‘Nepo Kids’ เป็นคำที่คนรุ่นใหม่ในเนปาลหยิบยืมมาจากวัฒนธรรมฮอลลีวูด ในการระบุถึงลูกหลานนักการเมือง คนรวย และผู้มีอิทธิพลในประเทศ ซึ่งเป็นภาพแทนที่ชัดเจนที่สุด ถึงความเหลื่อมล้ำมหาศาลในประเทศ

ย้อนดูสายธารความโกรธของคน Gen Z ในเนปาล เมื่อ Nepo Kids คือภาพที่ตอกย้ำถึงความเหลื่อมล้ำ

ขณะที่การประท้วงในเนปาลยังคงรุนแรงและล่าสุดนี้มีผู้เสียชีวิตกว่า 25 คน บาดเจ็บร่วม 600 คน สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือความโกรธเกรี้ยวของคนเจนซีที่เป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการประท้วงครั้งนี้ และถ้าถามว่าอะไรที่ทำให้คนเจนซีในเนปาลโกรธกันขนาดนั้น? จนทำให้การพยายามแบนโซเชียลมีเดียของรัฐบาลกลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย&nbsp;คำตอบข้อใหญ่ที่สุดก็คือ ‘Nepo Kids’ คำที่คนรุ่นใหม่ในเนปาลหยิบยืมมาจากวัฒนธรรมฮอลลีวูด ในการระบุถึงลูกหลานนักการเมือง คนรวย และผู้มีอิทธิพลในประเทศ ซึ่งเป็นภาพแทนที่ชัดเจนที่สุด ว่าความเหลื่อมล้ำมหาศาลในประเทศอันเกิดจากการคอร์รัปชั่นและระบบอุปภัมภ์ที่ฝังรากมาอย่างยาวนานให้ผลผลิตแบบใด และผลผลิตนั้นก็ชัดเจนในสายตาของคนรุ่นใหม่ โดยมีโซเชียลมีเดียเป็นตัวขยายภาพให้เห็นชัดกันทั่วทั้งประเทศ“แน่นอนว่ามีความโกรธมากมายพุ่งไปที่พวก Nepo Kids พวกเขาอวดไลฟ์สไตล์หรูหราลงในโซเชียลมีเดีย ทั้งรถหรูๆ บ้านพักแพงๆ รีเวลรีแบรนด์เนม ฯลฯ ทุกอย่างมันโชว์อยู่ในโซเชียลฯ ของพวกเขาหมดแล้ว ในขณะที่ลูกชาวบ้านธรรมดาในเนปาลยังคงต้องต่อสู้กับการหาเงินให้พอใช้ไปเดือนต่อเดือน บางคนต้องทำงาน 17 ชั่วโมงต่อวัน บางคนต้องกระเสือกกระสนหาโอกาสในการทำงานที่ดีขึ้น และความโกรธ (ที่ได้เห็นความเหลื่อมล้ำเหล่านี้) ก็ได้ปะทุขึ้นบนท้องถนน คนเจนซีอยากได้คำตอบเรื่องการคอร์รัปชั่น เรื่องลูกหลานที่ได้ใช้ชีวิตหรูๆ เรื่องระบบอุปถัมภ์ แต่แทนที่จะให้คำตอบกับพวกเขา รัฐกลับเลือกจะฝังกระสุนใส่หน้าอกพวกเขาแทน” Ranju Darshana นักเคลื่อนไหวในกาฐมาณฑุกล่าว&nbsp;“คุณต้องโหดร้ายแค่ไหน ถึงได้ยิงใส่เด็กในชุดนักเรียน เด็กๆ ในประเทศเราตายไปยี่สิบกว่าคนแล้ว พวกคุณรับมันกันได้ยังไง” เธอย้ำแน่นอนว่าขณะที่ Nepo Kids เป็นเป้าแรกๆ ที่ถูกหยิบขึ้นมาพูดถึงในช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาซึ่งสามารถจุดติดความโกรธของคนรุ่นใหม่ได้อย่างพร้อมเพรียง แต่สิ่งที่คนรุ่นใหม่ในเนปาลต้องการโจมตีไม่ใช่เพียงคนรุ่นเดียวกัน แต่ยังเป็นคนรุ่นเก่าก่อนที่เริ่มสร้างระบบที่บิดเบี้ยวขึ้นมาและส่งต่อมาจนถึงลูกหลาน เด็กนักเรียนหลายคนพร้อมใจกันชูป้ายว่า “หมดเวลาของบูมเมอร์” และต้องการให้การเมืองในประเทศ ‘เปลี่ยนน้ำ’ สักที เพราะระบบที่บิดเบี้ยวจากคนเหล่านี้ส่งผลกับชีวิตของพวกเขาโดยตรงข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า ชาวเนปาลอายุ 15-24 ปี มีอัตราการว่างงานถึง 20.8% ในปี 2024 นั่นจึงทำให้คนรุ่นใหม่ชาวเนปาลจำนวนมากต้องออกไปหางานทำในต่างประเทศ ในเวลาเดียวกัน GDP ของประเทศกว่า 33.1% มาจากการโอนเงินส่วนตัว ซึ่งเป็นตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้นมาเรื่อยๆ ตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนเด่นชัดว่ามีคนที่มีรายได้ซึ่งไม่ใช่การจ้างงานในระบบเป็นจำนวนมหาศาล และไม่แปลกที่คนรุ่นใหม่จะอยากรู้ว่าเงินเหล่านั้นมาจากที่ใด และมีใครได้รับผลประโยชน์บ้างและอย่างที่เราเห็นกันแล้วก็คือรัฐเลือกตอบกลับพวกเขาด้วยความรุนแรง มีการใช้กระสุนจริงในการปราบปราม ด้วยข้ออ้างในการพิทักษ์ปกป้องสมบัติของชาติ ซึ่งหมายถึงอาคารรัฐสภาที่ถูกจุดไฟเผา รวมถึงบ้านของรัฐมนตรี และสถานที่ต่างๆ และแม้จะมีภรรยาของอดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกจุดไฟเผา ก็ไม่ได้หมายความว่าทั้งการเคลื่อนไหวและคำถามใหญ่ๆ ของการประท้วงที่ไร้แกนนำในครั้งนี้จะหมดความชอบธรรม และยังควรต้องได้รับคำตอบและการรื้อระบบเพื่อแก้ปัญหา แต่คำถามถัดมาที่อาจยังไม่ได้รับคำตอบก็คือ เมื่อไหร่ และอย่างไร… หรือในวันหนึ่งทุกอย่างก็จะกลับมาเหมือนเดิม และคนที่ถูกพรากชีวิตไปก็จะถูกจดจำเพียงจากคนในครอบครัวของตน เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นแล้ว ในหลายประเทศเหลือเกินอ้างอิง<a href="https://www.thehindu.com/news/international/nepal-protests-its-gen-z-vs-nepo-in-fight-against-corruption-nepotism/article70032816.ece#" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.thehindu.com/news/international/nepal-protests-its-gen-z-vs-nepo-in-fight-against-corruption-nepotism/article70032816.ece#</a>&nbsp;<a href="https://edition.cnn.com/2025/09/10/asia/nepal-protests-gen-z-outcome-intl-hnk" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://edition.cnn.com/2025/09/10/asia/nepal-protests-gen-z-outcome-intl-hnk</a> &nbsp;

“โซเชียลมีเดียทุกวันนี้ท็อกซิกเกินไป” น่าจะเป็นสิ่งที่หลายๆ คนรู้สึกร่วมกันแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากพาตัวเองออกไปจากพื้นที่ออนไลน์ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนจะสามารถทำได้ หลายคนเลยยังต้องดีลกับมวลอารมณ์ด้านลบที่พร้อมพุ่งใส่ตัวเราทุกด้าน

“ไม่รู้ว่าทำไมต้อง negative กับพวกเรา?” คำถามจาก ‘บีบี’ ผู้ชนะ The Face Thailand วัย 16 ปี ที่สะท้อนความอึดอัดต่อพลังท็อกซิกในโซเชียลมีเดีย 

หนึ่งในคำถามที่ญดาถูกนักข่าวบันเทิงยิงคำถามใส่เมื่อไม่นานนี้ จนทำให้หลายคนในโซเชียลฯ ตั้งคำถามว่า ยุคนี้แล้ว คำถามนี้ยังน่าถามอยู่อีกหรือ? คือ “เราเป็นนางเอก คนมองว่าเราเป็นนางเอกอ่า เรามาเปิดตัวแบบนี้ หลายคนเขาจะแบบ มันได้เหรอ มันเหมาะเหรอ แล้วพระเอกล่ะ คู่จิ้นพระเอกเขาจะยังไง?”

แนวคำถามสุดงงของนักข่าวต่อ ‘ญดา นริลญา’ หลังเปิดตัวว่าชอบผู้หญิง สะท้อนความน่าอึดอัดในอุตสาหกรรม ที่คาดหวังให้นักแสดงขายเพศสภาพเพื่อเสิร์ฟคนดู ราวกับฝีมือการแสดงจะถูกหักล้างแค่เพราะรสนิยมทางเพศไม่ถูกใจบางคน

ในเทศกาลหนังเมืองเวนิส (Venice film festival) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา หนังเรื่อง The Voice of Hind Rajab ได้รับเสียงปรบมือนานกว่า 23 นาที หลังจบการฉายรอบปฐมทัศน์ ซึ่งนับเป็นการ Standing Ovation ที่ยาวนานที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ 

The Voice of Hind Rajab หนังกึ่งสารคดีที่บอกเล่าเรื่องราวของ Hind Rajab เด็กหญิงวัย 5 ขวบ ผู้ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมในกาซาได้รับเสียงปรบมือยาวนานสุดในประวัติศาสตร์เทศกาลหนังเมืองเวนิส 

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

ย้อนดูสายธารความโกรธของคน Gen Z ในเนปาล เมื่อ Nepo Kids คือภาพที่ตอกย้ำถึงความเหลื่อมล้ำ

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS