ภาพของ อาโป หวัง-อ็อด (Apo Whang-Od) หญิงวัย 106 ปี ผมขาว ปากแดง สักลายพื้นเมืองเต็มแขน บนปก Vogue Philippines เป็นที่พูดถึงอย่างล้นหลาม เธอคนนี้เป็นอาชีพช่างสักท้องถิ่น หรือที่เรียกว่า มัมบาบาต็อก (Mambabatok)

Apo Whang-Od ช่างสักมัมบาบาต็อกหญิงคนแรกของฟิลิปปินส์วัย 106 ปี บนปก Vogue Philippines

ภาพของ อาโป หวัง-อ็อด (Apo Whang-Od) หรือ มาเรีย อ็อกเกย์ (Maria Oggay) หญิงวัย 106 ปี ผมขาว ปากแดง สักลายพื้นเมืองเต็มแขน บนปก Vogue Philippines เป็นที่พูดถึงอย่างล้นหลามบนโซเชียลมีเดีย เธอคนนี้เป็นไอคอนิกประจำหมู่บ้านบุสคาลัน จังหวัดคาลิงกา ประเทศฟิลิปปินส์ ด้วยอาชีพ<a href="https://www.mirrorthailand.com/tags/%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%81" rel="noopener noreferrer" target="_blank">ช่างสัก</a>ท้องถิ่น หรือที่เรียกว่า มัมบาบาต็อก (Mambabatok) ซึ่งเธอมีอายุมากที่สุดในตอนนี้ และยังเป็นผู้หญิงคนแรกที่เป็นช่างสักมัมบาบาต็อกจากที่ผู้ชายเป็นมาตลอด<img src="https://media.thairath.co.th/image/roEBhXeninIDTAAnkmGMTCrMqpm5a3Mo6KtTpXWDp1V23Ae9vA1.jpg" data-id="100938" data-url="https://media.thairath.co.th/image/roEBhXeninIDTAAnkmGMTCrMqpm5a3Mo6KtTpXWDp1V23Ae9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">อาโป หวัง-อ็อด ส่งต่อวัฒนธรรม<a href="https://www.mirrorthailand.com/tags/Tattoo" rel="noopener noreferrer" target="_blank">การสัก</a>ด้วยมือแบบโบราณรูปทรงเรขาคณิตนี้ให้แก่หญิงสาวหลายเจเนอเรชัน เพื่อให้ศิลปะดั้งเดิมประจำหมู่บ้านบนภูเขาสูงยังคงโลดแล่นแม้กาลเวลาจะผ่านไป หากย้อนไปก่อนหน้า วัฒนธรรมการสักของชนเผ่าบุตบุต หรือชนเผ่าคาลิงกา จะมีเพียงสมาชิกชายเท่านั้นที่ฝึกฝนเทคนี้ทรงเสน่ห์ แต่เมื่ออาโป หวัง-อ็อด อายุครบ 15 ปี เธอได้ฝึกฝนฝีมือโดยมีคุณพ่อช่วยสอน จนกลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่เป็นช่างสักได้ตอนอายุ 16 ปี โดย<a href="https://www.mirrorthailand.com/tags/%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%81" rel="noopener noreferrer" target="_blank">รอยสัก</a>ที่ชนเผ่าคาลิงกาประทับบนผิวหนังจะเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความแข็งแกร่ง กล้าหาญ และงดงาม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อันศักดิ์สิทธิ์ประจำชนเผ่าที่ถ่ายทอดกันมารุ่นสู่รุ่น ในอดีต การสักตาตัก (Tatak) ในคาลิงกานี้ สำหรับผู้ชายอาจหมายถึงสัญลักษณ์ของการเป็นนักรบล่าหัว ส่วนผู้หญิงสักเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการเจริญพันธุ์ และความสวยงาม ซึ่งตอนนั้น ผู้หญิงที่ไม่มีรอยสักจะถูกมองว่าไม่เพอร์เฟกต์ และไม่เป็นที่พึงปรารถนา ซึ่งอาจจะเป็นแนวคิดที่สวนทางกับโลกแห่ง<a href="https://www.mirrorthailand.com/tags/Gender%20Equality" rel="noopener noreferrer" target="_blank">ความเท่าเทียมทางเพศ</a>ในปัจจุบัน แต่แม้ความหมายจะเป็นแบบนั้น การมีรอยสักของผู้หญิงในหมู่บ้าน ก็ถือว่าเป็นเรื่องนอกขนบจากภาพลักษณ์หญิงสาวในสังคมสมัยนั้นอยู่ดี เพราะช่วงหนึ่งที่มิชชันนารีอเมริกันคาทอลิกมาสร้างโรงเรียนในคาลิงกา รอยสักที่เป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิงในหมู่บ้าน ถูกมองเป็นเรื่องน่าละอาย เด็กผู้หญิงต้องสวมเสื้อแขนยาวมาปกปิดเอาไว้ ความหมายของรอยสักค่อยๆ เปลี่ยนไปตามยุคสมัย และการยอมรับผู้หญิงมีรอยสักก็ค่อยๆ มีมากขึ้นในบริบทสังคมวงกว้าง เกรซ พาลิคัส (Grace Palicas) หลานสาวผู้รับช่วงต่อจากอาโป หวัง-อ็อด กล่าวกับ Vogue Philippines ว่าวัฒนธรรมการสักในคาลิงกาก็เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย พิธีกรรมตามประเพณีที่เคยมาพร้อมกับการสัก เช่น การสวดมนต์อุลลาลิมหรือการบูชายัญไก่ ทุกวันนี้ก็ถูกละทิ้งจากการสักโดยสิ้นเชิง และสำหรับผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา รอยสักค่อนข้างจะแยกขาดจากบริบทของบรรพบุรุษ และมอบสัญลักษณ์นั้นให้มีความหมายเป็นรายบุคคลมากกว่าชุมชน ปัจจุบันรอยสักแบบดั้งเดิมนี้จึงอาจตีความเป็นเรื่องของการปลดปล่อยสุนทรียภาพ การยืนยันร่างกายของตัวเองมากกว่า และสำหรับชาวฟิลิปปินส์ ก็ถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งการเชื่อมต่อกับรากเหง้าและตัวตนอีกครั้ง “เมื่อผู้มาเยือนมาจากที่ไกล ฉันจะให้ตาตักบุสคาลัน ตาตักคาลิงกา ตราบเท่าที่ดวงตาคู่นี้ของฉันยังมองเห็น” อาโป หวัง-อ็อด กล่าวกับ Vogue Philippines ในปี 2023 ซึ่งไม่ต่างจากที่เธอเคยกล่าวกับ CNN ในปี 2017 ว่า “ตราบใดที่ฉันยังมองเห็นดีอยู่ ฉันจะสักต่อไป ฉันจะหยุดเมื่อตาพร่ามัว” และ “ประเพณีจะดำเนินต่อไปตราบเท่าที่ยังมีคนมาสัก” อ้างอิง: <a href="https://edition.cnn.com/style/article/vogue-philippines-april-cover-intl-scli/index.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://edition.cnn.com/style/article/vogue-philippines-april-cover-intl-scli/index.html</a> <a href="https://vogue.ph/magazine/apo-whang-od/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://vogue.ph/magazine/apo-whang-od/</a>

“ทำไมกินข้าวคนเดียวอะ” หรือ “กินข้าวคนเดียว ไม่เหงาเหรอ?” ดูจะกลายเป็นประโยคที่ไม่ควรต้องเอามาถามกันแล้ว เพราะการเป็น Solo Diner หรือคนที่กินข้าวคนเดียว กลายเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ที่ไม่จำเป็นต้องหาคำตอบว่าทำไมอีกต่อไป และหลายคนก็เริ่มหันมากินข้าวคนเดียวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก

จะโสด-ไม่โสด หรือจะมีเพื่อนกี่คน
คุณก็เป็น Solo Diner ได้
เรื่องของการ ‘กินข้าวคนเดียว’ ที่กลายเป็นเทรนด์จนร้านอาหารทั่วโลกยังต้องปรับตัว

ในช่วงเวลาที่การเดินสายหาเสียงเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ คนต่อไปกำลังใกล้เข้ามา อดีตประธานาธิบดีอย่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ก็เรียกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ได้อีกรอบ เมื่อเขาเรียกตัวเองว่าเป็น ‘Protector’ หรือผู้ปกป้องผู้หญิงระหว่างการหาเสียงที่รัฐเพนซิเวเนีย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

Donald Trump กล่าวในการปราศรัยว่าเขาขอเป็น ‘ผู้ปกป้อง’ ผู้หญิง หากได้รับเลือกเป็นผู้นำคนต่อไป

วันที่ 22 มกราคม 2568 จะเป็นวันแรกในหน้าประวัติศาสตร์ไทยที่ความรักของคู่รัก ‘ทุกเพศ’ จะเท่าเทียมกัน เพราะคนเพศหลากหลายจะ มี ‘สิทธิ’ ครองรักกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย 'สมรสเท่าเทียม'

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

PR-NEWS

Thoughts

Apo Whang-Od ช่างสักมัมบาบาต็อกหญิงคนแรกของฟิลิปปินส์วัย 106 ปี บนปก Vogue Philippines

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS