‘PANK’ หรือ ‘Professional Aunt, No Kids’ ผู้หญิงที่มีสถานะการเงินคล่องตัว ดูแลตัวเองได้ ไม่ได้มองว่าจุดสูงสุดของชีวิตคือการแต่งงานมีลูก เพียงแค่อยากเป็นคุณน้ามืออาชีพ คอยดูแลหลานๆ ที่เธอรัก

การเพิ่มขึ้นของ PANK : Professional Aunt, No Kids น้าสาวสุดคูล ดูแลตัวเองได้ สายเปย์ ชอบเลี้ยงหลาน แต่ไม่ได้อยากแต่งงานหรือมีลูก

อยู่แบบโสดๆ สวยๆ รวยๆ ไม่ได้อยากมีลูก แต่รักเด็ก เลยชอบเลี้ยงหลาน เปย์หลาน สปอยล์หลาน รับบทคุณน้า หรือคุณป้าคูลๆ ชิคๆ ที่ไม่ว่าจะหลานชาย หลานสาวก็ติดกันแจ! นี่คือทางเลือกชีวิตที่ผู้หญิงยุคใหม่หลายคนเลือกที่จะเป็น ‘PANK’ หรือ&nbsp;‘Professional Aunt, No Kids’ ผู้หญิงที่มีสถานะการเงินคล่องตัว ดูแลตัวเองได้ ไม่ได้มองว่าจุดสูงสุดของชีวิตคือการแต่งงานมีลูก เพียงแค่อยากเป็นคุณน้ามืออาชีพ คอยดูแลหลานๆ ที่เธอรัก ไม่ว่าจะลูกของเพื่อน ลูกของพี่ หรือลูกของน้อง เธอก็พร้อมจะเป็นนางฟ้าน้าทูนหัวช่วยดูแลเด็กๆ เต็มที่ และดูเหมือนแนวโน้มของผู้หญิงที่เป็น PANK จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ความต้องการที่จะมีลูกของผู้หญิงลดลงอย่างเห็นได้ชัดด้วยปัจจัยต่างๆ ในหลายๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย&nbsp;สำหรับประเทศไทย ผศ.ดร.ศศิวิมล วรุณศิริ ปวีณวัฒน์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เคยพูดไว้ในงาน ‘PIER Research Brief 1/63’ เรื่อง ‘ทำไมน้องไม่แต่งงาน? ผลกระทบของการศึกษาต่อการตัดสินใจแต่งงานและมีลูกของผู้หญิงไทย’ เธอชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันผู้หญิงไทยเป็นโสดมากขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงที่เกิดในช่วงปี พ.ศ.2523 และมีระดับการศึกษาระดับปริญญาตรี พบว่ามีสัดส่วนคนเป็นโสด 50-60% ซึ่งสัดส่วนของผู้หญิงที่จบปริญญาตรีที่เลือกครองตัวเป็นโสดเพิ่มขึ้น เป็นสถานการณ์ที่ทั่วโลกเรียกว่า Marriage Strike หรือการที่คนโสดชะลอการแต่งงาน เหตุเพราะผู้หญิงมีการศึกษาสูง มีรายได้ดี หางานทำที่ดีได้และเมื่อผู้หญิงมีทางเลือกให้กับตัวเองมากขึ้นหากเทียบกับเมื่อก่อน ที่ผู้หญิงมีบทบาททางเศรษฐกิจน้อยกว่าผู้ชาย มีโอกาสที่จะก้าวหน้าน้อยกว่าผู้ชาย และถูกเชพให้ต้องอยู่บ้าน เป็นแม่บ้าน คอยรับเงินจากสามีอย่างเดียว ซึ่งบางคนก็อาจไม่ได้เต็มใจ แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไป ผู้หญิงมีสิทธิ์เลือกทางเดินชีวิตมากขึ้น ทำให้เกิดปรากฏการณ์ Gold Miss หรือการที่ผู้หญิงมีการศึกษาสูง มีสถานะทางเศรษฐกิจสูง เลือกที่จะไม่แต่งงาน โดย ผศ.ดร.ศศิวิมล กล่าวว่า “ในแถบเอเชียยังมีค่านิยมว่าผู้หญิงต้องทำงานบ้านด้วย กลุ่ม Gold Miss จึงเลือกที่จะไม่แต่งงาน และให้ความสำคัญในเรื่องหน้าที่การงานมากกว่า และจะพบว่ากลุ่ม Gold Miss ในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น”&nbsp;ซึ่งใช่ว่าไม่อยากมีลูก และไม่อยากเป็นแม่ จะหมายถึงว่าไม่ได้เอ็นดูเด็ก เพียงแต่พวกเธอไม่อยากเข้าสู่กรอบความเป็นแม่ที่สังคมคาดหวัง แต่ถามว่ายังอยากเลี้ยงเด็กไหม อยาก! นี่จึงทำให้ผู้หญิงหลายคนเข้าสู่วงการ PANK ที่การเลี้ยงหลานกลายเป็นงานอดิเรก แถมเธอยังได้เป็นตัวเอง โดยที่ไม่ต้องถูกใครคาดหวังเท่าการเป็นแม่อีกด้วยPANK เป็นคำที่บัญญัติขึ้นครั้งแรกในปี 2008 โดย เมลานี น็อตกิน (Melanie Notkin) ผู้ก่อตั้ง SavvyAuntie.com คอมมูนิตี้สำหรับคุณป้า หรือคุณน้า และผู้หญิงที่รักเด็กทุกคน ที่แพลตฟอร์มนี้เป็นพื้นที่ส่วนกลางในการแลกเปลี่ยนความคิด มีคำแนะนำสำหรับการเป็นเหล่าน้าสาว ป้าสาว หาของขวัญหรือของเล่นให้หลาน รวมถึงได้ทำให้พูดคุย ทำความรู้จักกับคุณน้าสปอยล์หลานคนอื่นๆ อีกด้วย&nbsp;PANK ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงอายุน้อย ซึ่งเป็นสาวทันสมัยที่ทำงานเต็มเวลา มีแนวโน้มเป็นโสด นั่นทำให้พวกเธอมีรายได้ไปจับจ่ายใช้สอยที่ขึ้นอยู่กับตัวเองสุดๆ โดยอายุเฉลี่ยของผู้หญิงที่เป็น PANK จะอยู่ที่ 36 ปี และคร่าวๆ แล้ว PANK จำนวน 18.4 ล้านคนในสหรัฐอเมริกาจะมีอายุช่วง 20-50 ปี ซึ่งหากมองไปที่เรื่องการตลาดแล้ว คนทำแบรนด์หลายคนก็น่าจับเทรนด์พฤติกรรม PANK อยู่เหมือนกัน เพราะหลังจากนี้ไม่ใช่ว่าจะมีแต่แม่ หรือพ่อที่ซื้อของให้ลูกเพียงเท่านั้น แต่คุณน้าหลายคนก็จะเตรียมซื้อของให้หลานกันชุดใหญ่เช่นกัน โดยเมลานีมองว่า PANK เป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายที่มีอิทธิพลในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค (CPG) บ้าน และบริการต่างๆ ที่แต่เดิม ทำการตลาดให้เหล่าแม่ๆ จับจ่ายใช้สอยเป็นหลักมากขึ้นด้าน แพตตี้ โซทิริน (Patty Sotirin) ศาสตราจารย์ด้านการสื่อสารที่ Michigan Tech เธอเป็นหนึ่งคนที่สำรวจทางเลือกของผู้หญิงในการเป็น PANK และเขียนหนังสือเรื่อง ‘Where the Aunts Are: Family, Feminism, and Kinship in Popular Culture’ ขึ้นมาตั้งแต่ปี 2013 โดยเธอให้สัมภาษณ์กับ Insider ว่า “ผู้คนเหล่านี้รู้สึกว่านี่จะเป็นที่ทางเดียวในการมีครอบครัว นั่นก็คือการรับบทเป็นคุณน้า พวกเธอเห็นคุณค่าของบทบาทการเป็นน้า และมองเห็นความเป็นไปได้ที่จะเป็นน้า”เสน่ห์ของ PANK ในมุมของโซทิริน คือ ความรู้สึกของผู้หญิงในการที่จะสร้างสรรค์ตัวตนของตัวเองขึ้นมาได้อย่างอิสระ “คุณอาจจะเป็นน้าผู้น่ารักที่มาพร้อมของขวัญอยู่ตลอดเวลา หรือเป็นน้าที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นแม่ หรืออาจจะเป็นน้าสาวโสดคูลๆ ที่ทำงานหาเงินแทนการมีลูก หรืออาจจะเป็นน้าที่พาหลานๆ ไปดินเนอร์”&nbsp;นั่นทำให้ความเป็น PANK เป็นทางเลือกที่สะท้อนให้เห็นว่าผู้หญิงสามารถเลือกจะทำอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นแม่ แต่ก็รักที่จะดูแลเด็กๆ หรือหลานๆ ได้เหมือนกัน เพราะพวกเธอแค่ไม่ได้อยากอุทิศชีวิตเพื่อเข้าสู่บทบาทความเป็นแม่เต็มตัวตามกรอบสังคม แต่อยากจะเป็นแม่ทูนหัวที่คอยช่วยเลี้ยงหลานอีกแรง โดยที่ยังได้เป็นตัวเองอยู่ ไม่ต้องสูญเสียความฝัน ไม่ต้องลาออกจากงาน ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเอง…ซึ่งสิ่งนี้อีกนัยหนึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่า ผู้หญิงหลายคนก็ยังมีความกังวลเรื่องการถูกคาดหวังให้เป็นแม่ที่สมบูรณ์อยู่เยอะประมาณหนึ่ง และนั่นเป็นปัญหาที่เราคงต้องพูดกันต่อไปว่าคนเป็นแม่ไม่ควรถูกกดดันให้เป็นแม่ที่เพอร์เฟกต์อยู่ตลอดเวลา และการเป็นแม่ควรเป็นสิ่งที่เลือกได้ และไม่เลือกก็ได้ ที่สำคัญ ถ้าแม่ยังมีความฝันของตัวเอง แม่ก็ควรจะได้ทำความฝันนั้นต่อไปโดยไม่ควรสูญเสียตัวตนจากการมีลูกอ้างอิง:<a href="http://savvyauntie.com/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">http://savvyauntie.com/</a><a href="https://www.businessinsider.com/cool-aunt-aspirational-identity-childfree-women-instagram-tiktok-2022-4" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.businessinsider.com/cool-aunt-aspirational-identity-childfree-women-instagram-tiktok-2022-4</a>&nbsp;<a href="https://www.isranews.org/content-page/item/85953-bot_85953.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.isranews.org/content-page/item/85953-bot_85953.html</a>

นับเป็นกรณีสะเทือนขวัญในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อผู้หญิงข้ามเพศที่ให้บริการทางเพศในพัทยา ถูกชายชาวจีนฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมในอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่ง

ความตายของผู้หญิงข้ามเพศที่พัทยา: ความเสี่ยงที่ Sex Worker และคนข้ามเพศต้องเผชิญเพียงลำพัง

นี่คือคอมเมนต์ (บางส่วน) จากบรรดาชาวโซเชียลฯ ที่วิพากษ์อย่างเผ็ดร้อนหลังจากการกลับมาของซีรีส์แนวหลังโลกล่มสลาย The Last of Us ในซีซั่นล่าสุดที่เริ่มต้นด้วยเรื่องราวของตัวละครหลัก กลับถูกมองว่า ภายใต้เรื่องราวความรักโรแมนติกหลังโลกล่มสลาย และการโอบรับความหลากหลายท่ามกลางความขัดแย้งเหล่านั้น อาจเป็นแค่ส่วนหนึ่งในการ ‘โรแมนติไซส์’ ความจริงอันโหดร้ายที่ถูกปัดไว้ใต้พรม

Pride in Genocide? เมื่อซีรีส์ The Last of Us ถูกวิจารณ์ว่าเป็น ‘Rainbow Washing’ การใช้ความโรแมนติกของความหลากหลาย มากลบทับความเกลียดชังปาเลสสไตน์ของผู้สร้าง

นับเป็นเรื่องน่าเศร้าใจอย่างยิ่ง เมื่อหญิงสาววัยเพียง 20 ปี จำต้องจบชีวิตตัวเองลงด้วยการจุดไฟเผาตัวเอง เพื่อหนีจากการถูกบังคับให้แต่งงานกับน้องชายของสมาชิกกลุ่มตาลีบันที่ยึดครองอำนาจในประเทศอัฟกานิสถานนับตั้งแต่ปี 2021

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Thoughts

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS