญิงนิวซีแลนด์ ที่เลือกทำงานด้วย Empathy 

เมื่อปี 2023 อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 40 แห่งนิวซีแลนด์ จาซินดา อาร์เดิร์น (Jacinda Ardern) ตัดสินใจประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศท่ามกลางความประหลาดใจของชาวนิวซีแลนด์ รวมทั้งชาวโลก ด้วยเหตุผลที่เธอรู้ตัวว่าตัวเธอเอง ‘ไม่เหมาะ’ จะทำหน้าที่ผู้นำอีกต่อไป&nbsp;หลังการตัดสินใจลาออก อาร์เดินได้แต่งงานกับ Clarke Gayford พาร์ตเนอร์ที่คบหาดูใจกันมานาน และตัดสินใจพาครอบครัวย้ายมาใช้ชีวิตเรียบง่ายในรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่นั้น&nbsp;วันนี้อดีตนายกฯ หญิงที่อายุน้อยที่สุดในโลกตอนได้รับเลือกด้วยวัยเพียง 37 ปี ปรากฎตัวในฐานะ ‘คนธรรมดา’ ไม่มีการ์ดเป็นโขยงเดินล้อมหน้าล้อมหลังเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว และเธออยากจะเป็นแค่ ‘Just Jacinda’ (เพราะชอบมีคนจำผิดคิดว่าเธอเป็นนักแสดงสาวชาวออสเตรเลีย Toni Collette อยู่เรื่อยๆ) กำลังเอ็นจอยกับการกลับไปเรียนหนังสือ และใช้ชีวิตอย่างนักศึกษาทุนคนหนึ่งที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พร้อมกับการได้มีเวลามากขึ้นให้กับสามี และลูกสาววัย 6 ขวบของเธอ&nbsp;ทว่าชื่อของจาซินดา อาร์เดิน อาจไม่ได้เงียบหายไปซะทีเดียว เพราะเธอกำลังจะมีงานเขียน Memoir ของตัวเองในหนังสือชื่อว่า A Different Kind of Power ที่ย้อนเล่าเรื่องราวระหว่างคืนวันของการเป็นผู้นำหญิงในช่วงเวลาที่ ‘ยาก’ ที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศ นับตั้งแต่การกราดยิงครั้งใหญ่ที่มัสยิดในเมืองไครส์เชิร์ช เมื่อปี 2019 ที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ต่อมาถึงการระเบิดของภูเขาไฟบนเกาะไวท์ จนถึงการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่เกินจริงหากจะบอกว่าอาร์เดิร์น คือนายกฯ หญิงที่มาพร้อมกับ 1 วัน 1,000 ปัญหาจริงๆ&nbsp;แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งของหนังสือบันทึกความทรงจำเล่มนี้ ยังเป็นการเปิดเผยถึงความรู้สึกของการเป็นผู้นำหญิงที่ต้องทำหน้าที่อีกหลายอย่างพร้อมกันไปด้วย หนึ่งในนั้นคือการเป็น ‘แม่’ ซึ่งนับว่าเธอเป็นผู้นำหญิงคนที่สองของโลกเท่านั้นที่มีลูกระหว่างดำรงตำแหน่งหนังสือของอาร์เดินได้เปิดเผยถึงสิ่งที่เธอไม่เคยพูดมาก่อน และเลือกที่จะไม่พูดตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่ง อย่างเหตุการณ์เล็กๆ ระหว่างที่เธอกำลังนั่งอยู่ในห้องน้ำบ้านเพื่อนสนิทคนหนึ่งเพื่อรอเวลาให้ที่ตรวจครรภ์ขึ้นว่าเธอตั้งท้องหรือไม่ เพราะสำหรับการเป็นแม่นั้นอาจจะไม่ได้ยาก แต่การเป็นแม่ในระหว่างที่ต้องดำรงตำแหน่งผู้นำทางการเมืองของประเทศไปด้วยนี่สิ เป็นอะไรที่เธอบอกว่ามันหนักหนา แล้วก็ช่างเป็นช่วงเวลาที่ทุลักทุเลที่สุดของเธอ อย่างครั้งหนึ่งในงานประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่จัดขึ้นที่สหรัฐฯ แม่ลูกอ่อนอย่างเธอต้องนำลูกน้อยเดินทางข้ามประเทศ แถมต้องสลับร่างมาประชุมในฐานะผู้นำประเทศ กับการเป็นแม่ที่ต้องคอยปั๊มนมไปด้วย ก่อนหน้าที่องค์การสหประชาชาติจะออกนโยบายให้มีห้อง Nursing Room สำหรับบรรดาเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานพร้อมกับเลี้ยงลูกไปด้วยเสียอีก&nbsp;นั่นทำให้อาร์เดิร์นเป็นผู้นำหญิงที่ต้องแบกรับภาระหน้าที่แก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศ พร้อมทั้งยังต้องพิสูจน์ให้เห็นอีกด้วยว่า มันเป็นไปได้นะที่เธอจะทำหน้าที่ของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งอย่างการเป็นแม่ไปด้วย “ฉันพยายามทำทุกอย่างไม่ให้ใครมาตั้งข้อกังขาว่าฉันจะเป็นแม่พร้อมๆ กับเป็นนายกฯ ได้ไหม แต่ในทางกลับกัน ฉันก็พยายามทำให้ทุกคนรู้ว่า ฉันไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้โดยลำพังนะทั้งหมด ไม่ใช่ในแบบ Wonder Women อะไรแบบนั้นแน่ๆ ค่ะ” &nbsp; &nbsp; &nbsp;ในสมัยรัฐบาลของอาร์เดิร์น เธอพยายามผลักดันแคมเปญให้พ่อแม่ลาไปเลี้ยงดูลูกได้นานสูงสุดถึง 6 เดือน โดยที่ยังได้รับค่าจ้างจากนายจ้างอยู่ ถึงอย่างนั้น เธอบอกว่านั่นเป็นสิทธิ์ที่ทุกคนควรจะได้รับ แต่ไม่ใช่สำหรับเธอ และเธอก็เลือกที่จะลาไปเลี้ยงลูกเพียงแค่ 6 สัปดาห์เท่านั้นหลังจากคลอดลูกสาว “ฉันไม่สามารถอยู่ๆ ก็ขอพักไปเลี้ยงลูก 6 เดือนได้หรอกค่ะ ขณะที่ทุกคนเลือกฉันให้มาทำหน้าที่ตรงนี้ และคุณรู้ไหม ฉันยืนตัวงออยู่พักใหญ่เลย ตอนกลับมาทำงาน ฉันสงสัยจริงๆ ว่าแม่ที่ลาคลอดน้อยกว่าฉันนี่เขาทำกันได้อย่างไรนะ”ช่วงเวลาที่ทั้งสวยงามและไม่สวยงามของคืนวันเหล่านั้น อาร์เดิร์นเริ่มเขียนมันออกมาเป็นเหมือนบทบันทึก หลังประกาศลาออกจากตำแหน่งในปี 2023 เธอบอกว่าพอมองกลับไปที่ความยุ่งเหยิงของปัญหาต่างๆ ในช่วงเวลานั้น ตอนนี้เธอรู้สึกแตกต่างออกไปอย่างมากมาย&nbsp;“ฉันว่าฉันก็ยังจะเขียนหนังสือเล่มนี้อยู่ดี ถึงแม้ว่าในตอนนั้น การเป็นผู้นำที่มี Empathy และใจดี จะถูกทรีตว่าเป็นความไร้เดียงสา แม้กระทั่งตอนนี้เองก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ แต่ฉันก็จะสู้กลับความคิดพวกนั้น” อาร์เดิร์นให้สัมภาษณ์กับ The New York Times “แค่เป็นเพราะว่าตอนนั้นเรามีผู้นำไทป์เดียวกันหมดวางอยู่บนเชลฟ์ เพราะคิดว่าเอาว่านั่นคือสิ่งที่ประชาชนต้องการ แต่ฉันกลับไม่คิดอย่างนั้นหรอกค่ะ”“ฉันมักเจอคนที่สนใจเรื่องการเมือง เข้ามาถามฉันหลายครั้งนับไม่ถ้วนเลยว่าจะเล่นการเมืองต้องใช้อะไรบ้าง พวกเขาต้อง ‘อึด ถึก ทน’ มากแค่ไหน สิ่งที่ฉันพอจะบอกกับพวกเขาได้ก็คือ ฉันยังคงเป็นคนอ่อนไหวง่ายอยู่เลยค่ะ แต่ฉันก็เป็นผู้นำประเทศทั้งอย่างนั้นนั่นแหละ ฉันตัดสินใจตั้งแต่แรกเลยว่าฉันต้องเป็นตัวของตัวเองเท่านั้น เพราะสำหรับนิวซีแลนด์ ถ้าคุณไม่เป็นตัวเอง พวกเขาจะทำจมูกย่นใส่คุณทันที” &nbsp;“ฉันยังจำช่วงเวลาที่คิดว่า ไม่ล่ะ ฉันจะไม่ยอมปล่อยความรู้สึกอ่อนไหวออกมาต่อหน้าสาธารณชนอย่างแน่นอน และมันอาจไม่เหมาะสมที่จะทำแบบนั้นด้วย เวลาที่มันเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ เกี่ยวกับเหยื่อ แต่ฉันก็คิดว่าได้ว่าบางครั้งคุณแค่ต้องตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆ อย่าง ‘เป็นมนุษย์’ น่ะ แล้วมันก็โอเคด้วย เพราะมันสร้างความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจ เมื่อประชาชนเห็นว่า อ้อ คุณเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกันนี่นะ”&nbsp;ในชีวิตการทำงานของอาร์เดน เธอมักจะย้อนคิดถึงเรื่องเหล่านี้ในแง่ของการเป็นพ่อแม่ วิธีที่สอนลูกๆ ว่าอะไรคือ ‘คุณค่า’ สำคัญของการมนุษย์คนหนึ่ง&nbsp;“ทุกคนต่างอยากให้ลูกของตัวเองเป็นคนมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ มีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่น เข้มแข็ง และกล้าหาญ ไอ้คุณค่าต่างๆ เหล่านี้ที่เราสอนลูกๆ ของเรา ทำไมพอเป็นผู้นำ เรากลับมองเป็นความอ่อนแอเสียล่ะ”&nbsp;อาร์เดิร์นเป็นผู้นำหญิงอีกคนที่ได้รับเสียงชื่นชมว่ารับมือกับภัยพิบัติต่างๆ ได้อย่างละมุนละม่อม อย่างเช่นการกล่าวสุนทรพจน์หลังเหตุการณ์สังหารหมู่ที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของนิวซีแลนด์ ที่แสดงให้เห็นว่าเธอจะไม่ยอม ‘ให้ค่า’ กับผู้ร้ายคนไหนทั้งนั้น นอกจากประชาชนของเธอ และถึงแม้ประเทศและประชาชนของเธอจะอยู่ในช่วงเวลาอันปวดร้าวที่สุด เรากลับสังเกตเห็นความแข็งกร้าว และการ ‘ไม่ยอมจำนน’ ภายใต้ความสุขุม เหมือนน้ำเย็นยะเยือกจากอดีตผู้นำหญิงคนนี้ ยืนหยัดอยู่ท่ามกลางไฟของความขัดแย้งหรือบางทีท่ามกลางวิกฤติยุ่งเหยิงมากมายที่กำลังเกิดขึ้นอยู่บนโลก ณ เวลานี้ เราอาจไม่เพียงต้องการผู้นำที่แข็งกร้าว มุทะลุดุดัน แต่ยังอาจต้องการผู้นำที่รู้จักใช้ศิลปะแห่ง Empathy หรือความเห็นอกเห็นใจ กับท่าทีที่ ‘ซอฟต์’ กว่านั้น เพื่อนำพาโลกผ่านวิกฤติก็เป็นได้&nbsp;และบทเรียนจากอดีตผู้นำหญิงจาซินดา อาร์เดิร์นคนนี้ก็ช่วยยืนยันว่าอำนาจของ ‘Empathy’ และ ‘Kindness’ อาจเป็นอำนาจสิ่งสำคัญที่ผู้นำทุกคนควรมี&nbsp;อ้างอิง<a href="https://www.nytimes.com/2025/06/03/style/jacinda-ardern-book-new-zealand.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.nytimes.com/2025/06/03/style/jacinda-ardern-book-new-zealand.html</a><a href="https://www.theguardian.com/world/2019/mar/19/new-zealand-shooting-ardern-says-she-will-never-speak-suspects-name?fbclid=IwY2xjawKznChleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFsMFp4MlNkWjVOSUF5eVQ3AR4SoofmpbDldW6f4VDtphM1Q08BCCaFBcZfbdlrsUiWaA7wCPs48UGX-CICOA_aem_kNf67L0FXba_OcIZEUBPxg" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.theguardian.com/world/2019/mar/19/new-zealand-shooting-ardern-says-she-will-never-speak-suspects-name?fbclid=IwY2xjawKznChleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFsMFp4MlNkWjVOSUF5eVQ3AR4SoofmpbDldW6f4VDtphM1Q08BCCaFBcZfbdlrsUiWaA7wCPs48UGX-CICOA_aem_kNf67L0FXba_OcIZEUBPxg</a>เครดิตภาพ : AP Photo/ Eric Risberg, File

ชื่อคิระ คิระเหล่านี้ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าสร้างความสับสนยุ่งยากให้กับสถานบริการของรัฐไม่ว่าจะโรงเรียน โรงพยาบาล หรือใดๆ เพราะบางครั้งเจ้าหน้าที่ก็ไม่รู้ว่าชื่อเหล่านี้อ่านอย่างไร โดยเฉพาะเมื่อสะกดด้วยตัวอักษรคันจิ ซึ่งเป็นภาษาราชการของญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นห้ามพ่อแม่ตั้งชื่อลูกแบบ ‘คิระ คิระ’ เช่น ปิกาจู ไนกี้ หรือคิตตี้ เพราะสร้างความยุ่งยากในระบบราชการที่ต้องใช้อักษรคันจิ

Doechii คือผู้คว้ารางวัลศิลปินฮิปฮอปหญิงยอดเยี่ยม และหลังจากกล่าวสปีชชื่นชมผู้เข้าชิงที่ล้วนแต่เก่งกาจ เธอก็ขยับประเด็นไปสู่การประท้วงในลอสแองเจลิส 

Doechii กล่าวประฌามรัฐบาลทรัมป์บนเวที BET ที่ใช้กำลังทหารปราบปรามการประท้วงในลอสแอนเจลิส ซึ่งปะทุขึ้นหลังการจับกุมผู้อพยพ

ล่าสุดนี้ ติ๊กต่อกเพิ่งแบนผลการค้นหาของ #SkinnyTok ที่มักเชิดชูความผอมตามมาตรฐานความงาม และถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ชักนำผู้คนไปสู่ความคลั่งผอมซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Thoughts

A Different Kind of Power หนังสือบันทึกความทรงจำของ Jacinda Ardern อดีตนายกฯ หญิงนิวซีแลนด์ ที่เลือกทำงานด้วย Empathy

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS