ถ้าถามว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่มักเข้ามาเป็นตัวแปรและอุปสรรคในความรักความสัมพันธ์ของมนุษย์อย่างเราๆ มากที่สุด คงต้องขอยกให้ ‘ความต่างกันของชนชั้น’ (Class Difference) เป็นหนึ่งในอุปสรรคสุดคลาสสิกที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัย ก็ยังคงทำให้บรรดาคู่รักต้องกัดฟัน ฟันฝ่าแบบรากเลือดอยู่วันยังค่ำ

จาก Pride and Prejudice ถึง Normal People เมื่อความแตกต่างทางชนชั้น ยังคงเป็นปัญหาที่ทำให้ความรักระยะยาวเป็นไปได้ยาก แม้กระทั่งในยุคนี้

ถ้าถามว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่มักเข้ามาเป็นตัวแปรและอุปสรรคในความรักความสัมพันธ์ของมนุษย์อย่างเราๆ มากที่สุด คงต้องขอยกให้ ‘ความต่างกันของชนชั้น’ (Class Difference) เป็นหนึ่งในอุปสรรคสุดคลาสสิกที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัย ก็ยังคงทำให้บรรดาคู่รักต้องกัดฟัน ฟันฝ่าแบบรากเลือดอยู่วันยังค่ำ&nbsp;ตั้งแต่ความรักของหญิงสาวชาวบ้านกับหนุ่มสูงศักดิ์จากตระกูลผู้ลากมากดีใน Pride and Prejudice นิยายคลาสสิกแห่งศตวรรษที่ 19 ของ Jane Austen และความรักของสาวๆ บ้าน March กับโอกาสทางสังคมอันน้อยนิดเพราะความเป็นคนจนในนิยาย Little Women ของ Louisa May Alcott จนถึงความรักต่างชนชั้นในศตวรรษที่ 21 ของ Emma กับ Dexter ในนิยายและซีรีส์เรื่อง One Day และ Marianne กับ Connell ในเรื่อง Normal People ที่สะท้อนให้เห็นว่าถึงแม้ความต่างกันของชนชั้นทางสังคมแบบศตวรรษที่ 19 จะถูกเปลี่ยนบริบทไปตามยุคสมัยบ้าง แต่กลิ่นอายและรากเหง้าของปัญหาเหล่านี้กลับดูเหมือนว่ายังไม่หายไปไหน และนี่เองที่ทำให้ความต่างกันของชนชั้นทางสังคมเป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญของความสัมพันธ์ที่คนยุค 2024 ยังคงต้องเผชิญไม่ต่างจากในศตวรรษที่ 19 เลย&nbsp;งานวิจัยชิ้นหนึ่งจากวารสาร Science Daily เมื่อปี 2019 พบว่า คนส่วนใหญ่มักจะเลือกคู่จากปัจจัยอะไรก็ตามที่ ‘คล้าย’ กันกับตัวเองมากที่สุด สิ่งนี้ถึงกับมีศัพท์เทคนิคเรียกว่า ‘Assortative Mating’ หมายถึง แนวโน้มที่คนเราจะเลือกคู่ที่มีลักษณะเหมือนหรือคล้ายกันกับเรา ซึ่งคนที่อยู่ในชนชั้น Upper-class กว่า 45% สารภาพว่าพวกเขาไม่แม้แต่จะคิดเลือกคบใครที่อยู่ในระดับชนชั้นด้อยกว่าตัวเอง เหตุผลไม่ใช่ว่าเหยียดชนชั้นหรืออะไร แต่เป็นความจริงที่ว่า พวกเขามองไม่เห็นว่าความสัมพันธ์แบบระยะยาวของคนที่มาจากต่างชนชั้นกันมากๆ นั้นจะเป็นไปได้ ความจริงข้อนี้ช่วยยืนยันได้จากแอปพลิเคชันหาคู่บางแอปฯ เช่น Toffee ที่ตั้งขึ้นมาด้วยจุดประสงค์เฉพาะทางจริงๆ อย่างการให้ศิษย์เก่าโรงเรียน หรือคนวงในในสังคมใดสังคมหนึ่งที่มีไลฟ์สไตล์และสถานะทางสังคมคล้ายๆ กันได้มาเจอกัน หรือแอปฯ หาคู่แบบ Inner Circle ที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจงการหาคู่ผ่านความสนใจในอาชีพการงานมากกว่าแอปฯ หาคู่อื่นๆ ทั่วไป&nbsp;นักสังคมวิทยา ดร.มารี เบิร์กสตรอม (Marie Bergström) กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า ไม่ว่าจะโดยรู้ตัวหรือไม่ คนที่ปัดแอปฯ หาคู่ กำลังถูก ‘กรอง’ ด้วยฟิลเตอร์ต่างๆ ซึ่งแยกเราออกจากชนชั้นที่แตกต่างไปเรียบร้อยแล้วในรูปแบบของการ ‘ถอดรหัสทางสังคม’ (ดร.ใช้คำว่า ‘Decode the Cultural Keys’) ตั้งแต่รูปโปรไฟล์ของเรา ยกตัวอย่างเช่น บางคนชอบคนที่แต่งตัวดูภูมิฐาน ถ่ายรูปอยู่ในห้องทำงาน หรืออะไรทำนองนั้น ยันคำบรรยายสรรพคุณตัวเอง ความชอบ ความสนใจ กิจกรรม งานอดิเรก สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็จริง แต่ทว่าบ่งบอกเป็นนัยๆ ได้มากมายตั้งแต่อาชีพการงาน ความมั่นคงทางการเงิน จนถึงสถานะทางสังคม และอีกหนึ่งการสังเกตที่น่าสนใจเช่นเดียวกันคือ หากดูจากการเปิดเผยตัวตนของคนที่มาจากชนชั้น Upper-class บนแอปฯ หาคู่ ในหลายๆ เคส พวกเขากำลังส่งต่อ ‘รหัสทางสังคม’ ที่คนจากชนชั้นอื่นๆ อาจไม่สามารถถอดรหัสสิ่งนั้นได้เลยถ้าหากไม่มีประสบการณ์ร่วม หรือไม่เคยมีการรับรู้ถึงวิถีและไลฟ์สไตล์แบบเดียวกันในทางกลับกัน คนปัดแอปฯ หาคู่ที่มาจากคนชนชั้นที่มี Privilege น้อยกว่า มักจะสังเกตได้ตั้งแต่การบรรยายตัวเองในโปรไฟล์ตัวเองที่ให้ความรู้สึกถ่อมตัว ไม่แสดงออกถึงตัวตนและไลฟ์สไตล์มากนัก จนกระทั่งสามารถดูได้จากการใช้ภาษา การสะกดคำที่สามารถบ่งบอกระดับการศึกษาและสถานะทางสังคมได้เป็นอย่างดีอีกด้วย&nbsp;ด้านนักสังคมวิทยาผู้เคยทำการศึกษาเรื่องสุขภาวะทางเพศที่เชื่อมโยมกับเรื่องของชนชั้นทางสังคมก็ยืนยันอีกเสียงว่า เรื่องชนชั้นมีผลกับความสัมพันธ์ของมนุษย์ในทางใดทางหนึ่งอย่างแน่นอน หนึ่งในนั้นคือ ‘ความไม่เท่าเทียม’ ในความสัมพันธ์ &nbsp;“เคยมีการตั้งสมมติฐานว่าความรัก ความสัมพันธ์ และเซ็กซ์ของมนุษย์เป็นสิ่งที่ไม่ตายตัว แต่งานวิจัยกลับแสดงให้เห็นว่า คนทำงานที่อยู่ในระดับบริหาร ระดับปกครอง หรืออยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญในสายอาชีพนั้นๆ มีโอกาสที่จะมีความสุขกับชีวิตเซ็กซ์มากกว่า เนื่องด้วยปัจจัยที่เอื้ออำนวย เช่น การมีโอกาสและทางเลือกที่มากกว่า นั่นหมายความว่าอำนาจทางสังคมและปัจจัยเรื่องชนชั้นมีอิทธิพลอย่างมากในเรื่องของความรักและความสัมพันธ์ค่ะ” ดร.เจนนี่ แวน ฮูฟฟ์ (Dr. Jenny van Hooff) นักสังคมวิทยากล่าวด้วยเหตุผลข้อนี้เอง นักสังคมวิทยาจึงเห็นพ้องต้องกันว่า การจะแยกความรักความสัมพันธ์ของมนุษย์ออกจากปัจจัยทางด้านชนชั้นนั้นอาจเป็นเรื่องไร้เดียงสาไปหน่อย เพราะเอาง่ายๆ ความไม่เทียมเอย ความเหลื่อมล้ำเอย ไปจนถึงเรื่องอำนาจที่ต่างกัน ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ส่งผลกระทบและมีผลต่อแทบจะทุกเรื่องในชีวิตเราทั้งสิ้นยกตัวอย่างเช่นความสัมพันธ์ของตัวละคร Marianne และ Connell จากนิยายและซีรีส์ Normal People ที่แม่ของพระเอก Connell เป็นเพียงแม่บ้านที่ทำงานในบ้านของนางเอก Marianne ผู้ซึ่งมีสถานะทางสังคมสูงกว่าเห็นๆ ในตอนหนึ่ง Marianne พูดกับ Connell ว่า เธอเคยสงสัยว่าการที่ทั้งคู่โคจรมาพบกันและมีโอกาสทำความรู้จักกันได้ อาจเป็นเพียงเพราะว่าแม่ของ Connell ทำงานบ้านให้กับครอบครัวเธอเท่านั้นหรือเปล่า&nbsp;ซึ่งเป็นเรื่องน่าคิดตามเหมือนกันว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง (ที่ออกจะโหดร้ายนิดๆ) ว่าคนจากชนชั้นแรงงานกับคนชั้น Upper-class จะมีโอกาสได้เจอกันหรือรักกันได้จริงๆ หรือNormal People คือภาพตัวอย่างที่ยืนยันได้ว่าแม้เราจะอยู่ในยุคที่ความรักความสัมพันธ์ดูเหมือนจะไร้ขอบเขต และไร้ข้อจำกัดมากแค่ไหน แต่ความต่างกันของชนชั้นก็ยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความรักของคนสองคนได้ไม่น้อยเลยสิ่งที่ยืนยันได้อีกอย่างว่าความสัมพันธ์ต่างชนชั้นอาจก่อให้เกิดอุปสรรคในความสัมพันธ์ก็คือ การที่มันทั้ง ‘ปลูกฝัง’ และ ‘หล่อหลอม’ แนวคิดหรือทัศนคติการใช้ชีวิตของเราให้ต่างกันออกไปด้วย เช่นในหนังสือ The Power of the Past โดยนักสังคมวิทยา เจสซี สไตรบ์ (Jessi Streib) ที่ชี้ให้เห็นว่าเมื่อคู่รักต่างสถานะทางสังคมตัดสินใจมาใช้ชีวิตด้วยกัน ความยากคือพวกเขาคิดต่างกันไปเสียทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องหยุมหยิมอย่างวันหยุดพักร้อนไปเที่ยวไหนดี การใช้จ่ายภายในครอบครัว ความก้าวหน้าในอาชีพการงาน ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ อย่างวิธีการเลี้ยงดูแลลูก ซึ่งขนบประเพณีของสิ่งที่คนแต่ละชนชั้นเติบโตและพกติดตัวมาไม่เหมือนกันนี้เองที่อาจส่งผลถึงความสัมพันธ์ หากขาดการทำความเข้าใจกันมากพออย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า ความต่างกันของชนชั้นจะเป็นอุปสรรคใหญ่โตหรือเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์ของมนุษย์ทุกคนทุกคู่ไปเสียหมด แล้วก็ไม่ใช่ว่าคู่รักที่มาจากต่างสถานะทางสังคมจะไปกันไม่รอดทั้งหมดด้วย นักสังคมวิทยามองว่าอาจเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ ถ้าหากความต่างของคนสองคนจะช่วยให้คู่รัก ‘เปิดใจ’ สื่อสารทุกเรื่องที่เห็นต่างกันอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งนั่นจะช่วยให้เกิดความยืดหยุ่น ความประนีประนอม รอมชอม มองเห็นข้อดีของกันและกัน พร้อมกับเข้าใจและยอมรับความแตกต่างของแต่ละฝ่าย สิ่งเหล่านี้เองต่างหากที่สำคัญกว่าคำว่าชนชั้น และสามารถพาให้ความสัมพันธ์ไปรอดได้&nbsp;อ้างอิง&nbsp;<a href="https://www.dazeddigital.com/life-culture/article/55963/1/does-social-class-still-matter-in-romantic-relationships" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.dazeddigital.com/life-culture/article/55963/1/does-social-class-still-matter-in-romantic-relationships</a>

Safe Night Space ในเมืองเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย ที่พักพิงชั่วคราวเพื่อช่วยเหลือผู้หญิงที่หลบหนีจากความรุนแรง ซึ่งไม่สามารถกลับบ้านได้ เป็นอีกสถานที่สำคัญที่สร้างความเบาใจได้ว่า เหยื่อความรุนแรงจะไม่ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว 

Safe Night Space ที่พักพิงชั่วคราวในออสเตรเลีย ที่รองรับผู้หญิงผู้ผ่านความรุนแรง โดยเฉพาะความรุนแรงในครอบครัว เพราะไม่ใช่ทุกคนจะอยากกลับบ้าน หรือสามารถกลับบ้านได้

‘Ladies First’ วิธีคิดจากยุคอัศวินและเลดี้ผู้สูงศักดิ์
ที่ฟังดูโรแมนติก แต่ก็พลิกเป็นความ toxic ได้ไม่ยาก
เมื่อมันเริ่มจากการมองคนไม่เท่ากัน 

หนึ่งในนโยบายหาเสียงของคามาลา แฮร์ริส (Kamala Harris) คือ การคุ้มครองสิทธิในการทำแท้งอย่างถูกกฎหมาย ขณะที่ทรัมป์นั้นชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับนโยบายเช่นนี้

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Thoughts

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS