กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นดราม่าในชั่วข้ามคืน กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการให้สัมภาษณ์ของ 3 นักแสดงนำจาก After the Hunt เมื่อนักแสดงสาวผิวดำ Ayo Edebiri วัย 29 เจ้าของรางวัล Emmy Award สาขานักแสดงตลกสมทบหญิงและผลงานกำกับในซีซั่นที่ 3 ของซีรีส์ The Bear ถูก ‘กีดกัน’ ไม่ให้ตอบคำถาม ระหว่างกำลังนั่งให้สัมภาษณ์อยู่พร้อมๆ กับเพื่อนนักแสดงอย่าง Julia Roberts และ Andrew Garfield 

อีกหนึ่งดราม่าจากเทศกาลหนังเวนิส เมื่อ Ayo Edebiri ถูกนักข่าวกีดกันไม่ให้ตอบคำถามว่าความ PC ทำให้ฮอลลีวูดเสียอะไรไปบ้าง หลังจาก Black Lives Matter และ #Metoo จบลง

กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นดราม่าในชั่วข้ามคืน กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการให้สัมภาษณ์ของ 3 นักแสดงนำจาก After the Hunt หนังเรื่องใหม่ของผู้กำกับ Luca Guadagnino ในช่วงเทศกาลหนังเมืองเวนิส (Venice Film Festival) ครั้งล่าสุด&nbsp;เมื่อนักแสดงสาวผิวดำ Ayo Edebiri วัย 29 เจ้าของรางวัล Emmy Award สาขานักแสดงตลกสมทบหญิงและผลงานกำกับในซีซั่นที่ 3 ของซีรีส์ The Bear ถูก ‘กีดกัน’ ไม่ให้ตอบคำถาม ระหว่างกำลังนั่งให้สัมภาษณ์อยู่พร้อมๆ กับเพื่อนนักแสดงอย่าง Julia Roberts และ Andrew Garfield &nbsp;โดยในช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ คอลัมนิสต์หญิงชาวอิตาเลียน Federica Polidoro จากสถานี ArtsLife TV ได้ยิงคำถามเกี่ยวกับประเด็น Black Lives Matter และ #Metoo ที่ว่า พวกเขารู้สึกว่าสูญเสียอะไรไปบ้างในยุคที่อะไรๆ ก็เป็น Political Correctness (PC) ไปเสียหมด และมีอะไรที่พวกเขายังจะคาดหวังจะให้เกิดขึ้นในฮอลลีวูดอีกบ้างหลังจากการเคลื่อนไหว Black Lives Matter และกระแส #Metoo จบลงแล้ว&nbsp;และที่กลายเป็นประเด็นก็คือ Federica คอลัมนิสต์ชาวอิตาเลียนย้ำกับนักแสดงทั้ง 3 ว่าขอถามคำถามเหล่านี้แค่กับ Julia Roberts และ Andrew Garfield เท่านั้น ทั้งที่ Ayo Edebiri ก็นั่งอยู่ข้างๆ กัน ซึ่งนั่นทำให้ทั้ง 3 นักแสดงเริ่มมีท่าทีอึดอัด จน Julia Roberts ขอให้ผู้ถามช่วยทวนคำถามอีกรอบ พร้อมกับบอกว่า “ช่วยรบกวนถอดแว่นกันแดดออกด้วยได้ไหมคะ เพราะฉันไม่แน่ใจว่าคุณกำลังถามใครอยู่” และเมื่อ Federica ทวนคำถามอีกรอบ เธอก็ยังย้ำอยู่เหมือนเดิมว่าขอให้ Julia และ Andrew เป็นคนตอบเท่านั้น&nbsp;“ฉันรู้นะว่าคำถามนี้ไม่ใช่สำหรับฉัน และฉันก็ไม่แน่ใจว่าเป็นการตั้งใจไม่ให้ฉันตอบหรือเปล่า แต่ฉันไม่คิดว่าการเคลื่อนไหวพวกนั้นที่คุณถามมันจบลงแล้วหรอกนะ ฉันว่ามันไม่เคยสิ้นสุดลงเลยล่ะ” นี่คือคำตอบของ Ayo Edebiri ที่ตัดสินใจขอเป็นคนตอบคำถามเหล่านั้น&nbsp;“ถึงแฮชแท็กพวกนั้นจะไม่ค่อยได้ถูกใช้มากนัก แต่ฉันก็คิดว่ามันยังเป็นภารกิจที่กลุ่มนักเคลื่อนไหว รวมถึงคนอื่นๆ ยังคงทำงานกับมันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งฉันว่ามันเป็นสิ่งที่ทั้งดีงามสำคัญมาก และยังไม่สำเร็จ เพราะว่าทั้งโลกมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบเรื่องเหล่านี้ไปด้วยกัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมันยังคงเป็นงานที่เราทุกคนต้องทำอยู่ และงานนั้นก็ยังไม่จบลงหรอกค่ะ”&nbsp;เหตุการณ์นี้เองที่ชวนให้ชาวเน็ตตั้งข้อสังเกตว่าการกระทำของคอลัมนิสต์ชาวอิตาเลียนคนนี้ นอกจากหยาบคายและไร้มารยาทแล้ว อาจยังเป็นการจงใจ ‘กีดกัน’ และ ‘เลือกปฏิบัติ’ กับ Ayo Edebiri อย่างเห็นได้ชัดด้วยหรือเปล่า ทั้งที่ควรให้นักแสดงผู้ถูกสัมภาษณ์ได้ตอบกันทั้งหมด แถมยังแสดงออกชัดเจนว่าเลือกให้นักแสดงซึ่งเป็นคนผิวขาวอย่าง Julia และ Andrew เป็นคนตอบเท่านั้น ขณะที่ Ayo ก็เป็นหนึ่งในตัวแทนของนักแสดง ‘ผิวดำ’ และเป็น ‘ผู้หญิง’ ในอุตสาหกรรมบันเทิงที่จริงๆ แล้วสมควรอย่างยิ่งที่เธอจะได้แสดงจุดยืน หรือมุมมองต่อประเด็นเหล่านี้ทั้ง Black Lives Matter และการคุกคามทางเพศ แต่กลับเหมือนถูกกีดกันไม่ให้มีโอกาสได้พูด&nbsp;และหลังจากนักสืบโซเชียลฯ ได้ตามไปขุดคุ้ยต่อว่าผู้สัมภาษณ์คนนี้เป็นใครมาจากไหน และกล้าทำแบบนี้ได้อย่างไร Federica คอลัมนิสต์ต้นเรื่องก็ออกสเตทเมนต์ว่าเธอตกเป็น ‘เหยื่อ’ ของการถูกคุกคามโดยชาวเน็ตหลังจากการสัมภาษณ์ครั้งนี้ พร้อมกับส่วนหนึ่งของสเตทเมนต์ที่บอกว่า “การเซ็นเซอร์ หรือพิจารณาว่าคำถามไหนเป็นคำถามที่ ‘สร้างความไม่สบายใจ’ หรือ ‘ขาดความชอบธรรม’ นั้นเป็นดุลยพินิจของคนในวิชาชีพนักข่าวเท่านั้นที่จะตัดสินใจ ไม่ใช่ขาวเน็ต… ” แต่กลับไม่ได้ให้เหตุผลว่าเพราะเหตุใดเธอถึงเลือกทำแบบนั้นในระหว่างสัมภาษณ์อย่างไรก็ตาม อีกมุมของดราม่านี้ Ayo Edebiri ก็ได้รับเสียงชื่นชมไม่น้อยจากการที่เธอ ‘วางตัว’ และรักษามารยาทระหว่างเพื่อนนักแสดงได้ดีในการขอเป็นผู้ตอบคำถามเหล่านี้ เช่นเดียวกับที่นักแสดงตัวแม่อย่าง Julia ที่หลายคนบอกว่าเธอ ‘พร้อมฟาด’ เหมือนกัน จากท่าทีของเธอที่เหมือนกำลังจะบอกคอลัมนิสต์ชาวอิตาเลียนเป็นนัยๆ ว่า ‘ช่วยเป็นมืออาชีพและมีมารยาทหน่อย’ ซึ่งไม่เพียงเป็นการแสดงออกถึงการให้เกียรติเพื่อนร่วมงานอย่าง Ayo ในการปล่อยให้เธอตอบคำถามโดยไม่ขัดแล้ว ยังเป็นการเเสดงความเห็นด้วยกับคำตอบของ Ayo ด้วย&nbsp;อ้างอิง<a href="https://nypost.com/2025/09/09/entertainment/reporter-addresses-viral-interview-with-ayo-edebiri-julia-roberts/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://nypost.com/2025/09/09/entertainment/reporter-addresses-viral-interview-with-ayo-edebiri-julia-roberts/</a>https://www.instagram.com/p/DOZVWOcEo4Y/?igsh=MTR0cHJrYXJ2NXZjdg==

เป็นเวลานาน 8 ปี 4 เดือน 19 วัน ที่ ‘อัญชัญ ปรีเลิศ’ วัย 69 ปี หรือที่หลายคนเรียกเธอว่า ‘ป้าอัญชัญ’ ถูกตัดสินจำคุกจากคดีมาตรา 112 วันนี้ 27 สิงหาคม 2568 เธอได้รับอิสรภาพจากการอภัยโทษ ได้กลับบ้านของเธอแล้วในที่สุด

ความรู้สึกแรกของ ‘อัญชัญ ปรีเลิศ’ หลังสิ้นสุดการถูกคุมขังคดี 112 เป็นเวลา 8 ปี 4 เดือน 19 วัน พร้อมเน้นย้ำว่าต้องการให้ ‘นิรโทษกรรม’ มีผลบังคับใช้กับประชาชน

Sally Rooney นักเขียนชาวไอริช เจ้าของผลงานนวนิยายชื่อดังเรื่อง Normal People (2018), Conversation with Friend (2017) และ Beautiful World Where Are You (2021) ที่ออกมาย้ำจุดยืนชัดเจนว่าเธอสนับสนุนองค์กรแห่งหนึ่งของปาเลสไตล์ซึ่งต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุโดยอิสราเอล แต่กลับกลายเป็นว่ามันอาจทำให้เธอต้องตกที่นั่งลำบาก เพราะรัฐบาลอังกฤษดูจะไม่เห็นด้วยกับการแสดงจุดยืนนี้ของเธอสักเท่าไร 

Sally Rooney นักเขียนชาวไอริช เจ้าของผลงานนวนิยายฮิต Normal People แสดงจุดยืนต่อต้านความรุนแรงต่อชาวปาเลสไตน์ และอาจทำให้เธอต้องตกเป็น ‘ผู้ก่อการร้าย’ ในสายตารัฐบาลอังกฤษ

สส.หมิว โดนเรียกว่า “อีซึมเศร้า” / สส.ธัญ โดนเรียกว่า “อีกะเทย” สส.ไหม โดนพูดว่า “ไปแก้ผ้าให้พี่หนูแล้ว" และ แพทองธาร โดนเรียกว่า กะหรี่ ฬ่าน และโดนไล่ไปเลี้ยงลูก แน่นอนว่านักการเมืองควรจะถูกตรวจสอบ และถูกวิพากษ์วิจารณ์การทำงานจากประชาชนได้เสมอ ถึงอย่างนั้น ในบางคำวิจารณ์ก็น่าเก็บมาคิดว่า มันเหมาะแล้วหรือไม่ ที่จะถูกใช้มาเหยียดหยามคนอื่น 

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS