เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซานาเอะ ทาคาอิจิ (Sanae Takaichi) วัย 64 ปี ได้รับชัยชนะในการเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคนใหม่ของพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ แอลดีพี (Liberal Democratic Party - LDP) ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลของญี่ปุ่น และเธอคนนี้นี่เองที่กลายมาเป็นตัวเต็งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนต่อไปของญี่ปุ่นด้วย 

ซานาเอะ ทาคาอิจิ ว่าที่ผู้นำหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ภายใต้ข้อสังเกตถึงแนวคิดอนุรักษ์นิยม ท่ามกลางสังคมปิตาธิปไตย 

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซานาเอะ ทาคาอิจิ (Sanae Takaichi) วัย 64 ปี ได้รับชัยชนะในการเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคนใหม่ของพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ แอลดีพี (Liberal Democratic Party - LDP) ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลของญี่ปุ่น และเธอคนนี้นี่เองที่กลายมาเป็นตัวเต็งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนต่อไปของญี่ปุ่นด้วย&nbsp;ทาคาอิจิได้รับการโหวตชนะคู่แข่งด้วยคะแนนกว่า 185 เสียง และทำให้เธอก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่แทนที่อดีตนายกฯ ชิเงรุ อิชิบะ ผู้ลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา “ฉันมุ่งมั่นที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ มากกว่าความรู้สึกดีใจค่ะ” ซานาเอะ ทาคาอิจิ กล่าวในสุทรพจน์หลังจากได้รับชัยชนะ&nbsp;ทาคาอิจิจบการศึกษาด้านการบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยโกเบ เคยทำงานในฐานะ Congressional fellow ให้กับสภาคองเกรสของสหรัฐฯ และเคยดำรงตำแหน่งอดีตรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงทางเศรษฐกิจและกระทรวงมหาดไทยของญี่ปุ่น ก่อนจะเข้าร่วมกับพรรค LDP ในปี 1996&nbsp;ท่ามกลางวิกฤติมากมายที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญอยู่ ณ เวลานี้ ทั้งภาวะเงินเฟ้อ ปัญหาค่าครองชีพ และมีหนี้สาธารณะสูงที่สุดประเทศหนึ่งในโลก บวกกับกระแสชาตินิยมหัวรุนแรงที่มีแนวโน้มปะทุรุนแรงมากขึ้น พรรค LPD ซึ่งเป็นพรรคที่ปกครองญี่ปุ่นมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1995 ต้องเจอกับวิกฤติความเชื่อมั่นของประชาชนตลอดมา พร้อมกับกระเเสข่าวอื้อฉาวอย่างการคอรัปชั่นครั้งใหญ่ ทำให้พรรค LPD ได้รับคะแนนนิยมต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และญี่ปุ่นต้องเจอกับเปลี่ยนตัวนายกฯ มาแล้วมากกว่า 10 คน ตลอดช่วงสองทศวรรษนักวิชาการด้านการเมืองมองว่าการที่ทาคาอิจิ เป็นนักการเมืองหญิงผู้ผลักดันนโยบายทางเศรษฐกิจในทิศทางที่ค่อนข้างแข็งกร้าว เช่น การเดินหน้าหาทางเจรจาต่อรองเรื่อง ‘ภาษีทรัมป์’ กับรัฐบาลสหรัฐฯ อีกครั้ง พร้อมกับนโยบาลทางเศรษฐกิจที่ดำเนินรอยตามอดีตนายกฯ ชินโซ อาเบะ และนโยบายที่ต้องการรื้อฟื้นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขึ้นมาใหม่ อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจกลับมาในหมู่ประชาชนได้ก็จริง แต่ในเวลาเดียวกัน ชัยชนะครั้งนี้ของทาคาอิจิก็เขย่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนไม่น้อย จากแนวคิดชาตินิยมของเธอที่อาจสร้างแรงเสียดทานต่อประเทศเพื่อนบ้านอย่างเกาหลีใต้และมหาอำนาจอย่างจีน&nbsp;ทาคาอิจิยังกล่าวว่าเธอได้รับแรงบันดาลใจจากมากาเร็ต แธตเชอร์ (Margaret Thatcher) อดีตนายกฯ หญิงของอังกฤษ ในการเป็นต้นแบบผู้นำหญิงที่มีคาแรกเตอร์แข็งแกร่งอย่างฉายา ‘The Iron Lady’ แต่ขณะเดียวกันก็มีความนุ่มนวลแบบผู้หญิง ตรงนี้เองที่นักวิชาการมองว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทาคาอิจิชื่นชมในตัวเเธตเชอร์ อาจเป็นเพราะแนวคิดอนุรักษ์นิยมที่ทั้งคู่มีคล้ายๆ กัน ทาคาอิจิมักจะเดินทางไปสักการะศาลเจ้ายาสุกุนิ สถานที่ฝังร่างผู้เสียชีวิตและอาชญากรสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หรืออย่างการที่เธอเสนอให้มี ‘พันธมิตรด้านความมั่นคงแบบกึ่งทางการ’ (Quasi-security alliance) กับไต้หวัน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณที่ทาคาอิจิแสดงให้เห็นว่าเธอมีแนวคิด ‘โปรทหาร’ (Militarism) อยู่ไม่น้อย&nbsp;และแนวคิด ‘Japanese First‘ ของทาคาอิจิเหล่านี้อาจได้ใจกลุ่มฝ่ายขวาในญี่ปุ่นอย่างแน่นอน แต่ก็อาจสร้างความตึงเครียดทางการทูตให้กับหลายประเทศที่เกี่ยวข้องได้อีหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือ แม้ว่าทาคาอิจิจะเป็นหนึ่งในนักการเมืองหญิงเพียงไม่กี่คนในประวัติศาสตร์ที่มีบทบาทในการต่อสู้กับบรรดานักการเมืองชายผู้มีอำนาจในการปกครองประเทศมาอย่างยาวนาน แต่แนวนโยบายของเธออาจดูเหมือนว่ายังไม่สอดคล้องกับการผลักดันเรื่องสิทธิสตรีและความหลากหลายของโลกปัจจุบันเท่าที่ควร ตั้งแต่แนวคิดที่เธอต่อต้านการให้สิทธิ์ผู้หญิงขึ้นเป็นจักรพรรดิ์ของประเทศ ไม่สนับสนุนการแต่งงานของ LGBTQ+ อีกทั้งยังต่อต้านการเปลี่ยนกฎหมายที่มีมาอย่างยางนานนับศตวรรษของญี่ปุ่นที่คู่แต่งงานจำต้องใช้นามสกุลเดียวกันเท่านั้น เพราะเธอมองว่าการที่คู่แต่งงานไม่ใช้นามสกุลเดียวกัน จะยิ่งเป็นการเพิ่มจำนวนหย่าร้างและความสัมพันธ์นอกสมรสมากขึ้นด้วย&nbsp;นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการตั้งข้อสังเกตต่อตัวว่าที่ผู้นำหญิงคนนี้เท่านั้น และอาจทำให้เราต้องจับตามองต่อไปหลังจากนี้ว่า แนวคิดอนุรักษ์นิยมของผู้ที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำหญิงของญี่ปุ่นอย่างทาคาอิจิ จะแก้วิกฤติของประเทศได้อย่าไงรบ้าง และขณะเดียวกันมันจะกลายเป็นอุปสรรรคต่อการสนับสนุนความเท่าเทียมและความหลากหลายในโลกปัจจุบันได้หรือไม่ โดยเฉพาะในสังคมญี่ปุ่นที่ยังคงเป็นประเทศที่แนวคิดสังคมปิตาธิปไตยฝังรากลึกอย่างเข้มข้น&nbsp;อ้างอิง<a href="https://theprint.in/world/inspired-by-thatcher-japans-pm-in-waiting-takaichi-smashes-glass-ceiling-2/2757843/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://theprint.in/world/inspired-by-thatcher-japans-pm-in-waiting-takaichi-smashes-glass-ceiling-2/2757843/</a><a href="https://www.nytimes.com/2025/10/04/world/asia/japan-female-leader.html" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.nytimes.com/2025/10/04/world/asia/japan-female-leader.html</a>

KATSEYE วงเกิร์ลกรุ๊ปหลากสัญชาติจากเกาหลีใต้ ที่เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเข้าชิงรางวัล Grammy 2026 ถึง 2 สาขา ได้เปิดเผยเรื่องที่พวกเธอต้องพบเจอกับทาง BBC News ถึงกระแสเกลียดชังที่พวกเธอได้พบเจอ รวมถึงผลกระทบจากคอมเมนต์ของผู้คนที่ส่งผลกับจิตใจพวกเธอโดยตรง


วง KATSEYE เล่าถึงการเผชิญกระแสเกลียดชังและคำขู่ถึงชีวิตนับพัน นับตั้งแต่เดบิวต์

Jarod Adkison คือชายวัย 33 ปีผู้เป็นคุณพ่อลูกหนึ่ง เขาได้พบเห็นเหตุการณ์ที่กลุ่มเพื่อนหญิง 3 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือสาวข้ามเพศ ถูกกลุ่มชายหนุ่มที่ดูเหมือนกำลังเมาเข้าไปล้อเลียนและทำร้าย ซึ่งเขาคิดว่าจำเป็นต้องเข้าไปช่วยเหลือ

ชาวเท็กซัสรวมเงินช่วยเหลือ หมอรักษาให้ฟรี กรณีชายวัย 33 ปี ที่ช่วยปกป้องสาวข้ามเพศที่ถูกคุกคาม-ทำร้าย จนตัวเองถูกต่อยกรามแตก

ถ้าลองไปดูสองบ้านพจนานุกรมฝั่งตะวันตก อย่าง Oxford และ Cambridge Dictionary เขาก็เพิ่งประกาศ ‘Word of the Year’ หรือ คำศัพท์แห่งปี 2025 อย่าง ‘Rage Bait’ และ ‘Parasocial’ ที่สุดแสนจะสะท้อนโลกในปัจจุบันที่ดูเหมือนว่าผู้คนต่างใช้ชีวิตกับ ‘อินเทอร์เน็ต’ กันมากจนเกิดเป็น ‘ความอิน’ ซึ่งนำไปสู่อารมณ์ต่างๆ ที่แน่นอนว่ามีทั้งดี-ร้าย และปฏิเสธไม่ได้ว่ามันแทบจะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก

‘Rage Bait’ ทำคอนเทนต์ดัก (ตรีน) ให้คนโกรธ จะได้แมสๆ / ‘Parasocial’ ผูกพันกับคนดังหรือ AI จนกลายเป็นความสัมพันธ์ในจินตนาการ...2 คำแห่งปี 2025 ของ Oxford และ Cambridge กับสภาวะอารมณ์ที่เกิดขึ้นในหัว ขณะง่วนอยู่กับหน้าจอ ที่ยิ่ง ‘อินมาก’ ก็อาจท็อกซิกได้

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS