Internalized Misogyny หรือการเกลียดชังผู้หญิงในผู้หญิงด้วยกันเอง เกิดขึ้นในหลากหลายแง่มุมด้วยกัน หลายครั้งไม่ใช่การแสดงความเกลียดชังแบบโต้งๆ แต่มาในรูปแบบของการเหยียด หรือการแสดงทัศนคติต่อพฤติกรรมบางอย่างของผู้หญิงด้วยกัน

พักก่อนมั้ย? กับ Internalized Misogyny เพราะเราไม่จำเป็นต้องลดทอนคุณค่าผู้หญิงคนอื่นที่มีจริต หรือวิธีใช้ชีวิตต่างจากเราเอง

อีกหนึ่งประเด็นร้อนในช่วงสิ้นปี 2023 ที่ผ่านมา คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากดราม่าของ เบียร์ เดอะวอยซ์ ที่หากย้อนไปตั้งแต่ต้น ตอนที่เรื่องราวยังไม่กระจ่างชัด ยังไม่มีการยืนยันข้อเท็จจริงใดๆ ชาวเน็ตจำนวนมากก็ได้ถล่มด่าเบียร์อย่างรุนแรงไปแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ในนั้นเป็นผู้หญิงที่บางคนก็ระบุว่าไม่ชอบเบียร์เป็นทุนเดิม และไม่ว่ากรณีของเบียร์จะถูกมองว่าผิดจริงหรือไม่ อย่างไร ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถตัดสินผู้หญิงทุกคนที่เราไม่ชื่นชอบพฤติกรรมตั้งแต่ต้นได้ ทำให้ในระหว่างทางของดราม่า หลายคนได้พูดถึง Internalized Misogyny หรือความเกลียดชังผู้หญิงในบรรดาผู้หญิงด้วยกันเอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ประโยค “เกิดเป็นหญิง แท้จริงแสนลำบาก” ยังคงเป็นจริงมาจนถึงยุคนี้Internalized Misogyny เกิดขึ้นในหลากหลายแง่มุมด้วยกัน หลายครั้งไม่ใช่การแสดงความเกลียดชังแบบโต้งๆ แต่มาในรูปแบบของการเหยียด หรือการแสดงทัศนคติต่อพฤติกรรมบางอย่างของผู้หญิงด้วยกัน ซึ่งเรามักจะได้เห็นผ่านประโยคคุ้นหูหรือสถานการณ์คุ้นตาต่างๆ เช่น&nbsp;“ผู้หญิงด้วยกันเขาดูออก”&nbsp;“รำคาญยัยนั่นว่ะ ชะนีเกิน”&nbsp;“ชั้นแมนๆ อยู่แล้ว ไม่ชอบนิสัยผู้หญิง”&nbsp;“ผู้หญิงคนนี้ไร้สาระ วันๆ สนใจแต่เรื่องความสวยความงาม”“อะไรนิดอะไรหน่อยก็ร้องไห้ อ่อนแอไปปะ?”“ยัยนี่เป็นฮิสทีเรียหรือเปล่า ดูขาดผู้ชายไม่ได้”ฯลฯ&nbsp;จะเห็นได้ว่าความเกลียดชังในบรรดาผู้หญิงด้วยกันเองนี้ครอบคลุมตั้งแต่การเกลียดชังผู้หญิงที่เป็นไปตามภาพจำของความเป็นหญิง หรือมีความผู้ญิ้ง-ผู้หญิง เช่นผู้หญิงที่ดูเรียบร้อยอ่อนหวานซึ่งบางครั้งก็พานถูกมองว่าแอ๊บแบ๊ว หรือผู้หญิงที่ชอบสีชมพู ชอบผูกโบ ใส่กระโปรงบาน จนถึงผู้หญิงที่ใส่ใจเรื่องความสวยความงามเป็นพิเศษ ไม่เพียงเท่านั้น ยังอาจรวมไปถึงการเกลียดชังผู้หญิงที่ไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวังของสังคม เช่น เปิดเผยเรื่องเซ็กซ์ เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ชอบแต่งตัวเซ็กซี่ โดยในแง่นี้เองมีความคาบเกี่ยวกับ slut-shaming และ victim blaming ด้วย ซึ่งหากจะว่ากันแล้ว ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนแต่เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนทั้งสิ้น หากแต่พวกเธอหลายคนกลับถูกตัดสิน ถูกมองในแง่ลบ หรือกระทั่งถูกกีดกันจากผู้หญิงด้วยกันเอง เพียงเพราะมีจริต หรือวิธีใช้ชีวิตต่างที่ต่างออกไป หรือไม่ก็ไปกระทบกับคุณค่าความเป็นหญิงที่ผู้หญิงบางคนยึดถือและหากจะต้องว่าไปถึงต้นทางของ Internalized Misogyny ก็หนีไม่พ้นวิธีคิดแบบชายเป็นใหญ่ ที่ด้านหนึ่งก็กดทับให้ผู้หญิงต้องเป็นไปตามที่สังคมคาดหวัง ขณะเดียวกันในอีกด้านก็ผลักให้ผู้หญิงบางส่วนไม่อยากถูกมองว่าเป็นเพศที่ด้อยกว่า จึงพยายามดันตัวเองให้โดดเด่นหรือแตกต่างไปจากคาแรกเตอร์ผู้หญิงแบบที่เห็นได้ทั่วไป จนเกิดเป็นปรากฏการณ์ I’m not like other girls หรือที่หลายคนเรียกว่าพฤติกรรมแบบ pick me girl ที่ลดคุณค่าผู้หญิงคนอื่นและพยายามบอกว่าตัวเองนั้นแตกต่างเพื่อจะเป็นคนที่ถูกเลือกนั่นเองอันที่จริง ความคิดทำนองนี้มักจะเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจและโดยไม่รู้ตัว แต่เป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในเนื้อตัวผู้หญิงหลายคนมาอย่างยาวนาน และผลกระทบของมันก็ทำให้หลายๆ ครั้งที่ผู้หญิงควรรวมพลังกันเพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมหรือสร้างความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง การขับเคลื่อนเหล่านั้นกลับไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนหรือไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำแท้งปลอดภัย ที่ผู้หญิงบางคนยังโทษผู้ตั้งครรภ์ว่าร่าน ทำบาป หรือไม่รับผิดชอบ หรือเรื่องการยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง ที่ยังมีผู้หญิงบางคนมองว่าฝ่ายที่ถูกกระทำนั้นมีพฤติกรรมที่สมควรโดน หรือกระทั่งเรื่องไซเบอร์บูลลี่ ที่ผู้หญิงกลายเป็นผู้กระทำใส่ผู้หญิงด้วยกันเพียงเพราะไม่ถูกใจพฤติกรรม และอย่างกรณีที่เรายกมาตอนต้น ที่ผู้หญิงหลายคนพร้อมจะฟันธงว่าผู้หญิงอย่างเบียร์เป็นฝ่ายผิดตั้งแต่ตอนที่ความจริงยังไม่ปรากฏ 100% รวมถึงเวลามีดราม่าเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ผู้หญิงด้วยกันก็มักจะเป็นฝ่ายถูกถล่มส่วนฝ่ายชายก็ลอยตัวอยู่บ่อยๆ&nbsp;อย่างไรก็ตาม Internalized Misogyny ไม่ใช่ความผิดของใครคนใดคนหนึ่ง มันคือสิ่งที่สังคมหล่อหลอมให้เกิดขึ้นจากเจเนอเรชันสู่อีกเจเนอเรชัน ซึ่งหากจะต้องเปลี่ยนให้หมดไปในทีเดียวคงเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยหากเราตระหนักรู้ก่อนว่าสิ่งนี้มีอยู่จริง ส่งผลกระทบกับคนในสังคม และเราเองก็อาจมีส่วนหนึ่งในใจที่เผลอไผลไหลตาม Internalized Misogyny ได้ในบางกรณี การเริ่มตระหนักรู้เหล่านี้อาจช่วยให้เราไม่ได้แสดงทัศนคติเหล่านี้ออกไปจนกระทบคนอื่น ลดการมองเห็นจนชินตา หรือกระทั่งเรียนรู้ที่ปรับมุมมองของตัวเองในที่สุด เพราะลำพังแนวคิดกดทับผู้หญิงจากสังคมชายเป็นใหญ่ก็น่าเหนื่อยใจพออยู่แล้ว ผู้หญิงและรวมถึงเพศหลากหลายจึงไม่จำเป็นต้องเกลียดชังกันเองโดยใช่เหตุเลยจริงๆ&nbsp;อ้างอิง<a href="https://www.glamourmagazine.co.uk/article/internalised-misogyny" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.glamourmagazine.co.uk/article/internalised-misogyny</a>&nbsp;<a href="https://standard.asl.org/20284/features/internalized-misogyny-limits-female-self-expression-success/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://standard.asl.org/20284/features/internalized-misogyny-limits-female-self-expression-success/</a> &nbsp;

โป๊ป ฟรานซิส เพิ่งเสียชีวิตลงด้วยวัย 88 ปี ณ กรุงวาติกัน และโอกาสนี้เราจึงขอชวนดู 5 วิสัยทัศน์สำคัญๆ ของพระองค์ในประเด็นความเท่าเทียม พร้อมๆ กับที่แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียของเหล่าคริสตชนและชุมชนโลก

5 วิสัยทัศน์เรื่องความเท่าเทียมของ Pope Francis กับความตั้งใจในการพาให้ศาสนจักรก้าวไปข้างหน้าในโลกยุคใหม่

Manosphere มาจาก Man และ Sphere มีความหมายตรงตัวว่ามันคือพื้นที่สำหรับผู้ชายในการแชร์มุมมอง ทัศนคติ และความเชื่อในแบบของพวกเขาและแม้จะเกลียดคำว่า woke แต่เหล่าสมาชิก Manosphere ก็ใช้คอนเซปต์เรื่องการ ‘ตื่นรู้’ มาเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่ม

Manosphere : อาณาจักรออนไลน์ของผู้ชายที่เกลียดชังผู้หญิง และเชื่อว่าตัวเอง 
‘ตื่นรู้’ ถึงความเป็นจริงกว่าชาวโลก

ใน vlog ที่ปารีสของ Rachel Zegler เมื่อปี 2023 มีบางคนฟังทั้งหมดที่เธอพูดจาก vlog นี้ และได้รับเอาความรู้สึกที่เป็นมนุษย์มากๆ ของเธอเข้าไว้ในใจ โดยไม่ได้รู้สึกเกลียดชังทั้งยังได้รับพลังกลับมา

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Thoughts

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS